Category Archives: Aging

แสง กับ การรักษาสิว (ตอน 1)

ข้อควรรู้ที่อยากเล่าให้ฟังเบื้องต้น เรื่องแสงกับการรักษาสิว มีดังนี้

✔️ สามารถใช้เสริมกับการรักษามาตรฐานด้วยยากิน ยาทาสิว
✔️ ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ และ เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน
✔️ ชนิดของแหล่งกำเนิดแสง ความเข้มแสง ระยะเวลาการรักษา ในคนไข้สิวแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นกับแพทย์พิจารณา
✔️ การตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละคนก็แตกต่างกัน

🔵 สีฟ้า ตื้นสุด
🟡 สีเหลือง ปานกลาง
🔴 สีแดง ลึกสุดครอบคลุมทุกชั้นผิว

✔️ กรณีสิว
สีฟ้า และ สีแดง มีข้อมูลว่าเสริมการรักษาสิวระดับรุนแรงน้อยถึงปานกลางได้
กลไก คือ
• ลด C.acnes
• ลด Pore size
• ลดการอักเสบ

✔️ กรณี Rejuvenation & Photodamage
• LEDs สีฟ้า สีแดง สีเหลือง มีข้อมูลการศึกษาทั้ง 3 สี
กลไก คือ
กระตุ้น Ca2+, nitric oxide, matrix metalloproteinase ซึ่งช่วยในกระบวนการ collagen-stimulating pathways
• PDT ก็อาจช่วยได้ในแง่ photodamaged facial skin texture, wrinkles, and mottled pigmentation

หมอทำภาพสรุปมาให้

จบแล้วตอนที่ 1
ไว้มาต่อตอนที่ 2 ถ้ามีคนอยากอ่านค่ะ 🤭♥️

References

J Am Acad Dermatol. 2021 May ; 84(5): 1219–1231.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.


The impact of airborne pollution on skin

โพสนี้สำหรับใครที่อยากปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย ‼️

วันนี้หมอจะเน้น 9 ข้อสั้น ๆ ให้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องผิวจาก มลภาวะทางอากาศ เพิ่มเติมจากการป้องกันแดดค่ะ เพราะเชื่อว่าทุกคนที่ติดตามเพจอยู่ คงรู้หมดแล้วว่ากันแดดสำคัญขนาดไหน


Reference

The impact of airborne pollution on skin
JEADV vol 33 issue 8
First published: 21 March 2019

รวมลิ้งค์ https://linktr.ee/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

15 ข้อควรรู้..ความแก่ก่อนวัยจากการสูบบุหรี่

รู้ไหมว่า..การสูบบุหรี่ส่งผลต่อความงามบนใบหน้าอย่างไรบ้าง

1. หากดูจากรูป ทุกคนเดาได้หรือไม่ว่าฝาแฝดทั้ง 4 คู่ คนไหนสูบบุหรี่ คนไหนสูบน้อยหรือไม่สูบบุหรี่เลย

2. ทุกคนรู้..ว่าการสูบบุหรี่ส่งผลอย่างไรต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายเราบ้าง เช่น ปอด หัวใจ แต่วันนี้เราจะคุยกันเฉพาะเรื่องของผิวหนัง

3. ฝาแฝดทั้ง 4 คู่ มีสภาพผิวหน้าและผมที่ไม่เหมือนกัน ที่แน่ ๆ คือ แฝดคนที่สูบบุหรี่ดูแก่กว่าอีกคนชัดเจน ‼️

คู่ 1 คนขวาสูบบุหรี่มายาวนาน —> ความร้อนจากควันบุหรี่ และ มลภาวะที่เกิด ทำให้มีริ้วรอยที่มากขึ้น ตีนกาก็เยอะกว่าอาจเป็นเพราะเขาต้องหยีตาบ่อย ๆ จากการป้องกันควันบุหรี่ที่เป่าออกมา

คู่ 2 คนขวาสูบบุหรี่มา 16 ปี —> สภาพผิวหน้าแตกต่างชัดเจน มีริ้วรอย รอยฝ้ากระจุดด่างดำ ริมฝีปากคล้ำ และมีอีกอย่างที่เห็นชัดคือ ผมที่หงอก หยาบกระด้าง ฟูชี้ไปมา ดูมีอายุมากกว่าคู่แฝดคนซ้ายชัดเจน

คู่ที่ 3 คนซ้ายสูบบุหรี่ —> สภาพผิวไม่ต่างมาก แต่ที่ชัดคือ รอยย่นที่ปากซึ่งคาดว่าเกิดจากการดูดบุหรี่ และยังมีริมฝีปากที่คล้ำขึ้นกว่าอีกคน

คู่ที่ 4 คนซ้ายสูบบุหรี่หนัก —> ริ้วรอยต่าง ๆ เห็นชัดเจน ทั้งลึกและมากกว่าคนขวา รวมทั้งถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยมากกว่า

4. สูบบุหรี่ ส่งผลให้เกิดความแก่ก่อนวัย หรือที่เราเรียกศัพท์ทางการแพทย์ว่า Premature aging ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดผลการเปลี่ยนแปลงในใบหน้า 2/3 ล่างมากกว่าบริเวณอื่น ซึ่งพบว่าความแก่ของผิวที่ถูกทำร้ายจากการสูบบุหรี่ รุนแรงกว่าผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด

5. เคยมีงานวิจัยพบว่า ผิวของคนสูบบุหรี่ที่อายุ 40 ปี มีลักษณะโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับคนที่ไม่สูบบุหรี่ที่อายุ 70 ปีเลยทีเดียว

6. ควันบุหรี่ มีสารที่ทำให้ เกิดอนุมูลอิสระ (Reactive Oxygen Species) มากมายกว่า 4000 ชนิด มาทำร้ายผิวหน้าและเส้นผมที่สัมผัสควัน ทำให้ผิวแห้ง หมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ ผมหงอกเพิ่มขึ้นได้

