Category Archives: Skincare

กำแพงผิวแห้งเสีย..กู้อย่างไรดี

How to Restore Skin Barrier

Skin barrier คือ ส่วนของ Stratum corneum ชั้นนอกสุดของผิว เป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวเราไว้ ไม่ให้ผิวถูกรุกรานจากสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก รวมทั้งปกป้องไม่ให้ความชุ่มชื้นภายในผิวต้องสูญเสียออกไป

ถ้า Skin barrier เปรียบเสมือนการก่อกำแพงอิฐขึ้นมาแล้วฉาบปูน

กำแพงผิว
กำแพงผิว

✔️ ก้อนอิฐ —> เปรียบกับ เซลล์ผิวหนังที่ถูกเคลือบไว้ด้วยสารให้ความชุ่มชื้นที่ผิวสร้างได้เอง เรียกว่า NMF (Natural Moisturizing Factor) ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ผิวเราสามารถสร้างได้เอง ช่วยดูดน้ำและความชื้นไว้ที่ผิว ทำให้ผิวอวบอิ่มเต่งตึง
✔️ ปูนฉาบก้อนอิฐไว้ให้แข็งแรง —> เปรียบกับ น้ำมันที่เคลือบผิวอยู่ (Sebum) ซึ่งจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ดังนั้นจึงเห็นว่าเป็นข้อได้เปรียบของคนผิวมัน (Oily skin) ผิวจะระคายเคืองน้อยกว่าและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้น้อยกว่าคนผิวแห้ง (Dry skin)
✔️ ปูนที่ยึดก้อนอิฐไว้ด้วยกัน —> เปรียบกับ ไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว (Intercellular lipid) เช่น Ceramide, cholesterol, free fatty acids
จะช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากเซลล์ผิว
จะเห็นว่ากำแพงผิวที่แข็งแรงนั้นต้องสมบูรณ์ทั้ง 3 อย่างข้างต้นนี้

เมื่อกาลเวลาผ่านไป Aging skin ผิวหนังถูกทำร้ายจากแสงแดดและมลภาวะมาเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวมีปริมาณ Ceramide และ Cholesterol ลดลง รวมทั้งยังสร้างใหม่ได้น้อยลงอีกด้วย ส่งผลให้โครงสร้างกำแพงผิวเปลี่ยนแปลง เสียความชุ่มชื้นง่ายมากขึ้น จึงเกิดปัญหาผิวตามมา ได้แก่
• ผิวแห้ง หยาบกร้าน
• ระคายเคืองได้ง่าย
• ริ้วรอยก่อนวัย

นอกจากอายุที่มากขึ้น (Aging Skin) ยังมีภาวะทางผิวหนังที่ทำให้ Ceramide ที่ผิวลดลงมากกว่าคนอื่น เช่น
• ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
• สะเก็ดเงิน (Psoriasis)
• ผิวแห้ง (Icthyosis)
• สิว (Acne vulgaris)
ทำให้ กลุ่มคนเหล่านี้มีการสูญเสียน้ำจากผิวได้มากกว่าคนทั่วไป

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะมีการสร้างของ cytokines หรือโปรตีนที่ใช้ในการสื่อสารระบบอิมมูนลดลง ส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันผิวจะอ่อนแอลง
ดังนั้น หากใครมีผิวหนังอักเสบง่าย แห้ง แดง คัน เรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกให้ต้องเริ่มบำรุงกำแพงผิวให้มากขึ้น

ผิวชั้นบนสุดที่มีค่า pH ประมาณ 4.5-5 จะมีความสมดุลแข็งแรงมากที่สุด แต่เมื่ออายุมากขึ้นค่า pH ที่ผิวจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหตุให้ความแข็งแรงของกำแพงผิวน้อยลงเรื่อย ๆ
ดังนั้น การปรับสมดุลpH ที่ผิวจึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้กำแพงผิวแข็งแรงขึ้นได้

หากใครที่เกิดปัญหาผิวจากกำแพงผิวอ่อนแอ เช่น ผิวแห้ง แดง คัน อักเสบ ระคายเคืองง่าย เป็นสิว มีผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาจลองใช้ วิธีฟื้นฟูกำแพงผิวเบื้องต้น ได้ดังนี้ค่ะ

1️⃣ ทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นผิวสม่ำเสมอทุกวัน โดยเน้นส่วนผสมที่ช่วยเสริม Physiological lipids หรือ ไขมันธรรมชาติที่ผิวนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ceramide 1, 3, 6 และ Cholesterol

ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังกล่าว เช่น CeraVe Moisturizing Cream ก็เป็นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมพื้นฐานที่เหมาะกับการเสริมกำแพงผิว ได้แก่

  1. Ceramide 1, 3 ,6-II ซึ่งเป็นสารสำคัญที่คล้ายไขมันแทรกผิวตามธรรมชาติในสัดส่วนที่เหมาะสมต่อการเสริมความแข็งแรงของกำแพงผิว
  2. มี Cholesterol ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกำแพงผิว
  3. มี Glycerin
  4. มี Hyaluronic acid ช่วยลดการสูญเสียน้ำ, เพิ่มความชุ่มชื้นผิวร่วมด้วย

2️⃣ เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีค่า pH เป็นกรดอ่อน ๆ เพื่อให้กำแพงผิวสมดุลและแข็งแรง

3️⃣ เลี่ยงการอาบน้ำร้อน, การใช้สบู่ที่ pH เป็นด่าง

4️⃣ ใช้ Humidifier ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวในช่วงฤดูหนาวหรือต้องอยู้ในห้องแอร์ประจำ

5️⃣ หากดูแลผิวตามวิธีข้างต้นแล้วยังมีอาการผิวแห้ง อักเสบเรื้อรัง หรือไม่แน่ใจในความผิดปกติที่เป็นอยู่ แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมประเมิน


ใครอยากมีผิวที่แข็งแรง เปล่งปลั่ง แลดูอ่อนกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะก่อสร้างกำแพงผิวของตัวเองให้แข็งแรง ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐาน..ที่สำคัญที่สุดในการดูแลผิวค่ะ


References

Clinics in Dermatology 2019; 37: 336-345.
Yakugaku Zasshi. 2019; 139(12): 1549-1551.
J Clin Aesthet Dermatol. 2016; 9(1): 26-32.
Am J Clin Dermatol. 2005; 6(4): 215-223.
Am J Clin Dermatol 2003; 4 (2): 107-129.
Arch Dermatol Res. 1995; 282: 214-218.


