Tag Archives: skin barrier

Ectoin หรือ Extremolytes คืออะไร

Ectoin คือ สารที่ผลิตได้จากแบคทีเรียชื่อ Halomonas elongata ถือเป็น naturally Osmolytes อย่างหนึ่งที่มีการศึกษามากมายทั้งในแง่ของการผสมในครีมบำรุงผิวหรือครีมกันแดด, ยาพ่นในระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งยาหยอดตา

ทั้งนี้ เนื่องจาก Ectoin มีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบได้ ทั้งที่ผิวหนัง เยื่อบุทางเดินหายใจ และตา

มีการศึกษาพบว่าผิวหลังทาสกินแคร์ที่มี Ectoin เมื่อทดสอบด้วย UVB แล้ว มีอิมมูนเซลล์ที่ผิว (Langerhan cells) ลดลงเพียงเล็กน้อย และยังพบ Sunburn cells ลดลงอย่างชัดเจน

ดังนั้น Ectoin จึงมีคุณสมบัติ ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายด้วย UVB

มีการศึกษาพบว่าผิวหลังทาสกินแคร์ที่มี Ectoin เมื่อทดสอบด้วย UVA แล้ว เซราไมค์ที่ผิวจะถูกสลายน้อยลงไปเรื่อย ๆ (dose-dependent) และยังพบ ICAM-1 น้อยลง บ่งบอกว่าการอักเสบของผิวน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น Ectoin จึงมีคุณสมบัติ ช่วยยับยั้งกระบวนการอักเสบของผิวที่เกิดจาก UVA ได้อีกด้วย

มีการศึกษาวิจัยในคน Sensitive & Atopic skin โดยให้ทา 1% และ 4% Ectoin เช้าเย็น นาน 7 วัน พบว่า TEWL ลดน้อยลง (แบบ dose-dependent)

ดังนั้น คนผิวแห้งหรือแพ้ง่ายที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงของกำแพงผิว แนะนำ ectoin ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 0.5-1% ขึ้นไป โดยทาเช้าเย็น จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณ 1 สัปดาห์

มีการศึกษาพบว่าเมื่อทา 1% Ectoin เช้าเย็น นาน 12 วันขึ้นไป ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการตรวจวัดด้วยเครื่องมือ corneometry และหลังหยุดทาแล้วยังสามารถคงความชุ่มชื้นผิวอยู่ได้อย่างน้อย 7 วัน

ดังนั้น Ectoin จึงมีคุณสมบัติเป็น prolonged moisturizer ช่วยให้ความชุ่มชื้นผิวได้ยาวนาน ในงานวิจัยระบุอย่างน้อย 7 วัน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องขึ้นกับสภาพผิวแต่ละบุคคล และ ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่มี Ectoin ในแต่ละยี่ห้อ

Ectoin มีคุณสมบัติ anti-inflammatory effect จึงมีการนำมาใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบจากสาเหตุหลายอย่าง

ดังนั้น จึงเป็นอีกทางเลือกในคนที่มีผิวหนังอักเสบ (Eczema) หรือในกลุ่มโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Mild to moderate Atopic dermatitis) ที่อยากเลี่ยงการทาสเตอรอยด์บ่อย ๆ ในระยะยาว

พบว่า การทาสกินแคร์ที่มี Ectoin สามารถช่วยลดการเกิด Air pollution-induced hyperpigmentation ได้ และลด gene expression ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเสื่อมของผิวได้

ดังนั้น Ectoin-containing Skincare จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากช่วย anti pollution และ anti aging ได้ดี

ถึงแม้มีข้อมูลว่า Ectoin ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB ช่วยป้องกันผิวไหม้และลด aging skin ได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาในแง่ SPF, PA ที่ชัดเจน

ดังนั้น แนะนำให้ทาครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอค่ะ

บางคนเรียก Ectoin ว่าเป็น All-in-One และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการบำรุงผิว เพราะมีความสามารถ คือ

✔️ ปกป้องผิวจากการทำร้ายโดย UVA ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งผิวชรา ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ

✔️ ปกป้องผิวจากการทำร้ายโดย UVB ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งผิวไหม้และหมองคล้ำ

✔️ ลดการระคายเคืองผิวจาก PM2.5 ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความแก่, ผิวอักเสบ, การกำเริบของผื่นผิวหนังบางชนิด

✔️ ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง

✔️ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวได้ยาวนานหลายวัน

โดยสรุป คุณสมบัติของEctoin ก็คือ

“Antiaging + Antiinflammatory + Moisturizing + Barrier repairing effects”

ถ้าหากใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Extremolytes (Ectoin) ขอแนะนำ ดังนี้ค่ะ

• 0.5% ขึ้นไป ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงกำแพงผิวได้ดี

• 1% ขึ้นไป มีคุณสมบัติเหมือน 0.5% และเพิ่มเติมคือ สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานยิ่งขึ้นเป็นสัปดาห์

• 5-7% ขึ้นไป นอกจากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานและบำรุงกำแพงผิวได้ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติ anti-inflammatory effect (dose-dependent) แนะนำสำหรับคนที่มีปัญหาภูมิแพ้ผิวหนัง Atopic dermatitis, มีผื่นแพ้อักเสบผิวหนังต่าง ๆ หรือ คนที่ต้องการบำรุงผิวมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มลภาวะฝุ่น PM2.5

ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีในประเทศไทยที่มีงานวิจัยทางการแพทย์รับรองในการช่วยลดการอักเสบของผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้ดี ก็เช่น Resiskin ซึ่งมีส่วนผสมของ Ectoin 7% เป็นต้น

References

Int J Woman’s Dermatology. 2021; 7: 91-97.

J Eur Acad Dermatol Venereol. 2019 Aug; 33(8): 1496-1505.

Dermatologic Therapy. 2019; e13171.

Archives of Toxicology. 2018; 92: 2077–2091.

Curr Pediatr Rev. 2019; 15(3): 191-195.

Skin Pharmacol Physiol 2014; 27: 57–65.

Appl Microbiol Biotechnol 2006; 72: 623–634.

Clin Dermatol 2008; 26: 326–333.

Product mentioned

Resiskin by Qualisk

✔️ Germany Innovative Ingredient (Extremolyte) นวัตกรรมสูตรผสมนำเข้าจากเยอรมันที่มีส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารกันเสีย

✔️ เป็น Skin barrier repair ช่วยเสริมความแข็งแรงของกำแพงผิว ช่วยปกป้อง บำรุงและฟื้นฟูผิวในหลอดเดียว และยังช่วยลดอาการอักเสบของผิวได้ โดยมีส่วนประกอบหลัก คือ Ectoin ในปริมาณสูงถึง 7%

✔️ มีงานวิจัยรับรองประสิทธิภาพในผิวหนังมนุษย์

✔️ No Steroid, No fragrance, Safe for infant, children, adult

✔️ แนะนำในคนผิวธรรมดา, ผิวแห้ง, ผิวแพ้ง่าย, ผู้มีปัญหาผิวหนังอักเสบหรือภูมิแพ้ผิวหนัง

🌟 Where to buy: สามารถหาซื้อได้ที่ โรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ หรือ สั่งซื้อออนไลน์ที่ช่องทางเพจ @ResiSKIN by Qualisk, เวบไซต์ http://www.resiskin.com, Line: @resiskin

🌟 พิเศษ ‼️ สำหรับแฟนเพจ HELLO SKIN by หมอผิวหนังที่เห็นโพสนี้

สามารถซื้อในราคาที่มีส่วนลดได้ที่ Inbox เพจ ResiSKIN by Qualisk โดยนำ PROMOTION CODE นี้ไปแจ้งได้เลย

– Code [HS1050]: หลอด 30 ml จาก 1,250 บาท เหลือราคา 1,050 บาท

– Code [HS1500]: หลอด 30 ml + Body Serum 140 ml จาก 2,200 บาท เหลือราคา 1,500 บาท แถมฟรี Travel Size (5 ml) 1 หลอด

