Tag Archives: dermatologist

Update CPG โรคผิวหนังน่ารู้

โพสนี้คุณหมอได้รวบรวม Update CPG Dermatology โดยสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย มาให้น้องๆ Extern และแพทย์ทั่วไป หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการใช้ดูแลรักษาคนไข้โรคผิวหนังทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ในเบื้องต้นนะคะ


⭐️ Acne: https://goo.gl/iaAjqQ
⭐️ Alopecia Areata: https://goo.gl/n4hhLv
⭐️ Anaphylaxis: https://goo.gl/hqbUu7
⭐️ Androgenetic Alopecia: https://goo.gl/LguGM8
⭐️ Atopic Dermatitis: https://goo.gl/YJHuJM
⭐️ Bullous Pemphigoid: https://goo.gl/15hbfW
⭐️ Drug eruption: https://goo.gl/aoxznp
⭐️ Exfoliative Dermatitis: https://goo.gl/Fcicnb
⭐️ Molluscum Contagiosum: https://goo.gl/Rhw6v7
⭐️ Pediatric Dermatology: https://goo.gl/LPVigK
⭐️ Psoriasis: https://goo.gl/HyGg6Z
⭐️ Scabies: https://goo.gl/e3SzJt
⭐️ Sunscreen usage: https://goo.gl/7mnM4e
⭐️ Superficial Fungal Infection: https://goo.gl/zPmQa8
⭐️ Topical corticosteroid Usage: https://goo.gl/WtEiqL
⭐️ Urticaria/Angioedema: https://goo.gl/u9pz6f

ไฟล์รวม (Medshare) https://www.scribd.com/document/416036796/CPG-Dermatology-Update-2019-Medshares-pdf

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Ketoconazole Shampoo

Ketoconazole Shampoo ใช้รักษาผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมนได้จริงหรือ ?

เป็นอีกคำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบ
ก่อนเข้าประเด็นเรื่องรักษาผมบาง จะขอเล่าให้ฟังก่อนว่า Ketoconazole shampoo สามารถใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง

7 ข้อน่ารู้ของ Ketoconazole Shampoo

1. Ketoconazole ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อราโดยการยับยั้งการสร้าง ergosterol ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในผนังเซลล์ของตัวเชื้อราหรือยีสต์ เมื่อการสร้างผนังเซลล์ผิดปกติไป จึงส่งผลให้เชื้อไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้

ดังนั้น จึงเป็นกลุ่มยาที่มีข้อบ่งชี้ในการรักษาภาวะติดเชื้อดังกล่าวเป็นหลัก

2. กรณีรังแคหรือหนังศีรษะอักเสบเซบเดิร์ม นอกจากเกิดจากปัจจัยเรื่องการอักเสบแล้ว ยังพบว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนเชื้อยีสต์ Malazzesia ที่บริเวณหนังศีรษะเพิ่มขึ้นกว่าคนทั่วไป

ดังนั้น จึงมีการนำ ketoconazole shampoo มาใช้ในการรักษาและป้องกันรังแคร่วมด้วย เพราะสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ และยังมีกลไกช่วยลดการอักเสบได้ดี

3. เมื่อเปรียบเทียบการรักษาภาวะรังแคหรือหนังศีรษะอักเสบเซบเดิร์มด้วย Ketoconazole shampoo, Selenium sulfide shampoo ทั้งสองตัวช่วยลดปริมาณยีสต์และลดอาการคันได้ดีกว่าแชมพูทั่วไป โดยพบว่า

• ประสิทธิภาพการลดเชื้อต่างกันเล็กน้อย : Ketoconazole shampoo > Selenium sulfide shampoo
• ประสิทธิภาพการขจัดขุยรังแค : Ketoconazole shampoo > Selenium sulfide shampoo
• ประสิทธิภาพป้องกันกลับเป็นซ้ำ : Ketoconazole shampoo > Zinc pyrithione
• ประสิทธิภาพการลดอาการคันไม่ต่างกันทั้งสามชนิด : Ketoconazole shampoo, Zinc pyrithione, Selenium sulfide
ดังนั้น สามารถพิจารณาเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