Product mentioned

⭐️ CeraVe Moisturizing Cream
✔️ เป็น Oil-free moisturizer for restore skin barrier ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวได้นานถึง 24 hrs
✔️ มี Ceramide 1, 3, 6-II และ Cholesterol, Glycerin ที่คล้ายไขมันแทรกผิวตามธรรมชาติ (Natural lipids) ช่วยลดการสูญเสียน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นผิว
✔️ MVE (Multivesicular Emultion) technology นวัตกรรมเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของเซราวี ด้วยกลไก “time-released” ค่อย ๆ ปล่อยสารสำคัญออกจากแคปซูลหลาย ๆ ชั้นให้แทรกซึมลงสู่แต่ละชั้นผิวได้ตลอด 24 ชั่วโมง
✔️ Hypoallergenic, non-comedogenic, เนื้อครีมไม่เหนียว เกลี้ยง่าย นุ่ม
✔️ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์
✔️ เหมาะสำหรับผิวแห้งถึงแห้งมาก ผิวที่อักเสบ ผิวที่ระคายเคืองง่าย หรือผู้ที่ต้องการเสริมกำแพงผิวเพื่อลดการระคายเคืองจากการใช้ยารักษาสิว

Disclaimer: Sponsored Content by CeraVe


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

10 คำถามเรื่อง Thiamidol & ฝ้าและการสร้างเม็ดสีผิว ‼️

หากพูดถึงเรื่องเดอโมคอสเมติกส์ที่ช่วยเรื่องฝ้าหรือรอยดำจากสิว หลายคนคงรู้จักไทอามิดอลกันมาพอสมควร วันนี้เลยรวบรวม Q&A มา 10 ข้อที่น่าสนใจ

Q1 : เป็นฝ้ามียาทาอะไรใช้รักษาได้บ้าง❓

A : 1st line ของยาทารักษาฝ้า คือ Hydroquinone ซึ่งถือเป็น gold standard แต่ถ้าหากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างมากและเกิดฝ้าถาวร (Ochronosis) ได้ ปัจจุบันจึงถือว่า Hydroquinone เป็นยาที่ต้องควบคุมการสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อาจมีบางประเทศที่กฏหมายอนุญาตให้ผสมในเครื่องสำอางได้ไม่เกิน 2%
ส่วนยาทาอื่น ๆ ที่ใช้ในการรักษาฝ้า เช่น topical retinoid, azelaic acid, topical methimazole เป็นต้น

Q2 : หากไม่อยากใช้กลุ่มยา มีกลุ่ม Dermocosmetics หรือสกินแคร์ตัวอื่นอีกไหมที่ช่วยเรื่องฝ้าได้ ❓

A : มีค่ะ อาจลองมองหาส่วนประกอบเหล่านี้
✔️ กลุ่มยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส เช่น arbutin 3%/deoxyarbutin, tranexamic acid 2-5%, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol, thiamidol
✔️ กลุ่มยับยั้งการขนส่งเมลานินไปที่ผิวหนังชั้นบน (Melanin transfer inhibition) เช่น niacinamide 4%, soybean
✔️ กลุ่มเร่งการผลัดเซลล์เม็ดสีส่วนเกินที่ผิวชั้นบน (Increased epidermal turnover) เช่น glycolic acid, salicylic acid
นอกจากนั้นต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมด้วยเสมอเพื่อป้องกันการกลับมาเข้มขึ้นของฝ้า

Q3 : แล้ว Thiamidol ล่ะคืออะไร ❓

A : Thiamidol หรือ Isobutylamido thiazolyl resorcinol เป็นสารนวัตกรรมตัวใหม่ ที่ออกฤทธิ์ในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว โดยไปยับยั้งที่ Tyrosinase enzyme นับว่าเป็นสารทางเลือกอันดับต้น ๆ ของคนที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องฝ้า, รอยดำสิว หรือคนที่อยากบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น สารนี้มีงานวิจัยรองรับตีพิมพ์ใน Journal of Investigative Dermatology 2018 ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นการทำวิจัยใน Human tyrosinase ก็ถือว่าเทียบเท่าได้กับการทดลองทาผิวมนุษย์ในชีวิตจริง

Q4 : เมื่อเทียบประสิทธิภาพของไทอามิดอล กับสกินแคร์ที่ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ตัวอื่นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ❓

A : ปัจจุบันมีสกินแคร์กลุ่ม Tyrosinase inhibitor ที่ไม่ใช่ยาอยู่หลายตัว เมื่อเทียบผลการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ของ Thiamidol กับสารอื่น ๆ ก็พบว่าไทอามิดอล
💯 ดีกว่า Butylresorcinol 10 เท่า
💯 ดีกว่า Kojic 1,000 เท่า
💯 ดีกว่า Arbutin 10,000 เท่า
จะเห็นว่าไทอามิดอลค่อนข้างจะเป็น Potent Tyrosinase Inhibitor ที่ออกฤทธิ์ในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวได้ค่อนข้างดี

Q5 : Thiamidol ใช้กับผิวคนไทยได้ไหม ❓

A : ได้ค่ะ มีงานวิจัยในผิวคนไทยพบว่า Thiamidol สามารถใช้ได้ผลในการรักษา ดังนี้
💯 ฝ้าที่รุนแรงน้อยถึงปานกลาง (mild to moderate melasma)
💯 กระ (freckles)
💯 กระแดด (solar lentigines)
โดยพบว่า ได้ผลดีกว่า “4% Arbutin + 2% Hydroquinone” ในเวลา 8-12 สัปดาห์