– Code [HS2100]: หลอด 30 ml 2 หลอด จาก 2,500 บาท เหลือราคา 2,100 บาท แถมฟรี Travel Size (5 ml) 1 หลอด

Disclaimer: Content sponsored by Qualisk

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

กำแพงผิวแห้งเสีย..กู้อย่างไรดี

How to Restore Skin Barrier

Skin barrier คือ ส่วนของ Stratum corneum ชั้นนอกสุดของผิว เป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวเราไว้ ไม่ให้ผิวถูกรุกรานจากสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก รวมทั้งปกป้องไม่ให้ความชุ่มชื้นภายในผิวต้องสูญเสียออกไป

ถ้า Skin barrier เปรียบเสมือนการก่อกำแพงอิฐขึ้นมาแล้วฉาบปูน

กำแพงผิว
กำแพงผิว

✔️ ก้อนอิฐ —> เปรียบกับ เซลล์ผิวหนังที่ถูกเคลือบไว้ด้วยสารให้ความชุ่มชื้นที่ผิวสร้างได้เอง เรียกว่า NMF (Natural Moisturizing Factor) ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ผิวเราสามารถสร้างได้เอง ช่วยดูดน้ำและความชื้นไว้ที่ผิว ทำให้ผิวอวบอิ่มเต่งตึง
✔️ ปูนฉาบก้อนอิฐไว้ให้แข็งแรง —> เปรียบกับ น้ำมันที่เคลือบผิวอยู่ (Sebum) ซึ่งจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ดังนั้นจึงเห็นว่าเป็นข้อได้เปรียบของคนผิวมัน (Oily skin) ผิวจะระคายเคืองน้อยกว่าและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้น้อยกว่าคนผิวแห้ง (Dry skin)
✔️ ปูนที่ยึดก้อนอิฐไว้ด้วยกัน —> เปรียบกับ ไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว (Intercellular lipid) เช่น Ceramide, cholesterol, free fatty acids
จะช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากเซลล์ผิว
จะเห็นว่ากำแพงผิวที่แข็งแรงนั้นต้องสมบูรณ์ทั้ง 3 อย่างข้างต้นนี้

เมื่อกาลเวลาผ่านไป Aging skin ผิวหนังถูกทำร้ายจากแสงแดดและมลภาวะมาเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวมีปริมาณ Ceramide และ Cholesterol ลดลง รวมทั้งยังสร้างใหม่ได้น้อยลงอีกด้วย ส่งผลให้โครงสร้างกำแพงผิวเปลี่ยนแปลง เสียความชุ่มชื้นง่ายมากขึ้น จึงเกิดปัญหาผิวตามมา ได้แก่
• ผิวแห้ง หยาบกร้าน
• ระคายเคืองได้ง่าย
• ริ้วรอยก่อนวัย

นอกจากอายุที่มากขึ้น (Aging Skin) ยังมีภาวะทางผิวหนังที่ทำให้ Ceramide ที่ผิวลดลงมากกว่าคนอื่น เช่น
• ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
• สะเก็ดเงิน (Psoriasis)
• ผิวแห้ง (Icthyosis)
• สิว (Acne vulgaris)
ทำให้ กลุ่มคนเหล่านี้มีการสูญเสียน้ำจากผิวได้มากกว่าคนทั่วไป

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะมีการสร้างของ cytokines หรือโปรตีนที่ใช้ในการสื่อสารระบบอิมมูนลดลง ส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันผิวจะอ่อนแอลง
ดังนั้น หากใครมีผิวหนังอักเสบง่าย แห้ง แดง คัน เรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกให้ต้องเริ่มบำรุงกำแพงผิวให้มากขึ้น

ผิวชั้นบนสุดที่มีค่า pH ประมาณ 4.5-5 จะมีความสมดุลแข็งแรงมากที่สุด แต่เมื่ออายุมากขึ้นค่า pH ที่ผิวจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหตุให้ความแข็งแรงของกำแพงผิวน้อยลงเรื่อย ๆ
ดังนั้น การปรับสมดุลpH ที่ผิวจึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้กำแพงผิวแข็งแรงขึ้นได้