4. กรณีเกลื้อน พบว่าเชื้อก่อโรคส่วนใหญ่เป็นเชื้อ Pityrosporum ที่อยู่ตามรูขุมขนของเรา และกินไขมันเป็นอาหาร โดยมักทำให้ผู้ป่วยมีผื่นขุยเป็นวงสีขาว, แดงหรือน้ำตาลขึ้นที่บริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น หน้าอก หลัง โดยเฉพาะเวลาที่เหงื่อออกเยอะ ผิวมัน หลังเล่นกีฬา หรืออยู่ที่ร้อนอบอ้าว

ดังนั้น Ketoconazole shampoo สามารถใช้ในภาวะนี้ได้เช่นกัน และนอกจากการรักษาเกลื้อนด้วยยากิน ยาทา แชมพูฟอกแล้ว ยังต้องรักษาสุขอนามัยร่วมด้วย อย่าปล่อยเหงื่อหมักหมม หลังออกกำลังกายควรอาบน้ำให้สะอาด ไม่ใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น

5. กรณีผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน ก็มีบางงานวิจัยที่อธิบายไว้ว่า
• 2% ketoconazole shampoo ช่วยลดการอักเสบบริเวณหนังศีรษะ และลดการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชายบริเวณรากผม #ทำให้การหลุดร่วงของเส้นผมน้อยลงและรากผมแข็งแรงมากขึ้น
• 2% ketoconazole shampoo (ในงานวิจัยใช้ Nizoral shampoo) พบว่าเส้นผมมีความหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น จากตัดชิ้นเนื้อมาดูหลังการใช้สระต่อเนื่องเกิน 1-2 ปีขึ้นไป

ดังนั้น จึงอาจเห็นมีการใช้แบบ Off-label use เป็นการรักษาเสริมในผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน เพิ่มเติมจากการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน และการเห็นผลอาจต้องใช้เวลา และต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป

6. กรณีหนังศีรษะมัน มีงานวิจัยพบว่า ketoconazole shampoo สามารถออกฤทธิ์ลดการสร้าง sebum ที่หนังศีรษะได้ โดยควบคุมความมันได้หลังการใช้ประมาณ 36 ชั่วโมงจากการวัดด้วยเครื่องมือทางการวิจัย

ดังนั้น อาจใช้สระทุก 2-3 วัน เพื่อช่วยลดความมันบนหนังศีรษะได้

7. ยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยในการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร, ควรระวังการใช้ในคนที่แพ้ยาที่เป็นส่วนประกอบ และระวังเข้าตาอาจระคายเคืองได้

Tips

เคล็ดลับการใช้ ketoconazole shampoo ในโรคต่าง ๆ โดยใช้เป็นตัวเสริม ร่วมกับการรักษาโรคเหล่านี้ด้วยวิธีมาตรฐาน

กรณีรังแคหรือหนังศีรษะอักเสบเซบเดิร์ม

▫️ใช้แชมพูประมาณ 5 ml ผสมน้ำและสระฟอกบริเวณที่เป็นทิ้งไว้ 3-5 นาที ให้ยาออกฤทธิ์และล้างออก
▫️ช่วงโรคกำเริบ ควรสระ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ นานประมาณ 2-4 สัปดาห์ และหากโรคสงบแล้วแนะนำใช้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อป้องกัน
▫️ถ้าหลังสระแล้วผมแห้งหรือไม่ชอบกลิ่น อาจใช้ครีมนวดผมเพิ่มเติมบริเวณปลายผมได้