Q6 : อยากผิวขาวขึ้น Thiamidol ช่วยได้ไหม ❓

A : Thiamidol มีงานวิจัยรับรองว่า lightening index ลดลง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงผิวขาวใสขึ้นใน 2-4 สัปดาห์ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าสีผิวของมนุษย์ถูกยีนกำหนดมาแล้ว ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม lightening และกันแดดอย่างดีก็อาจทำให้ผิวขาวขึ้นได้เพียง 1-2 ระดับเท่านั้นเมื่อเทียบกับพื้นสีผิวของแต่ละคน สามารถดูได้ที่หน้าท้อง หน้าอก ก้น หรือบริเวณที่ไม่ค่อยถูกแดดค่ะ

Q7 : ไม่อยากคล้ำหลังเที่ยวทะเล สามารถทา Thiamidol ป้องกันได้ไหม ❓

A : มีข้อมูลพบว่าสามารถช่วยป้องกัน UVB induced hyperpigmentation ได้ พูดง่าย ๆ คือ ถ้าหากทาผิวทุกวัน 1-2 สัปดาห์ก่อนไปออกแดดจัด เช่น ก่อนไปเที่ยวทะเล จะช่วยป้องกันการเกิดผิวคล้ำหลังโดนแดด ได้ดีกว่าการไม่ทา (Downregulation of tyrosinase activity in melanocyte)

Q8 : ใช้ Thiamidol นาน ๆ จะเกิดฝ้าถาวรไหม ❓

A : ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานของผลข้างเคียงเรื่อง ฝ้าถาวร (Ochronosis) ซึ่งมักพบจากการใช้ hydroquinone แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากไทอามิดอลเป็นนวัตกรรมใหม่ คงต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป มีข้อมูลอัพเดทเรื่องการใช้ Thiamidol ทาเพื่อลดฝ้าที่ความรุนแรงมาก นานต่อเนื่อง 6 เดือน ก็พบว่าไม่มีผลข้างเคียง อีกทั้งฝ้ารุนแรงสามารถจางลงชัดเจนและหลังหยุดใช้ 3 เดือนก็ยังไม่กลับมาเข้มขึ้นเท่าเดิม

Q9 : คนท้องมีฝ้า ใช้ Thiamidol ได้ไหม ❓

A : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงในคนท้อง และเนื่องจากไทอามิดอลจัดเป็นกลุ่มเดอโมคอสเมติก ซึ่งความปลอดภัยค่อนข้างสูงและผลข้างเคียงน้อย เพราะไม่มีการดูดซึมของสารเข้าสู่กระแสเลือด ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้พิจารณา

Q10 : Thiamidol มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ใดบ้าง ❓

A : Thiamidol (PATENTED) คิดค้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ สถาบัน Beiersdorf Germany สารนี้เป็นส่วนผสมหลักอยู่ในผลิตภัณฑ์ของยูเซอรีนหลายรุ่น ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวล่าสุด คือ “Spotless Booster Serum” เป็นตัวที่อัพเกรดเทคโนโลยีต่อยอดจากรุ่นเดิม [ขวดหลอดคู่ Double Booster Serum] โดยใช้เทคนิค Micro targeted Technology เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น มี Hyaluron โมเลกุลขนาดเล็กกว่า 40 เท่า เป็นตัวพาสาร Thiamidol ลงสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น

Bottom Line

การใช้ยาทาภายนอก ถือเป็นการรักษาหลักของการรักษาฝ้า
เดอร์โมคอสเมติกส์เป็นอีกทางเลือก ในคนที่ไม่อยากใช้ยา ซึ่งค่อนข้างปลอดภัย ออกฤทธิ์ได้ถึงผิวชั้นลึกได้ดีกว่าคอสเมติกส์ ผลข้างเคียงน้อย แต่ผลการรักษาอาจไม่ดีเท่ายา
• ถ้าหากยังได้ผล แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังพิจารณาเพิ่มเติมการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ยารับประทาน หัตถการต่าง ๆ และเลเซอร์
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดรักษาฝ้าให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาเพื่อให้ฝ้าจางลงได้ การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีควรต้องควบคู่ไปกับการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างถูกวิธี และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ฮอร์โมน ยาบางชนิด ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นอีก

มีใครเคยลองใช้ไทอามิดอลแล้วบ้างไหมคะ เป็นอย่างไรบ้างชวนมาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ ?


References

  1. Inhibition of Human Tyrosinase Requires Molecular Motifs Distinctively Different from Mushroom Tyrosinase Journal of Investigative Dermatology 2018; 138: 1601-1608.
  2. An updated review of tyrosinase inhibitors. Int J Mol Sci 2009; 26(10): 2440-75.
  3. Mechanism of depigmentation by hydroquinone. J Invest Dermatol 1974; 62: 436-49.
  4. Effective Tyrosinase Inhibition by Thiamidol Results in Significant Improvement of Mild to Moderate Melasma Journal of Investigative Dermatology 2019 doi:10.1016/j.jid.2019.02.013
  5. Thiamidol containing treatment regimens in facial hyperpigmentation: An international multi-centre approach consisting of a double-blind, controlled, split-face study and of an open-label, real-world study. International Journal of Cosmetic Science. 2020; 42: 377–387. doi: 10.1111/ics.12626
  6. Isobutylamido thiazolyl resorcinol for prevention of UVB-induced hyperpigmentation. J Cosmet Dermatol. 2020; 00: 1–6.
  7. 7. 24 weeks long-term efficacy and tolerability of a skin care regimen with Thiamidol in patients with moderate to severe facial hyperpigmentation Roongenkamo et al. EADV2020.