หากใครที่เกิดปัญหาผิวจากกำแพงผิวอ่อนแอ เช่น ผิวแห้ง แดง คัน อักเสบ ระคายเคืองง่าย เป็นสิว มีผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาจลองใช้ วิธีฟื้นฟูกำแพงผิวเบื้องต้น ได้ดังนี้ค่ะ

1️⃣ ทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นผิวสม่ำเสมอทุกวัน โดยเน้นส่วนผสมที่ช่วยเสริม Physiological lipids หรือ ไขมันธรรมชาติที่ผิวนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ceramide 1, 3, 6 และ Cholesterol

ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังกล่าว เช่น CeraVe Moisturizing Cream ก็เป็นสกินแคร์ที่มีส่วนผสมพื้นฐานที่เหมาะกับการเสริมกำแพงผิว ได้แก่

  1. Ceramide 1, 3 ,6-II ซึ่งเป็นสารสำคัญที่คล้ายไขมันแทรกผิวตามธรรมชาติในสัดส่วนที่เหมาะสมต่อการเสริมความแข็งแรงของกำแพงผิว
  2. มี Cholesterol ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกำแพงผิว
  3. มี Glycerin
  4. มี Hyaluronic acid ช่วยลดการสูญเสียน้ำ, เพิ่มความชุ่มชื้นผิวร่วมด้วย

2️⃣ เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีค่า pH เป็นกรดอ่อน ๆ เพื่อให้กำแพงผิวสมดุลและแข็งแรง

3️⃣ เลี่ยงการอาบน้ำร้อน, การใช้สบู่ที่ pH เป็นด่าง

4️⃣ ใช้ Humidifier ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวในช่วงฤดูหนาวหรือต้องอยู้ในห้องแอร์ประจำ

5️⃣ หากดูแลผิวตามวิธีข้างต้นแล้วยังมีอาการผิวแห้ง อักเสบเรื้อรัง หรือไม่แน่ใจในความผิดปกติที่เป็นอยู่ แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมประเมิน


ใครอยากมีผิวที่แข็งแรง เปล่งปลั่ง แลดูอ่อนกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะก่อสร้างกำแพงผิวของตัวเองให้แข็งแรง ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐาน..ที่สำคัญที่สุดในการดูแลผิวค่ะ


References

Clinics in Dermatology 2019; 37: 336-345.
Yakugaku Zasshi. 2019; 139(12): 1549-1551.
J Clin Aesthet Dermatol. 2016; 9(1): 26-32.
Am J Clin Dermatol. 2005; 6(4): 215-223.
Am J Clin Dermatol 2003; 4 (2): 107-129.
Arch Dermatol Res. 1995; 282: 214-218.


Product mentioned

⭐️ CeraVe Moisturizing Cream
✔️ เป็น Oil-free moisturizer for restore skin barrier ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวได้นานถึง 24 hrs
✔️ มี Ceramide 1, 3, 6-II และ Cholesterol, Glycerin ที่คล้ายไขมันแทรกผิวตามธรรมชาติ (Natural lipids) ช่วยลดการสูญเสียน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นผิว
✔️ MVE (Multivesicular Emultion) technology นวัตกรรมเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของเซราวี ด้วยกลไก “time-released” ค่อย ๆ ปล่อยสารสำคัญออกจากแคปซูลหลาย ๆ ชั้นให้แทรกซึมลงสู่แต่ละชั้นผิวได้ตลอด 24 ชั่วโมง
✔️ Hypoallergenic, non-comedogenic, เนื้อครีมไม่เหนียว เกลี้ยง่าย นุ่ม
✔️ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์
✔️ เหมาะสำหรับผิวแห้งถึงแห้งมาก ผิวที่อักเสบ ผิวที่ระคายเคืองง่าย หรือผู้ที่ต้องการเสริมกำแพงผิวเพื่อลดการระคายเคืองจากการใช้ยารักษาสิว

Disclaimer: Sponsored Content by CeraVe


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.