7. มีการ ทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ของผิวหนัง ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังน้อยลง สิ่งที่ตามมาคือ ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ผิวหน้าและถุงใต้ตาเกิดความหย่อนคล้อยมากขึ้น

8. การดูดและพ่นควันบุหรี่เป็นประจำ ด้วยท่าปากจู๋ ทำให้เกิดริ้วรอยรอบ ๆ ปากเพิ่มขึ้นชัดเจน และยังทำให้ริมฝีปากสีคล้ำขึ้นอีกด้วย

9. มีงานวิจัยพบว่า การหยุดสูบบุหรี ถึงแม้ไม่อาจทำให้ความแก่ของผิวบางอย่างกลับคืนปกติได้ แต่มันจะไม่มากไปกว่านี้ และหากดูแลผิวให้ถูกวิธี สามารถทำให้ดู อ่อนเยาว์ขึ้นใน 5 ปีอย่างชัดเจน

10. สารนิโคตินในควันบุหรี่ สามารถกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัว ผิวขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้าลง พบว่าการสูบบุหรี่ 1 มวน ทำให้หลอดเลือดที่ผิวหนังเกิดการหดตัวได้ยาวนานถึง 90 นาที บางรายที่มีแผลผ่าตัดอาจเกิดเป็นเนื้อตายได้ มีคำแนะนำว่าควรงดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 1 วัน-3 สัปดาห์ จนถึง หลังผ่าตัด 5 วัน-4 สัปดาห์ (ตัวเลขมีหลายงานวิจัย)

11. นอกจากนั้น ยังทำให้ เลือดไปเลี้ยงปลายนิ้วก็ลดลงถึง 24% (1 มวน) – 29% (2 มวน) จะเห็นว่าบางรายที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว อาจเกิดภาวะนิ้วขาดเลือดก็ได้ เช่น Thromboangiitis obliterans (Buerger’s disease)

12. การสูบบุหรี่นอกจากทำให้ ผิวเหี่ยว จากการมีออกซิเจนมาเลี้ยงผิวน้อยลงแล้ว ยังเกิดจากการมีระดับวิตามินเอในผิวน้อยลง และระดับเอสโตรเจนในผิวก็ลดลงด้วย (เพิ่ม hydroxylaton of estradiol)

13. มีรายงาน โรคผิวหนังที่พบเพิ่มขึ้นหรืออาจมีการกำเริบสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคมะเร็งผิวหนังบางชนิด เป็นต้น

14. นิ้วมือและเล็บข้างที่ใช้คีบบุหรี่ อาจพบมีสีเหลืองอมน้ำตาล จากการสัมผัสสารนิโคติน เรียกว่า Harlequin nail, Quitter’s nail

15. ข้อสุดท้ายคือ ไม่ใช่เพียงแต่คนสูบบุหรี่ที่จะทำให้เกิดการแก่ก่อนวัยเท่านั้น คนที่อยู่ใกล้ชิด ที่เรียกว่า Passive Smoking นั้น ก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกันนะจ๊ะ

ด้วยความปรารถนาดี ถ้าไม่อยากแก่ก่อนวัย อย่าคิดเริ่มที่จะลองสูบบุหรี่เลยค่ะ และหากสูบไปแล้ว ยังไม่สายเกินไปที่จะหยุดความแก่นี้ไว้ แล้วหันกลับมาดูแลตัวเอง ให้กลับมาสดใสอีกครั้งได้เสมอ หมอยินดีให้คำแนะนำเสมอนะคะ

เคล็ดลับความงาม: อยู่ห่างจากควันบุหรี่‼️

หากชอบบทความหรือเห็นว่ามีประโยชน์ สามารถกดเลิฟกดแชร์ได้เลยนะคะ ☺️

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References

Cigarette smoking and its influence on skin aging.
Przegl Lek. 2012; 69(10): 1111-1114.

Analysis of knowledge about tobacco smoking influence on skin condition. Przegl Lek. 2012;69(10):1055-1059.

Cutaneous Manifestations and Consequences of Smoking.
J Am Acad Dermatol. May 1996; 34(5 Pt 1): 717-32; quiz 733-4.

Image via Wolters Kluwer Health
▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

UV & Skin Photoaging🌤👴🏻

วันนี้เรามาทำความรู้จักกันว่า Photoaging คืออะไร ‼️

1️⃣👵🏻 ความชราของผิว หรือที่เรียกว่า Skin Aging เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของพันธุกรรม, ไลฟสไตล์การใช้ชีวิต, อาหารการกิน, มลภาวะทางอากาศ สูบบุหรี่ รวมทั้งการดูแลผิว และที่สำคัญคือ รังสียูวี ที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
☀️ ดังนั้น ถ้าหากเราสามารถปรับที่ปัจจัยเหล่านี้ได้ แนวโน้มก็อาจทำให้ผิวเราดูเด็กกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เช่น ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกาย บำรุงผิวอย่างถูกวิธี และที่สำคัญคือ ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ จะช่วยได้มากเลยค่ะ

2️⃣👵🏻 เมื่อดูจากกราฟในรูปแรกจะเห็นได้ชัดเจนว่า
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น ความหนาของชั้นผิว ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นผิว ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น ระบบอิมมูน และ ระบบการซ่อมแซมผิว ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
ดังนั้น เราควรดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ผิวจะค่อยเสื่อมไปตามกาลเวลามากขึ้น และที่สำคัญควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้กราฟในรูปลดลงเร็วกว่าเดิม

3️⃣👵🏻 ผิวที่เสื่อมจากการถูกแสงยูวีประจำเป็นระยะเวลานาน เราเรียกว่า Photoaging ผลคือ เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ เม็ดสีผิวผิดปกติ เกิดฝ้า กระ รวมทั้งมะเร็งผิวหนังที่อาจเกิดตามมาได้
☀️ ดังนั้น การปกป้องผิวจากแสงแดด และ การทาครีมกันแดดเป็นประจำอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าหากใครที่อยากชะลอการเกิด photoaging ให้ช้าลง