Product mentioned
Eucerin Spotless Brightening Booster Serum

(พัฒนาจาก Double Booster Serum รุ่นก่อน)
ส่วนประกอบหลัก :
✔️ Thiamidol เป็น The Powerful Human Tyrosinase Inhibitor
✔️ Hyarulonic acid small molecule ช่วยนำพาสาร Thiamidol ซึมลงสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น
✔️ Licochalcone A ช่วยลดการอักเสบ ลดการหลั่ง endothelin จาก endothelial cell เสริมการทำงาน ช่วยลดเรื่องการเกิด hyperpigmentation
เทคโนโลยี Micro Targeted : เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และจัดการฝ้า จุดด่างดำได้ดีกว่าเดิม ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น 2 สัปดาห์
เนื้อสัมผัส : บางเบา ซึมง่ายขึ้น
บรรจุภัณฑ์ : สะดวกต่อการใช้งาน หัวปั๊มกดง่ายขึ้น

Disclaimer : Sponsored Content by Eucerin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Acne-prone Skincare, According to Dermatologist

คนเป็นสิวใช้อะไรดี..แนะนำแบบนี้ค่ะ ‼️

  1. ไอเทมที่ควรมีคู่กับการรักษาด้วยยาสิว คือ ผลิตภัณฑ์กันแดด, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเช้า-ก่อนนอน, ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
  2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับ acne-prone skin ได้แก่ non-comedogenic, oil free
  3. เลือกให้เหมาะกับผิว เช่น
    ถ้าเป็นสิว+ผิวมันควรเน้นกลุ่มที่ควบคุมความมัน
    ถ้าเป็นสิว+ผิวแห้งหรือแพ้ง่าย ควรเน้นกลุ่มเสริมกำแพงผิว ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ
  4. คนผิวมัน เน้นผลิตภัณฑ์เนื้อบางเบา เช่น เจล โลชั่น หรือ ครีมที่ซึมเร็ว ส่วนคนผิวแห้ง เน้นผลิตภัณฑ์เนื้อครีมจะช่วยบำรุงได้ดีกว่า
  5. คนผิวแห้ง ระคายเคืองง่าย พยายามเลี่ยงน้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย เพราะอาจระคายเคืองได้
  6. ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดขึ้นกับสภาพผิวแต่ละคน อย่าใช้ตามเพื่อนหรือคำโฆษณา ควรต้องเลือกที่เหมาะกับตัวเอง
  7. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติทับซ้อนกัน เพราะไม่เพียงแต่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นแล้วยังอาจมีผลข้างเคียงตามมาได้
  8. ในรูปเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นให้ทุกคนลองไปศึกษากันดูค่ะ
  9. สุดท้าย ย้ำเสมอหากเป็นสิวเรื้อรังรุนแรงไม่หายสักที แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมประเมินค่ะ

ถ้าชอบ Protocol สกินแคร์สิว Acne-prone Skncare อันนี้ สามารถกดไลค์กดแชร์ได้เลยค่า ♥️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

วิธีจัดการสิวด้วยสกินแคร์ให้เห็นผล

สกินแคร์ที่คุณใช้อยู่ มีคุณสมบัติเหมาะสมในการแก้ปัญหาสิวจากต้นตอหรือไม่

สิวเกิดจากความผิดปกติที่บริเวณรูขุมขนและต่อมไขมัน ซึ่งเป็นภาวะที่ค่อนข้างเรื้อรัง มีกลไกการเกิด คือ มีการทำงานของต่อมไขมันเพิ่มขึ้น (Hyperseborrhea) ทำให้มีการสร้างน้ำมันผิวมากขึ้น รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติของน้ำมันผิวร่วมด้วย ทำให้กระตุ้นการสร้างเคราตินมากขึ้นบริเวณผิวที่รูขุมขน เมื่อเคราตินจับตัวกับน้ำมันผิวจึงก่อให้เกิดสิวอุดตันเล็ก ๆ (Microcomedone) ที่ใต้ผิวตามมา ร่วมกับ หากมีความไม่สมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ Cutibacterium acne ก็จะส่งผลให้เกิดการอักเสบตามมาได้
ทำให้เห็นสิวในลักษณะต่าง ๆ ในแต่ละระยะ เช่น
สิวอุดตัน (หัวปิด = สีขาว, หัวเปิด = สีดำ)
สิวอักเสบ (ตุ่มแดง, ตุ่มหนอง, สิวหัวช้าง, ก้อนซิสต์)

เชื่อว่ามีหลายปัจจัยกระตุ้นให้เกิดสิวตามมา เช่น พันธุกรรม, ฮอร์โมน, สภาวะแวะล้อม, อาหาร, ยาบางชนิด ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ที่ผิว เป็นต้น

การรักษาสิวให้ได้ผลจึงต้องรักษาตามกลไกของการเกิดสิว ได้แก่

  1. ลดการอุดตันของรูขุมขน
  2. ลดการทำงานของต่อมไขมัน
  3. ลดการอักเสบ
  4. ปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ที่ผิว

ซึ่งการรักษาสิวตามแนวทางมาตรฐานยังคงเป็นการรักษาด้วยยาทา เช่น ยาทาวิตามินเอ, ยาเบนซิลเปอร์ออกไซด์, ยาทาฆ่าเชื้อสิว และหากไม่ดีขึ้นหรือเป็นสิวรุนแรงจะต้องใช้ยารับประทานร่วมด้วย เช่น ยากินกรดวิตามินเอ, ยาฆ่าเชื้อ, ยากลุ่มต้านฮอร์โมน ซึ่งเหล่านี้แพทย์จะเป็นผู้พิจารณา

ปัญหาจากการใช้ยารักษาสิวที่มักพบได้บ่อย คือ ผลข้างเคียงเรื่องผิวแห้ง แสบ ลอก ระคายเคือง ยาบางกลุ่มทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ผลคือ ทำให้กำแพงผิวเสียสมดุลและบางคนไม่สามารถทนผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิวต่อได้ ดังนั้น การใช้สกินแคร์จึงเข้ามามีบทบาท เพื่อเสริมความแข็งแรงของกำแพงผิว ช่วยลดผลข้างเคียงจากยา เสริมประสิทธิภาพการรักษาด้วยยาให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นทางเลือกของคนที่เป็นสิวไม่รุนแรง คนที่ทนผลข้างเคียงจากยาไม่ไหว และสามารถใช้เป็นตัวช่วยเพื่อลดโอกาสการเกิดสิวในระยะยาวได้ โดยควรเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาสิว ดังนี้

1) ผลิตภัณฑ์กันแดด

แนะนำให้ใช้ร่วมด้วยเสมอ เนื่องจากยารักษาสิวทั้งยากินและยาทา ทำให้ผิวค่อนข้างไวต่อแสงมากกว่าปกติ
แนะนำชนิด non-comedogenic, non-acnegenic, won’t clog pore

2) ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า

แนะนำให้เป็นกรดอ่อน ๆ pH ประมาณ 5-5.5 และล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน

3) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพื้นฐาน

แนะนำชนิดที่ non-comedogenic มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยบำรุงกำแพงผิวให้แข็งแรง ทั้งนี้เพื่อลดผลข้างเคียงของยาทาสิว เช่น dimethicone, glycerin
• มีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างน้ำมันผิว เช่น niacinamide, zinc, L-carnitine, fullerene
• มีคุณสมบัติช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น retinol, glycolic acid, salicylic acid, PHA
• มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ เช่น azelaic acid, lichochalcone A, aloe vera, zinc
หากสกินแคร์กลุ่มบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติดังกล่าว นอกจากจะช่วยเสริมการรักษาสิวให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดสิวใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย ทั้งนี้เพราะเป็นการแก้ไขอย่างตรงจุดตามกลไกการเกิดสิวค่ะ

หากใครเป็นสิวอุดตัน ผิวมัน ที่กำลังมองหาสกินแคร์สักชิ้น ลองมองหาส่วนผสมที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อเสริมการรักษาไปกับการทายาได้ค่ะ
ยกตัวอย่างสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติข้างต้น เช่น Proacne A.I. Matt Fluid ซึ่งประกอบด้วย Salicylic, Licochalcone A, L-carnitine and 1,2- decanediol เป็นต้น

ทั้งนี้การรักษาและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องค่อย ๆ ลองปรับที่เหมาะกับตัวเอง และหากเป็นสิวเรื้อรังรุนแรงแนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมดูแล

References:
J Drugs Dermatol. 2016; 15(1 Suppl 1): s7-s10.
JEADV 2015; 29 (Suppl. 5): 1-7.
Nat Rev Dis Primers. 2015; 1: 15029.
Dermatol Clin 2012; 30: 99–106. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2010; 3: 135–142.

Product mentioned
Eucerin Proacne A.I. Matt
✔️ มี Salicylic acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขนได้ดี
✔️ มี Licochalcone A เป็น Innovation ที่ช่วยลดการอักเสบผิว ลดการเกิดรอยแดงรอยดำจากสิว และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว
✔️ มี L-carnitine มีข้อมูลว่าการทาที่ผิวจะช่วยเพิ่ม b-oxidation ในการสลาย fatty acid และลด intracellular lipid content ในต่อมไขมัน ส่งผลให้ความมันที่ผิวเริ่มลดลงชัดเจน 2-3 สัปดาห์ และคุมความมันได้นาน 8 ชั่วโมง
✔️ Hypoallergenic Test ผ่านการทดสอบการแพ้, Non-comedogenic ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน

Disclaimer : Content Sponsored by Eucerin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

All About Acne : ตอบคำถามเรื่องสิวและการล้างหน้าด้วยอุปกรณ์ล้างหน้า

คลิปวิดิโอนี้รวบรวมคำถามที่คนเป็นสิวควรรู้ค่ะ ใครเป็นสิวลองดูนะคะ มีรายละเอียดตามนี้

  1. สิวเกิดจากอะไร
  2. สิวมีกี่แบบ ลักษณะแบบไหนเป็นสิวชนิดไหน
  3. ปัจจัยที่มีส่วนให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง
  4. ทานอาหารแบบไหนที่ทำให้สิวขึ้น
  5. สิววัยรุ่น vs สิววัยผู้ใหญ่
  6. กดสิว ฉีดสิว ทำเองได้ไหม
  7. คนเป็นสิว ควรใช้สกินแคร์อะไรบ้าง
  8. สิวแบบไหนที่ควรต้องไปหาหมอ
  9. Cleansing gadget มีประโยชน์หรือไม่
  10. ใครควรใช้/ไม่ควรใช้ Cleaning gadget
  11. คนผิวระคายเคืองง่ายเหมาะ LUNA3 สีไหน
  12. How to เลือก Cleansing gadget ให้เหมาะ

ทั้งหมดอยู่ในคลิปนี้ 12 นาที

Disclaimer : Video Production by Foreo Sweden

ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ เหล่านี้เราเรียกว่า Topical Antiperspirants

วันนี้ขอแชร์ตอนที่ 1 เกี่ยวกับ ไอเทมที่ช่วยในเรื่องการลดเหงื่อ
ส่วนตอนที่ 2 จะเล่าเรื่อง เหงื่อออกเยอะ สาเหตุ และการรักษาทุกวิธี ถ้าใครอยากรู้ก็มารอได้ค่ะ

กลไกก็คือ เวลาเราทาลงไปที่ผิว ก็จะเกิดการทำปฏิกิริยากับเหงื่อที่ขับออกมาจากท่อเหงื่อ เกิดเป็นก้อนโมเลกุลของเกลือชนิดหนึ่งแล้วก็ อุดที่บริเวณปลายท่อระบายเหงื่อส่วนตื้น ๆ ไว้