4️⃣👵🏻 ROS ที่ผิวจะเพิ่มขึ้นมากเมื่อผิวถูกแสงยูวี และจะส่งผลให้เกิด oxidative stress ผลต่อผิวหนังตามมา มีดังนี้
☀️ ผิวหนังอักเสบแดง จากการกระตุ้น PGE2 Synthesis
☀️ กำแพงผิวเสีย (Skin barrier dysfunction) บางคนอาจมีการกำเริบของโรคผิวหนัง เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
☀️ มีการหลั่งน้ำมันผิวเพิ่มขึ้น กระตุ้นการอักเสบและอาจเกิดสิวตามมาได้
☀️ กระตุ้นเม็ดสีผิว เกิดรอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำตามมาได้

5️⃣👵🏻 UVA (320-400nm) ส่งผลกระตุ้นให้มีการสร้าง ROS มากขึ้นที่ผิวชั้น dermis ส่วน UVB (290-320nm) ไม่สามารถลงสู่ผิวชั้นลึกได้ แต่สามารถกระตุ้น epidermal cytokine ในผิวชั้นตื้น ทั้งสองกลไกทำให้เกิดการทำลายDNA ของเซลล์ทั้งคู่
☀️ ดังนั้น การปกป้องผิวที่ดีจึงแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีสารกันแดดได้ทั้ง UVA และ UVB จะดีกว่าสารที่กันได้อย่างใดอย่างหนึ่ง

7️⃣👵🏻 ในเรื่องของ Physical หรือ Chemical sunscreen อาจเลือกตามลักษณะกิจกรรมและสภาพผิว
☀️ Physical sunscreen สำหรับกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน
☀️ Chemical sunscreen สำหรับกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือกิจกรรมที่ต้องลงน้ำ สัมผัสทราย เล่นกีฬามีการเสียดสีเหงื่อเยอะ หรือต้องการประสิทธิภาพกันน้ำก็อาจใช้เป็น water-resistant หรือ very water-resistant
ดังนั้น อาจต้องลองเลือกที่เหมาะสม ตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล

8️⃣👵🏻 UV กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาในผิว ส่งผลให้มีการสร้างสารอนุมูลอิสระ Reactive oxygen species (ROS) มากขึ้น สารตัวนี้จะไปทำลาย DNA ของเซลล์โดยการเกิด oxidative stress
☀️ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์กันแดดตัวใหม่ ๆ จึงมักผสม สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ascorbic, tocopherol, polyphenol หรือ นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยป้องกันการทำลายผิวจาก ROS เช่น Cellular Bioprotection ซึ่งนวัตกรรมนี้มีข้อมูลพบว่า ช่วยป้องกันการเสื่อมของ glutathione ในผิวได้ดีหลังทำการฉายแสงยูวี จึงช่วยปกป้องผิวจาก ROS ได้มากขึ้นไปอีก (Keratinocyte’s Glutathione natural reserve)

ถึงแม้เราบำรุงผิวอย่างดีสม่ำเสมอมาตลอด แต่เมื่อวัยที่มากขึ้นแล้ว การบำรุงเท่าเดิมอาจไม่เพียงพอ จึงควรต้องใส่ใจให้มากกว่าเดิม

ทุกคนทราบดีว่า การจะเพิ่มความหนาของชั้นผิว และ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อให้ผิวอ่อนเยาว์นั้น ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ หาใช่การดูแลเพียงชั่วข้ามคืนไม่

📍📍ความแก่ของผิวหนัง เป็นผลจากทั้งปัจจัยภายใน และ ปัจจัยภายนอก
📍📍การปรับกิจวัตรประจำวัน ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกาย ก็มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในได้ดี
📍📍ในขณะเดียวกัน การบำรุงผิวอย่างถูกวิธี และ ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกวิธีที่สำคัญ ที่จะช่วยชะลอความแก่ของผิวจากภายนอก อันเนื่องจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยค่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้ รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าใครอยากชะลอผิวแก่ ต้องปกป้องผิวจากแสงแดดร่วมด้วยเสมอค่ะ
คุณทาครีมกันแดดหรือยัง ⁉️

References

Photodermatol Photoimmunol Photomed. 2015 Mar;31(2):65-74.
Ageing Researh Reviews 2015;21:16-29.
Journal of Dermatological Science 2010;58:85-90.
Biomolecules 2015;5:545-589.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
⭐️Bioderma Photoderm Max Aquafluide⭐️
✔️SPF50+ , PPD 24, PA++++
✔️ปกป้องทั้ง UVA1, UVA2, UVB
✔️The Cellular Bioprotection (PATENT) นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มความต้านทานผิวต่อ ROS มีงานวิจัยพบว่า 100% Glutathione reserve หลังฉายแสงยูวี 200 J/cm2 จึงช่วยปกป้องการทำลายกลูต้าในผิวอย่างได้ผล และยังช่วยส่งเสริมกระบวนการปกป้องตัวเองของเซลล์ผิวจากแสงยูวี
✔️สูตร water-resistant กันน้ำได้นาน 40 นาที
✔️เนื้อฟลูอิดบางเบา ซึมเร็ว, non-comedogenic ไม่อุดตัน
✔️เหมาะกับ sensitive skin, ไม่มีพาราเบน

Disclaimer: Sponsored by Bioderma

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

สกินแคร์สำหรับผิววัย 40++ (ฉบับดูแลตัวเองที่บ้าน)

เช็คลิสต์ส่วนผสมในสกินแคร์สำหรับสาววัย 40 ‼️

คำถามที่หลายท่านมีในใจก็คงจะหนีไม่พ้น “ อายุเริ่มเยอะไม่อยากผิวแก่เร็วควรเลือกสกินแคร์อย่างไรดี …⁉️”