หลังจากนั้น พอร่างกายได้รับสัญญาณบอกว่าต่อมเหงื่อมีการอุดตัน ก็จะสั่งการให้ลดการสร้างเหงื่อให้น้อยลงตามมา

ส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็จะค่อย ๆ หลุดสลายไปประมาณ 6-8 ชั่วโมงหรือเมื่อมีการชำระล้างออก

จริง ๆ แล้ว เราแบ่ง Topical antiperspirants ออกเป็น 2 เกรด คือ

1. Over-the-counter grade ที่ขายตามร้านยาหรือเค้าเตอร์แบรนด์ต่าง ๆ กลุ่มนี้ความเข้มข้นจะน้อยกว่า ระคายเคืองน้อยกว่า แต่ราคาอาจสูงเนื่องจากหลายปัจจัยทั้งด้านการโฆษณาหรือบรรจุภัณฑ์


2. Prescription grade ซึ่งต้องสั่งด้วยแพทย์ กลุ่มนี้ความเข้มข้นสูง ผลข้างเคียงก็จะมากขึ้นตามมา แต่ประสิทธิภาพการรักษาก็จะชัดเจนกว่า สามารถใช้รักษาโรค hyperhidrosis ที่รุนแรงได้ผลกว่ากลุ่มแรก

ดังนั้น หากใครที่ใช้กลุ่ม 1 แล้วไม่ดีขึ้น ก็แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และพิจารณาเรื่องการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ร่วมด้วยค่ะ

เทคนิคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อนำมาฝาก

• เลือกซื้อให้ดีว่าเป็น antiperspirant (เพื่อลดเหงื่อและกลิ่นได้ด้วย) ไม่ใช่ deodorants (ลดกลิ่นแต่ไม่ช่วยลดเหงื่อ)

• วิธีการทาที่ได้ผล คือ ทาก่อนนอนดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่เหงื่อออกน้อย และในคนที่เหงื่อเยอะ อาจทาซ้ำตอนเช้าอีกรอบ

• ช่วงแรกอาจต้องใช้ทุกวัน สักระยะผ่านไปก็อาจสามารถลดความถี่ได้ เช่น 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ขึ้นกับความรุนแรงของแต่ละคน

• ทาลงบนผิวที่แห้ง เพื่อป้องกันการระคายเคือง และ ไม่จำเป็นต้องocclude ด้วยแผ่นฟิล์มอะไรเพิ่ม เพราะไม่ช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น

• แบบ lotion หรือ cream จะเห็นผลดีกว่า แบบ stick หรือ roll-on

• สำหรับคนที่เหงื่อออกที่หนังศีรษะเยอะจนไหลย้อยมาที่หน้า แนะนำรูปแบบครีมทา ที่บริเวณไรผม (hairline)

• กรณีเหงื่อออกที่เท้าเยอะ แนะนำเป็นรูปแบบแผ่นเช็ด wipe หรือแบบสเปรย์ โดยให้สเปรย์ที่หลังเท้าและง่ามนิ้ว

• กรณีรักแร้ งดทาหลังวันที่ถอนขนอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดการระคายเคือง

• ส่วนผสมที่ช่วยออกฤทธิ์ที่ใช้บ่อย ๆ


⭐️ Aluminium chloride hexahydrate 6.25-40%
แนะนำ 10-15% สำหรับรักแร้
และ 20-40% สำหรับมือและเท้า
ส่วนมาก OTC จะไม่ให้เกิน 12.5%
⭐️ Topical glycopyrrolate/glycopyronium 0.5-4%
⭐️ Aluminium zirconium trichlorohydrex
⭐️ Topical oxybutynin 3%

• ถ้าหากใครระคายเคืองเยอะ แนะนำดังนี้
▫️ ลดความเข้มข้น
▫️ ทาด้วยความถี่ห่าง ๆ
▫️ เลือกเบสเป็น salicylic gel base จะระคายเคืองน้อยกว่า aqueous alcohol
▫️ ทาทับด้วย moisturizer

เล่าประสบการณ์ส่วนตัว

⭐️ Kiehl’s Superbly Efficient Anti Perspirant & Deoderant cream ‼️
เป็น Aluminium chlorohydrate
ความจริงตัวนี้เคยรีวิวไปรอบหนึ่ง
เหตุผลที่ชอบตัวนี้เพราะ
เป็นเนื้อครีม ซึ่งได้ผลดีกว่ารูปแบบอื่นอย่างที่บอกไป
นอกจากลดเหงื่อและยังลดกลิ่นด้วย
มีผสมกรดผลไม้อ่อนๆ ผลัดเซลล์ผิวอ่อน ๆ ช่วยขาวใสเนียนเรียบ
มี witch hazel ช่วยชุ่มชื้นลดการระคายเคือง
ไม่มีกลิ่น ไม่ตีกับกลิ่นน้ำหอม

⭐️ Off Sweat – Antiperspirant wipe
ตัวนี้ลองใช้มาสักระยะ ต้องขอบคุณทางแบรนด์ที่ส่งมาให้เปิดประสบการณ์ค่ะ ตัวนี้เป็นแบบแผ่นเช็ด ตัวยา คือ Aluminium sesquichlorohydrate
มี chloroxylenol, Tea tree oil ช่วยลดกลิ่นกำจัดแบคทีเรีย แล้วก็มี lactic acid ผลัดเซลล์ผิว มีวิตามิน C, E ปรับสีผิวให้ขาวใส
เช็ดมือก็ได้ ช่วงไหนใส่คัชชูบ่อย ๆ ใช้เช็ดเท้าก็ดี

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
PR Gifted from Off SWEAT

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

รวบรวม Effaclar เพื่อนคู่ใจชาวสิว

อีกคำถามที่เจอบ่อยมากจากคนที่ประสบปัญหาสิวที่คอลมาปรึกษา คือ Effaclar ต่างกันอย่างไร ⁉️