ขอสรุปมาให้สั้น ๆ 5 ข้อ ดังนี้ค่ะ

1️⃣🔰 เมื่ออายุเข้าเลขสี่ ผิวจะมีการเสื่อมไปตามกาลเวลา นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว แสงแดดและการดูแลผิวไม่ถูกวิธี จะยิ่งทำให้ผิวเสื่อมโทรมไปเร็วกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
⭐️ ดังนั้น หากใครอยากให้ผิวดูเด็กและสุขภาพผิวที่ดีกว่าจึงต้องปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอ ดูแลผิวให้ถูกวิธี เลือกสกินแคร์ดูแลผิวอย่างเหมาะสมกับวัย โดยในวัยนี้ ผิวมักจะแห้งมากขึ้น หากผิวแห้งแนะนำเป็นกันแดดเนื้อครีมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีกว่าแบบโลชั่นค่ะ

2️⃣🔰 นอกจากแสงแดดแล้ว ฝุ่น PM 2.5 และมลภาวะต่าง ๆ ในล่องลอยในอากาศ ยังสามารถรวมตัวกับโมเลกุลของโลหะต่าง ๆ และทำร้ายผิวชั้นลึกลงไป ผลจากความเครียดจากภาวะออกซิเดชั่นในระยะยาวส่งผลให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำและผิวชรายิ่งไปกว่าเดิม
⭐️ ดังนั้น Topical antioxidants จึงแนะนำให้มีในสกินแคร์สำหรับวัยนี้ ยกตัวอย่างเช่น
Topical vitamin C, vitamin E (เคยมีในบทความก่อนนี้)
Topical arctiin เป็นสารอีกตัวเด่นที่กำลังมาแรง โดย arctiin เป็นสารสกัดที่มาจากพืชชื่อว่า Arctium lappa L ซึ่งเป็น phytoestrogen มีคุณสมบัติช่วย antiaging ได้ครอบคลุมทั้งการไปยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน ช่วย antioxidation และยังเป็นสารที่เพิ่มความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (NMF) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่นขึ้น เช่น ในสกินแคร์ Radiant Lift 3D Serum ก็มีงานวิจัยโดย MW Research GmBH ประเทศเยอรมนี ว่าช่วยเรื่องริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง ผิวเต่งตึง เรียบเนียนขึ้นหลังการใช้ประมาณ 2-4 สัปดาห์

3️⃣🔰 ผิววัยนี้นอกจากจะมีการสูญเสียน้ำได้มากขึ้น ส่งผลให้ผิวแห้งหยาบกร้านแล้ว ผิวชั้นลึกลงไปยังมีการสร้างคอลลาเจนลดลง และไฮยารูรอนิกแอซิดในชั้นผิวยังถูกสลายไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผิวเกิดมีริ้วรอย ความยืดหยุ่นผิวลดลง และผิวไม่อิ่มฟู
⭐️ ดังนั้น Topical hyaluronic acid จึงแนะนำให้มีในสกินแคร์สำหรับวัยนี้ โดยแนะนำว่าควรมีทั้ง hyaluronic acid ที่มีโมเลกุลใหญ่ + เล็ก เนื่องจากโมเลกุลใหญ่จะช่วยเคลือบผิว ลดการสูญเสียน้ำ ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระได้ ส่วนโมเลกุลเล็กจะซึมลงไปในผิวชั้นลึก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้าง HA ในผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟูและริ้วรอยดูลดลง โดยที่การใช้ Topical HA เพื่อ antiwrinkle effect มีงานวิจัยพบว่าหลังทาจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวอิ่มน้ำขึ้น ส่วนระยะเวลาการลดริ้วรอยต้องใช้เวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 60 วันขึ้นไป

4️⃣🔰 ผิวที่มีการเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติให้เห็น เช่น ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
⭐️ ดังนั้น Topical Lightening จึงเป็นอีกกลุ่มที่แนะนำให้มีในสกินแคร์สำหรับวัยนี้ ยกตัวอย่างเช่น Arbutin/deoxyarbutin, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol และ Thiamidol (Isobutylamido thiazolyl resorcinol) ซึ่งเป็นสารนวัตกรรมตัวใหม่ที่เคยเขียนไว้ในบทความก่อนนี้ว่าช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยับยั้งที่เอนไซม์ไทโรซิเนสโดยตรง มีงานวิจัยรองรับตีพิมพ์ใน Journal of Investigative Dermatology 2018 ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นการทำวิจัยใน Human tyrosinase และมีงานวิจัยในผิวคนไทยพบว่า Thiamidol สามารถใช้ได้ผลในการรักษาฝ้าที่รุนแรงน้อยถึงปานกลาง (mild to moderate melasma), กระ (freckle) และกระแดด (solar lentigines) โดยพบว่าได้ผล ดีกว่า “4% Arbutin + 2% Hydroquinone” ในเวลา 8-12 สัปดาห์ ซึ่งปลอดภัยกับร่างกาย

5️⃣🔰 กระบวนการผลัดเซลล์ผิวในวัยนี้จะช้าลงเรื่อย ๆ ทำให้มีการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ และประสิทธิภาพการบำรุงผิวจากการใช้สกินแคร์จึงลดลงตามมาด้วย
⭐️ ดังนั้น การผลัดเซลล์ผิวจึงมีส่วนช่วยปรับสภาพผิวให้สมบูรณ์ โดยแนะนำว่าอาจเพิ่มกลุ่มผลัดเซลล์ผิว เช่น glycolic acid หรือ topical tretinoin ใน skincare routine ก่อนนอน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งร่วมด้วย

✅ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรคาดหวังเกินความเป็นไปได้ ก็คือ บางคนอยากให้ผิวดูเด็กลง 10 ปีภายในไม่กี่วัน เพราะความจริงเป็นไปได้ยาก การดูแลผิวด้วยสกินแคร์อย่างถูกวิธีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลดอายุผิว และต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ อาจหลายเดือนหลายปี นอกจากนั้น อาจต้องร่วมกับ หัตถการหรือการใช้เลเซอร์อื่น ๆ ร่วมกับการปรับพฤติกรรม เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีสุขลักษณะ จึงจะส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี และเสื่อมสภาพช้ากว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน

สุดท้ายนี้ ใครอายุเข้าเลข 4 แล้ว ก็ลองมาเช็คกันดูว่าสกินแคร์ที่ตัวเองใช้อยู่ มีส่วนผสมตามนี้มั้ย หรือใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่เหมาะสมกับตัวเองในวัยนี้ ก็ลองดูตามนี้ได้เลย

⭐️Sunscreen ควรทาครีมกันแดดทุกเช้า ในวัยนี้มักมีผิวที่แห้งมากขึ้น ดังนั้น ในกิจวัตรประจำวันปกติ อาจใช้ SPF30 PA+++ ขึ้นไป หากผิวแห้ง
แนะนำเป็นเนื้อครีมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีกว่าแบบโลชั่นค่ะ
⭐️Hyaluronic acid อย่างน้อย 2 โมเลกุล
⭐️Topical antioxidant ได้แก่ กลุ่มจำพวก Topical vitamin C, vitamin E และ Topical arctiin
⭐️Topical lightening เช่น Arbutin/deoxyarbutin, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol และ Thiamidol
⭐️Topical exfoliants เช่น glycolic acid ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้สมบูรณ์ ผลัดผิวชั้นบนที่ตายแล้วให้หลุดออกโดยไม่ทำให้ผิวบางลง

References
Natural anti-aging skincare: role and potential.
Biogerontology. 2020 Jun;21(3):293-310.
Women’s attitudes to beauty, aging, and the place of cosmetic procedures: insights from the QUEST Observatory.
J Cosmet Dermatol. 2016 Mar;15(1):89-94.
How to select anti-aging skincare products
AAD.org

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
Eucerin Radiant Lift 3D Serum
Main ingrediants 3 อย่างหลัก :
✔️ มี Hyaluron 2 โมเลกุล คือ 52 kDa และ 2000 kDa ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวอิ่มฟู
✔️ มี Thiamidol ช่วยยับยังเอนไซม์ไทโรซิเนสในกระบวนการสร้างเม็ดสี ช่วยเรื่องความหมองคล้ำ รอยดำ ฝ้ากระ
✔️ มี Arctiin เป็น powerful antioxidant สกัดจาก phytoestrogen ช่วยเพิ่ม NMF ยับยั้งการทำลายคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ Radiant Lift 3D Serum
✔️ Anti wrinkle Studies : พบว่าริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาดูลดลงหลังการทดสอบทา 2 ครั้งต่อวัน นาน 4 สัปดาห์ จากการวัดด้วยเครื่องมือ FOITS (Fast Optical in vivo Topometry of Human skin)
✔️ More Elasticity Studies : พบว่าความยืดหยุ่นผิวดีขึ้น ผิว firm ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังการทดสอบทา 2 ครั้งต่อวัน นาน 2 สัปดาห์ จากการวัดด้วยเครื่องมือ Cutometer MPA 580 and Self Grading of patients + Moisture measurement
✔️ Overall Skin Quality : จากภาพถ่ายงานวิจัยเปรียบเทียบพบว่า หลังการทา 12 สัปดาห์ ผิวเรียบเนียบขึ้น ริ้วรอยดูลดลง ฝ้ากระรอยดำลดลง และโดยรวม Younger looking


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง & Beiersdoft Company All rights reserved.

15 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการแก่ก่อนวัยจากบุหรี่‼️

รู้ไหมว่า..การสูบบุหรี่ส่งผลต่อความงามบนใบหน้าอย่างไรบ้าง⁉️

1🚭 หากดูจากรูป ทุกคนเดาได้หรือไม่ว่าฝาแฝดทั้ง 4 คู่ คนไหนสูบบุหรี่ คนไหนสูบน้อยหรือไม่สูบบุหรี่เลย

2🚭 ทุกคนรู้..ว่าการสูบบุหรี่ส่งผลอย่างไรต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายเราบ้าง เช่น ปอด หัวใจ แต่วันนี้เราจะคุยกันเฉพาะเรื่องของผิวหนัง

3🚭 ฝาแฝดทั้ง 4 คู่ มีสภาพผิวหน้าและผมที่ไม่เหมือนกัน ที่แน่ ๆ คือ แฝดคนที่สูบบุหรี่ดูแก่กว่าอีกคนชัดเจน ‼️

คู่ 1 คนขวาสูบบุหรี่มายาวนาน —> ความร้อนจากควันบุหรี่ และ มลภาวะที่เกิด ทำให้มีริ้วรอยที่มากขึ้น ตีนกาก็เยอะกว่าอาจเป็นเพราะเขาต้องหยีตาบ่อย ๆ จากการป้องกันควันบุหรี่ที่เป่าออกมา

คู่ 2 คนขวาสูบบุหรี่มา 16 ปี —> สภาพผิวหน้าแตกต่างชัดเจน มีริ้วรอย รอยฝ้ากระจุดด่างดำ ริมฝีปากคล้ำ และมีอีกอย่างที่เห็นชัดคือ ผมที่หงอก หยาบกระด้าง ฟูชี้ไปมา ดูมีอายุมากกว่าคู่แฝดคนซ้ายชัดเจน

คู่ที่ 3 คนซ้ายสูบบุหรี่ —> สภาพผิวไม่ต่างมาก แต่ที่ชัดคือ รอยย่นที่ปากซึ่งคาดว่าเกิดจากการดูดบุหรี่ และยังมีริมฝีปากที่คล้ำขึ้นกว่าอีกคน

คู่ที่ 4 คนซ้ายสูบบุหรี่หนัก —> ริ้วรอยต่าง ๆ เห็นชัดเจน ทั้งลึกและมากกว่าคนขวา รวมทั้งถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยมากกว่า

4🚭 สูบบุหรี่ ส่งผลให้เกิดความแก่ก่อนวัย หรือที่เราเรียกศัพท์ทางการแพทย์ว่า Premature aging ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดผลการเปลี่ยนแปลงในใบหน้า 2/3 ล่างมากกว่าบริเวณอื่น ซึ่งพบว่าความแก่ของผิวที่ถูกทำร้ายจากการสูบบุหรี่ รุนแรงกว่าผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด

5🚭 เคยมีงานวิจัยพบว่า ผิวของคนสูบบุหรี่ที่อายุ 40 ปี มีลักษณะโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับคนที่ไม่สูบบุหรี่ที่อายุ 70 ปีเลยทีเดียว

6🚭 ควันบุหรี่ มีสารที่ทำให้ เกิดอนุมูลอิสระ (Reactive Oxygen Species) มากมายกว่า 4000 ชนิด มาทำร้ายผิวหน้าและเส้นผมที่สัมผัสควัน ทำให้ผิวแห้ง หมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ ผมหงอกเพิ่มขึ้นได้

7🚭 มีการทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ของผิวหนัง ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังน้อยลง สิ่งที่ตามมาคือ ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ผิวหน้าและถุงใต้ตาเกิดความหย่อนคล้อยมากขึ้น

8🚭 การดูดและพ่นควันบุหรี่เป็นประจำ ด้วยท่าปากจู๋ ทำให้เกิดริ้วรอยรอบ ๆ ปากเพิ่มขึ้นชัดเจน และยังทำให้ริมฝีปากสีคล้ำขึ้นอีกด้วย

9🚭 มีงานวิจัยพบว่า การหยุดสูบบุหรี ถึงแม้ไม่อาจทำให้ความแก่ของผิวบางอย่างกลับคืนปกติได้ แต่มันจะไม่มากไปกว่านี้ และหากดูแลผิวให้ถูกวิธี สามารถทำให้ดู อ่อนเยาว์ขึ้นใน 5 ปีอย่างชัดเจน

10🚭 สารนิโคตินในควันบุหรี่ สามารถกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัว ผิวขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้าลง พบว่าการสูบบุหรี่ 1 มวน ทำให้หลอดเลือดที่ผิวหนังเกิดการหดตัวได้ยาวนานถึง 90 นาที บางรายที่มีแผลผ่าตัดอาจเกิดเป็นเนื้อตายได้ มีคำแนะนำว่าควรงดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 1 วัน-3 สัปดาห์ จนถึง หลังผ่าตัด 5 วัน-4 สัปดาห์ (ตัวเลขมีหลายงานวิจัย)

11🚭 นอกจากนั้น ยังทำให้ เลือดไปเลี้ยงปลายนิ้วก็ลดลงถึง 24% (1 มวน) – 29% (2 มวน) จะเห็นว่าบางรายที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว อาจเกิดภาวะนิ้วขาดเลือดก็ได้ เช่น Thromboangiitis obliterans (Buerger’s disease)

12🚭 การสูบบุหรี่นอกจากทำให้ ผิวเหี่ยว จากการมีออกซิเจนมาเลี้ยงผิวน้อยลงแล้ว ยังเกิดจากการมีระดับวิตามินเอในผิวน้อยลง และระดับเอสโตรเจนในผิวก็ลดลงด้วย (เพิ่ม hydroxylaton of estradiol)

13🚭 มีรายงาน โรคผิวหนังที่พบเพิ่มขึ้นหรืออาจมีการกำเริบสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคมะเร็งผิวหนังบางชนิด เป็นต้น

14🚭 นิ้วมือและเล็บข้างที่ใช้คีบบุหรี่ อาจพบมีสีเหลืองอมน้ำตาล จากการสัมผัสสารนิโคติน เรียกว่า Harlequin nail, Quitter’s nail

15🚭 ข้อสุดท้ายคือ ไม่ใช่เพียงแต่คนสูบบุหรี่ที่จะทำให้เกิดการแก่ก่อนวัยเท่านั้น คนที่อยู่ใกล้ชิด ที่เรียกว่า Passive Smoker นั้น ก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกันนะจ๊ะ

ด้วยความปรารถนาดี ถ้าไม่อยากแก่ก่อนวัย อย่าคิดเริ่มที่จะลองสูบบุหรี่เลยค่ะ และหากสูบไปแล้ว ยังไม่สายเกินไปที่จะหยุดความแก่นี้ไว้ แล้วหันกลับมาดูแลตัวเอง ให้กลับมาสดใสอีกครั้งได้เสมอ หมอยินดีให้คำแนะนำเสมอนะคะ

เคล็ดลับความงาม: อยู่ห่างจากควันบุหรี่‼️

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References

Cigarette smoking and its influence on skin aging.
Przegl Lek. 2012; 69(10): 1111-1114.

Analysis of knowledge about tobacco smoking influence on skin condition. Przegl Lek. 2012;69(10):1055-1059.

Cutaneous Manifestations and Consequences of Smoking.
J Am Acad Dermatol. May 1996; 34(5 Pt 1): 717-32; quiz 733-4.

Image via Wolters Kluwer Health
▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Review of AHA & BHA

Skincare Regimen for Glowing skin

ทุกคนก็อยากมีผิวสวยใส แลดูเด็กกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน วันนี้จะมาบอกเคล็ดลับเน้นๆ เพื่อความมีผิวใส เนียนเรียบ เงาวับราวเคลือบแก้ว หรือที่เรียกว่า Glowing skin หรือ Dewy skin นั่นเอง

ทำความเข้าใจกันก่อนว่า โดยปกติกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหนังจนกระทั่งผิวที่ตายแล้วหลุดออกไป ใช้เวลาประมาณ 28 วัน เรียกว่า Skin turnover และจะใช้เวลานานขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุของเราที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหตุให้เซลล์ที่ตายแล้วรวมทั้งสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตกค้างและหมักหมมอยู่ที่ผิว เกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ผิวไม่เรียบใสเหมือนสมัยวัยเด็ก

ดังนั้น หากเราต้องการทำให้ผิวย้อนวัยกลับไปขาวเนียนใส เราจึงต้องอาศัยตัวช่วยที่สามารถเพิ่ม Skin turnover ให้เร็วขึ้น เพื่อให้กลไลการผลัดเซลล์ผิวมีระยะเวลาใกล้เคียงเดิม