หมอเลยสรุปมาเทียบให้ตามตารางนี้ค่ะ
เอาเป็นว่า ใครที่มีปัญหาไหนเด่น ก็ลองดูตามนั้น

1. กลุ่มสกินแคร์

K+ ▶️ เหมาะคนที่มีสิวอุดตันเป็นหลัก
Duo+ ▶️ เหมาะคนที่เยอะแยะไปหมด ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน รอยแดง รอยดำ ผิวมัน รูขุมขนกว้าง
MAT ▶️ เหมาะคนผิวมัน รูขุมขนกว้าง ไม่ค่อยมีสิว
Serum ▶️ เหมาะคนที่สิวอุดตันหนักมากไม่หมดสักที สิวอักเสบร่วมด้วย

2. กลุ่มล้างหน้า

ทั้งคู่เป็น Physiological pH, Soap-free
Gel ▶️ เหมาะผิว Acne-prone ที่ระคายเคืองง่าย
Micro-peeling ▶️ เหมาะผิวมัน มีสิวอุดตันและอักเสบ

อย่างไรก็ตาม การรักษาสิวตามแนวทาง คือ การรักษาด้วยยาเป็นหลัก ส่วนผลิตภัณฑ์ข้างต้นและเดอร์โมคอสเมติกส์ทั้งหลายถือเป็นการรักษาเสริมในการรักษาสิว เพื่อให้ประสิทธิภาพของการรักษาสิวดียิ่งขึ้นค่ะ

หากเป็นสิวเรื้อรัง สิวรุนแรง แนะนำพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาอย่างถูกวิธีนะคะ


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Plant-based Complex Anti-aging Skincare 🌳

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสเข้าร่วมงานอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกลุ่มที่ช่วยชะลอวัยและฟื้นฟูผิวที่ได้จาก Botanical Bud Negtar ก็เลยได้มีโอกาสกลับไปทบทวนและอัพเดทเพิ่มเติม และมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ Plant-based Complex Anti-aging Skincare และ เรื่องของ Bud Nectar ในโพสนี้ 5 ข้อสรุปสั้น ๆ ลองอ่านดูกัน…

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทางแบรนด์อีฟโรเช่ Yves Rocher ที่เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Yves Rocher Anti-age Global Super Serum ในครั้งนี้ค่ะ

1.🌿 ปัจจุบันมีเทรนของคอสเมติกส์กลุ่มฟื้นฟูผิว ที่ทำมาจาก Plant-based complex มากขึ้น อันที่จริงแล้วข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับ Plant stem cells มีมานานพอสมควร ข้อมูลส่วนใหญ่ไม่ใช้สเต็มเซลล์ที่มีชีวิตใส่ลงในเครื่องสำอางโดยตรง เพราะจะไม่สามารถแบ่งตัวและมีชีวิตได้ ที่สำคัญอาจปนเปื้อนได้ แต่มักจะใช้การเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ที่ได้จากพืชในหลอดทดลอง แล้วนำสารสกัดที่ได้มาผสมในเครื่องสำอางอีกที ซึ่งก็พบว่าได้ผลเช่นกัน

🌟 กลุ่ม Plants ที่มีข้อมูลในเรื่องผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ยกตัวอย่างเช่น

🛑 Mirabilis jalapa
🛑 Indian gooseberry fruit (Phyllanthus emblica)
🛑 Grapes (Vitis vinifera)
🛑 Lilacs (Syringa vulgaris)
🛑 Swiss apples (Uttwiler spatlauber)

และอื่น ๆ อีกมากมาย

2.🌿 กลไลที่เคลมว่า Plant-based Complex ส่งผลด้าน Anti-aging effect ต่อผิวหนัง นั้นเป็นเพราะมีองค์ประกอบของ Anti-oxidants และ Anti-inflammatory compounds อยู่มาก จึงทำให้มีฤทธิ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ขึ้นกับชนิดของ Plants

ได้แก่

  • Photoprotective effects

ช่วยปกป้องและลดการทำร้ายผิวจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี พูดง่าย ๆ ว่าเป็น Antioxidative properties อย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันการทำลายคอลลาเจนจากสารอนุมูลอิสระ

  • Anti-inflammatory effects

ช่วยลดการอักเสบของผิวหลังจากมีปัจจัยต่าง ๆ มากระตุ้นการอักเสบผิว

  • Anti-Elastase, MMP and Hyaluronidase Properties

ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มาทำลายโครงสร้างผิว เช่น อิลาสติน คอลลาเจน ไฮยารูรอน

  • Anti-wrinkle effects

ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ต่าง ๆ (Improved cell renewal) เช่น ไฟโบรบลาสต์ จึงส่งเสริมการสร้าง collagen, elastin, hyaluronic acid มากขึ้น

🌟 ดังนั้น โดยรวมจึงส่งผลให้ผิวแลดูมีสุขภาพดี เรียบเนียน และริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง

3.🌿 Botanical Bud Nectar คือ ส่วนของน้ำหวานเข้มข้นที่ได้จากหน่อยอดอ่อนของดอก Syringa (ซิริงกา) หรือ Lilac (ไลแลค) [ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syringa vulgaris เป็นพืชดอกที่อยู่ในตระกูลมะกอก (Oleaceae) มีต้นไม้ร่วมตระกูลคือ มะลิ]

🌟 ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้มีการแตกหน่อใหม่ได้อย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้น ดอกไวท์ไลแลค จึงสามารถเจริญเติบโตแม้ในสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด เพราะสามารถกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ด้วยตัวเองได้เรื่อย ๆ ตลอดเวลา

🌟 จึงเป็นที่มาของการนำสารสกัด Bud Nectar มาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่ใช้บำรุงผิว เพื่อหวังผลในแง่ Anti aging effect ‼️