วันนี้จะคุยกันเรื่อง การผลัดเซลล์ผิว ซึ่งหมอเคยเขียนไปบางส่วนในโพสแปรงล้างหน้าไฟฟ้า ซึ่งอันนั้นเป็น Physical exfoliants คราวนี้จะเป็นกลุ่ม Chemical exfoliants ก็คือการใช้สารที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวชั้นตื้นที่ตายแล้ว รวมทั้งสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิวให้หลุดออก โดยไม่ได้ทำให้โครงสร้างผิวหนังปกตินั้นบางลงอย่างที่หลายคนกังวลใจ วิธีนี้เป็นวิธีที่หมอผิวหนังส่วนมากแนะนำ เนื่องจากสามารถหลีกเลี่ยงการ “Over-scrub” ที่มักจะพบได้บ่อยกว่าจากการใช้วิธี Physical exfoliants

สารที่ใช้ผลัดเซลล์ผิวที่มักผสมในเครื่องสำอางที่พบเจอบ่อย ๆ ได้แก่

AHA (Alpha Hydroxy Acid)

BHA (Beta Hydroxy Acid)

มาทำความรู้จักกันว่าต่างกันอย่างไร

AHA มีหลายชนิด มีทั้งที่ได้จากธรรมชาติ เช่น กรดผลไม้ต่าง ๆ และได้จากการสังเคราะห์

สามารถละลายได้ดีในน้ำ มีคุณสมบัติเด่นคือ

เพิ่มการอุ้มน้ำที่ผิวหนังกำพร้า (Water holding capacity of epidermis)

ผลที่ตามมา คือ ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มขึ้น เต่งตึงและสดใสขึ้น

ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Induced desquamation)

ผลที่ตามมา คือ ทำให้ผิวเนียนเรียบ ใส ดูออร่าเหมือนสาวเกาหลีหน้าเซรามิค (Glass skin)

ปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังกำพร้าให้เรียงตัวดี และเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้สมบูรณ์ ใน 28 วัน (Normalizetion of epidermal differentiation, keratolytic effect)

หากดูรูปประกอบในสไลด์จะเห็นว่าเมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการนี้จะใช้เวลานานขึ้น ดังนั้นจึงเสมือนเป็นการปรับกระบวนการผิวให้ย้อนวัยนั่นเอง

ปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังแท้ (Dermal changes) จากผลการใช้ระยะยาวหลายเดือน

ผลที่ตามมา มีงานวิจัยยืนยันว่า มีการสร้าง collagen, hyarulonic acid และ glycosaminoglycans มากขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง มีความหนาขึ้น ริ้วรอยลดลง และดูอ่อนกว่าวัย (Youthful looking and antiaging effect)

💯ดังนั้น AHA เหมาะสำหรับคนที่ปัญหาผิว

▫️ผิวแห้ง (Xerosis)

▫️ผิวที่เป็นสิวอุดตันง่าย (Acne-prone skin)

▫️ปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่ขาวใส อยาก Rejuvenation

▫️ปัญหาผิวหนังที่เกิดจากความเสื่อมตามวัย (Aging skin) เช่น ริ้วรอย ฝ้า สีผิวไม่สม่ำเสมอ

▫️โรคผิวหนัง seborrheic keratosis, actinic keratosis, icthyosis, solar lentigine

🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸

BHA เช่น Salicylic acid, Lipohydroxy acid

ละลายได้ดีในไขมัน มีคุณสมบัติเด่นคือ

ซึมผ่านบริเวณรูขุมขนลงไปผิวหนังชั้นที่ลึกกว่าได้ (Deep penetration through the lipid barrier of epidermis) ซึ่งเป็นสิ่งที่ AHA ทำไม่ได้

ละลายสิวที่อุดตัน (Comedolytic effect)

ผลที่ตามมา คือ ทำให้สิวอุดตันลดลง

ลดการสร้าง sebum (Minimized sebum production)

ผลที่ตามมา คือ ควบคุมความมันของผิว

ออกฤทธิ์ลดการอักเสบได้ (Anti inflammatory effect)

ผลที่ตามมา คือ ช่วยลดการอักเสบของสิว ส่งผลให้เกิดรอยดำหลังการเกิดสิวลดลงตามมา

💯ดังนั้น BHA เหมาะสำหรับคนที่ปัญหาผิว

▫️สิวทุกชนิด ทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน (Inflammatory and comedonal acne)

▫️หน้ามัน (Oily skin)

ถึงตรงนี้น่าจะพอเข้าใจแล้วว่า AHA และ BHA แตกต่างกันอย่างไร และใครควรเลือกใช้อะไร

🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸

👩🏻‍⚕️ มาถึงช่วงตอบคำถามจากโพสค่ะ

💯 ความเข้มข้นที่เหมาะสมใน Skincare ควรเท่าไหร่ดี

: กรณีผสมในผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์ ความเข้มข้นที่ปลอดภัยและได้ผลของ AHA คือ 3-15% และ BHA คือ 1-2% โดยพบว่า 3% AHA ออกฤทธิ์ได้ 1-3 ชั้นของ epidermis และหากเพิ่มเข้มข้นขึ้นจนถึง 10% จะสามารถออกฤทธิ์ได้ลงลึกครบทุกชั้นของ epidermis

หากสูงกว่านั้นถือเป็นหัตถการที่ควรทำด้วยความระมัดระวังโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ

โดยที่ความเข้มข้นที่สูงขั้น จะให้ผลที่เร็วกว่า แต่อะไรก็ตามผลข้างเคียงที่ตามมาก็มากขึ้นด้วย

💯 AHA ที่ได้จากผลไม้แต่ละชนิด แตกต่างกันหรือไม่ ในการใช้ผลัดเซลล์ผิว

หากดูแล้วแต่ละตัวจะมีความต่างกันอย่างไรในแง่ของค่า pKa และ โมเลกุล

: หลักการของค่า pKa คือ ยิ่งต่ำ ยิ่งมีความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวได้มากกว่า (เมื่อเทียบความเข้มข้นเท่ากัน)

: หลักการของโมเลกุล ยิ่งเล็ก ยิ่งมี bioavailability ดี

🍍Citric acid มี pKa ต่ำที่สุด คือ 3.09 และนิยมนำมาใช้เป็น pH adjuster เพื่อปรับ pH ให้เหมาะสมกับการออกฤทธิ์ของสารต่าง ๆ

🍍Glycolic มีโมเลกุลเล็กสุดและไม่ซับซ้อนที่สุด ซึ่งมีผลให้ bioavailability ดีที่สุด จึงนิยมใช้เป็น gold standard ในการผลัดเซลล์ผิว รักษาริ้วรอยและความหมองคล้ำ superficial hyperpigmentation, fine line, mild to moderate photoaging skin

🍍Lactic โครงสร้างคล้าย Glycolic และโมเลกุลใกล้เคียงกัน pKa ใกล้เคียงกัน จึงเป็นคู่แข่งสำคัญในการนำมาใช้เทียบกับ Glycolic

🍍Mandelic, Tartaric, Malic ค่อนข้างอ่อน นิยมใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น มากกว่าผลัดเซลล์ผิว

💯 AHA แต่ละตัวต่างกันหรือไม่ ในการใช้ในระยะยาว

: มีงานวิจัยรับรองว่า ทุกตัวออกฤทธิ์คล้ายกันดังที่กล่าวไปข้างต้น

แต่การใช้อย่างต่อเนื่องระยะยาว จะมีความโดดเด่นในการกระตุ้นโครงสร้างในชั้นผิวหนังแท้ต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อฤทธิ์ในการทำให้ผิวอ่อนเยาว์ (antiaging effect) ได้แก่

🍓Lactic acid เด่นเรื่อง Ceramide synthesis

🍋Glycolic acid เด่นเรื่อง Collagen synthesis, fibroblast proliferation

🍊Citric acid เด่นเรื่อง GAGs synthesis, antiaging effect, pH adjuster

ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ใดมีส่วนประกอบครบถ้วน ในปริมาณที่เหมาะสม และในรูปแบบที่เสถียรและ slow release ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า

💯 ใช้ AHA และ BHA ร่วมกันได้หรือไม่ และหากไม่เคยใช้ควรเริ่มต้นอย่างไร

: ใช้ร่วมกันได้ค่ะ แนะนำว่าควรเลือกตามสภาพปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข บางท่านอาจจำเป็นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ปัญหาผิวของบางท่านจำเป็นต้องใช้ทั้งสองอย่างค่ะ

: สิ่งที่แนะนำที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิวและช่วยดูว่าต้องแก้ไขอะไรบ้าง หากเริ่มใช้อาจลองในความเข้มข้นต่ำ ทดสอบอาการแพ้ระคายเคืองที่ผิวหนังบางจุดก่อน เช่น ไรผม หน้าหู เป็นต้น

💯 AHA และ BHA จะออกฤทธิ์เสริม (synergistic effect) กับการทาร่วมกับยาทาหรือครีมอื่นอะไรได้บ้าง

🦠 การใช้ lactic acid and its ammonium salt คู่กับ topical corticosteroids ช่วยป้องกัน dermal atrophy ได้

🦠 การเริ่มทา topical retinoids นำไปก่อน 2 สัปดาห์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AHA, BHA มากขึ้น

🦠 การทา AHA จะทำให้ pH ที่ผิวต่ำลง ทำให้ topical ascorbic acid ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น แต่ในทางกลับกัน อาจต้องเว้นระยะอย่างน้อย 10-15 นาทีก่อนการทาสกินแคร์ตัวอื่นต่อ ทั้งนี้เพื่อรอให้ pH ที่ผิวกลับมาเป็นปกติก่อน

💯 หากทา AHA แล้วเกิดการระคายเคือง แสบ แดง ลอก ทำอย่างไร

อันดับแรกควรหยุดใช้ และไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา

: หากเป็นจากการแพ้ ควรหยุดใช้

: หากเป็นจากการระคายเคือง ทำได้โดยลดความเข้มข้น, ลองทาเฉพาะบางบริเวณ, ใช้รูปแบบที่เป็น slow release เพื่อลดการระคายเคืองได้ ทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นร่วมด้วย และควรทาครีมกันแดดในทุกเช้าเพื่อลดการระคายเคืองและผิวหมองคล้ำจากแสงแดด

💯 ยี่ห้อไหนดี

: การตัดสินใจซื้อครีมสักชิ้นคงต้องขึ้นกับหลายปัจจัยรวมทั้งความพึงพอใจส่วนบุคคล เช่น ต้องการประสิทธิภาพดีที่สุดตามหลักการทุกอย่าง ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน มีชื่อเสียงยอมรับ บรรจุภัณฑ์ดี ชนิดของเนื้อครีมที่เหมาะกับผิว เช่น เจล ซีรั่ม โลชั่น ครีม รวมทั้งราคา โดยผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ๆ ก็มักจะมีการปรับในเรื่องของเทคโนโลยีการลดระคายเคืองให้น้อยที่สุด เนื้อครีมเสถียรคงตัวมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพให้ได้ตามหลักการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงราคาที่ต้องมากขึ้นไปด้วยตามลำดับ

วันนี้ทุกคนก็ได้ทราบหลักการแล้ว สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความเหมาะสมของสภาพปัญหาผิวที่มี หากมีประเด็นที่สงสัยสามารถคอมเม้นต์ถามได้ แล้วหมอจะมาตอบในโพสหน้านะคะ

💯 อยากทราบผลิตภัณฑ์ AHA BHA ที่คุณหมอใช้

: ตอนนี้ใช้อยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งคิดว่าโอเคมาก ๆ ไว้จะมาเล่าให้ฟังในช่วง Skincare Battle ขอเวลาเขียนสองวันนะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

References

Australasian Journal of Dermatology (2017) doi: 10.1111/ajd.12715

Molecules 2018; 23, 863 doi: 10.3390/molecules23040863

J Am Acad Dermatol 2019; 81: 313-24.

Am J Clin Dermatol 2010; 11: 95-102.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.