4.🌿 วิธีการสกัดเอา Bud Nectar ออกมาเพื่อผสมในสกินแคร์ เรียกว่า Gemmotherapy (เจมโมเทอราปี) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (นวัตกรรมเฉพาะของอีฟ โรเช่) โดยมีขั้นตอน ดังนี้

• สกัดเซลล์ตัวอย่างจากหน่อยอดอ่อนของดอกไวท์ไลแลคเพียงครั้งเดียว

• คัดเลือกเซลล์ที่สมบูรณ์

• กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ (ในหลอดทดลอง) จากเซลล์ที่คัดเลือกมา

🌟 สุดท้ายแล้วจะได้เป็นสิ่งที่เรียกว่า Botanical Bud Nectar เพื่อนำไปผสมในสกินแคร์

🌟 ยกตัวอย่างสกินแคร์กลุ่มฟื้นฟูผิวที่มี Bud Nectar ที่ได้มาตรฐาน เช่น Yves Rocher Anti-age Global Super Serum ซึ่งตัวนี้จะมีส่วนผสมของ Oil Booster (Jojoba oil, Grapeseed oil และ Squalene) ซึ่งมีการทดลองพบว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซึมของ Bud Nectar และกระจายสู่ผิวชั้นลึกได้ดียิ่งขึ้น

5.🌿 เรื่องของ Natural Oils เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งมีหลายหลายชนิดและก็มีคุณสมบัติต่างกันออกไป ยกตัวอย่างที่นิยมผสมในสกินแคร์ เช่น

  • Grape Seed Oil เป็นตัวที่มีไขมันดี Linoleic acid มากที่สุดในบรรดา Natural Oils ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมกำแพงผิว ลดการอักเสบ และยังมี Vitamin E, Phenolic compound ซึ่งช่วยเรื่อง Antioxidation ได้อย่างดี และยังมีข้อมูลว่าช่วยลดการระคายเคืองจาก sodium lauryl sulfate ได้อีกด้วย
  • Jojoba Oil เป็นตัวที่คล้ายคลึงกับน้ำมันผิวตามธรรมชาติมากที่สุด นอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ซ่อมแซมกำแพงผิวแล้ว ยังจัดเป็น Potent antioxidants ที่ช่วยเรื่องฟื้นฟูผิวได้ดีมาก อีกทั้งยังมีข้อมูลในการนำมาผสมในสกินแคร์เพื่อเพิ่มการดูดซึมให้ดียิ่งขึ้นได้

🌟 ดังนั้น จึงมักเห็นออยล์ที่ยกตัวอย่างข้างต้น ถูกนำมาผสมในสกินแคร์กลุ่มที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิว เพราะนอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว ยังมีขนาดโมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดี ไม่ทิ้งความมันที่ผิว ไม่ค่อยเกิดการอุดตันรูขุมขน

🪴🪴🪴 ปัจจุบันแนวโน้มของการใช้สกินแคร์กลุ่มฟื้นฟูผิว เพื่อการบำรุงผิวมีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Plant Stem cell-based เพราะมีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของ Anti-oxidant และ Photoprotection ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยชะลอให้ความเสื่อมของผิวเราเกิดขึ้นได้ช้าลง เพื่อผลลัพธ์ในเรื่องของความอ่อนเยาว์อย่างที่หลาย ๆ คนต้องการ

🪴🪴🪴 อย่างไรก็ตาม การใช้สกินแคร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลผิว เพื่อให้ผิวของเรามีสุขภาพดีและน่ามอง ซึ่งคงต้องทำควบคู่ไปกับวิธีการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่ การปกป้องผิวจากแสงแดดร่วมด้วยอย่างถูกวิธี ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า

🪴🪴🪴 แล้วคุณล่ะ .. เริ่มดูแลผิวอย่างถูกวิธีแล้วหรือยัง ไว้ตอนหน้าจะมาเล่าเรื่อง Natural Oils ในสกินแคร์เพิ่มเติมอีก ใครอยากรู้ต้องรอติดตาม ☺️

References:

3 Biotech. 2020 Jul; 10(7): 291.

Am J Clin Dermatol. 2018; 19: 103–117.

Int. J. Mol. Sci. 2018 ;19: 70.

Curr Pharm Biotechnol. 2017; 18(11): 864-876.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

Product Mentioned

🌟Yves Rocher Anti-age Global Super Serum🌟

🌳 มีส่วนผสมหลัก คือ สารสกัด Botanical Bud Nectar ซึ่งผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง

มีการทดลองหลังการทา พบว่า

🌳 ค่าการอักเสบที่ผิวชั้นหนังกำพร้า (IL6,8) หลังได้รับรังสี UV ลดลงมากกว่าในผิวที่ทา เมื่อเทียบกับผิวที่ไม่ทา

▫️ พบมี Fibroblast renewal เพิ่มขึ้น 20% หลังการทา 72 ชั่วโมง

▫️ พบว่าการสร้างเมลานิน ลดลง 56%

🌳 เทคโนโลยีเฉพาะที่เรียกว่า N.A.T.( Natural Assimilation Technologies) มีการทดลองพบว่า ช่วยให้ Botanical Bud Nectar สามารถแทรกซึมลงสู่ผิวชั้น Epidermis และ Dermis ได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับ Placebo Formula อื่น

🌳 เนื้อเซรั่มเป็น Biphasic formula คือ

ส่วนน้ำ [Botanical Bud Nectar] +

ส่วนน้ำมัน [Oil Booster] ซึ่งมีการทดลองพบว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซึมและกระจายสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น

🌳 ส่วน Oil Booster ประกอบด้วย Jojoba oil, Grapeseed oil และ Squalene ซึ่งคล้ายคลึงกับน้ำมันธรรมชาติในผิว เป็นออยล์โมเลกุลเล็ก ซึมเร็ว ไม่ทิ้งความมัน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

🌳 เป็นสกินแคร์กลุ่ม anti-aging ที่สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว

Sponsored Content by Yves Rocher

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.