กรณีรักษาเกลื้อน

▫️ ให้อาบน้ำฟอกตัวด้วยสบู่ตามปกติ เมื่อเสร็จแล้วล้างสบู่แต่อย่าเพิ่งเช็ดน้ำที่ติดบนผิวหนังออก จากนั้นใช้แชมพูลูบไปทั่วบริเวณที่เป็น ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วจึงอาบน้ำล้างแชมพูออก
▫️ การรักษาควรทำทุกวัน ร่วมกับกินยาทายารักษามาตรฐาน
▫️ ไม่ควรฟอกตัวทิ้งไว้นานเกินไป และผสมน้ำเจือจางเสมอป้องกันการระคายเคืองผิว

กรณีหนังศีรษะและผมมัน

▫️ใช้แชมพูประมาณ 5 ml ผสมน้ำและสระฟอกบริเวณที่เป็นทิ้งไว้ 3-5 นาที ให้ยาออกฤทธิ์และล้างออก
▫️ความถี่ของการใช้ 1-3 วันต่อครั้ง ขึ้นกับความมันของแต่ละคน

กรณีผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน

▫️ยังไม่มีแนวทางชัดเจน และการเห็นผลต้องใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
▫️ข้อมูลจากงานวิจัย ใช้สระผม 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ นาน 1-2 ปี ขึ้นกับงานวิจัย

ในท้องตลาดมีแชมพูหลายยี่ห้อ อาจลองเลือกตามความพึงพอใจ แนะนำให้ความเข้มข้นประมาณ 2% และหากเป็นรูปแบบ micronized form ก็สามารถเพิ่มการดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น เท่าที่ทราบก็จะเป็นตัว Nizoral shampoo ซึ่งเป็นตัวออริจินอลที่หลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์และช่วยให้ทุกคนรู้จัก ketoconazole shampoo มากขึ้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองได้ดีขึ้น และหากไม่แน่ใจว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นสามารถใช้แชมพูตัวนี้ได้หรือไม่ แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางร่วมประเมิน

ใครเคยใช้บ้างมั้ยคะ

Reference
Int J of Woman’s Dermatol. 2018; 4: 203-211.
J Mycol Med. 2018; 28(4): 590–593.
Int. J. Cosmetic Science 1997; 19: 1-7.
Journal of Dermatological Treatment 1990; 1: 4, 177-179.
Dermatology. 198; 196(4): 474-7.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Cherry angioma หรือ ไฝแดง (คล้ายผลเชอร์รี่)ใครมีบ้างยกมือขึ้น

Cherry angioma

ชื่ออื่นๆ เช่น Campbell De Morgan spots, Senile angioma

เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังและขดตัวรวมกันเป็นกระจุก ทำให้เห็นลักษณะเป็นจุดสีแดงสด ขนาดไม่ใหญ่ (1-2 มิลลิเมตร) พบที่บริเวณใดของร่างกายก็ได้

เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้เอง พบได้ทุกวัย แต่พบบ่อยกว่าในกลุ่มอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป

ไม่มีอันตราย ไม่กลายเป็นมะเร็ง หากไม่มีอาการใดๆก็ไม่จำเป็นต้องรักษา และอาจมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น

การรักษาจะทำในกรณีมีภาวะแทรกซ้อนมีเลือดออกจากรอยโรค หรือกรณีที่ผู้ป่วยมีความกังวลด้านความสวยงาม ได้แก่
• การจี้ไฟฟ้า แต่อาจมีรอยแผลตามมาได้
• Pulsed dye Laser
• Intense Pulsed light
• ยาที่อาจใช้ได้ผล เช่น Natural MEK1 inhibitor (Myricetin)

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

เมื่อไหร่ต้องสงสัยภาวะแพ้ยารุนแรง

SCARs ย่อมาจาก Severe Cutaneous Adverse Drug Reactions
คือ ภาวะแพ้ยารุนแรง เป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบรักษา หากสามารถวินิจฉัยได้เร็ว หยุดยาต้นเหตุ และรีบให้การรักษาจะสามารถลดอัตราการตายได้

เมื่อผู้ป่วยมีประวัติได้รับยา + มีอาการดังต่อไปนี้ “ไข้ มีแผลที่เยื่อบุตาปากอวัยวะเพศ ตุ่มน้ำตามตัว หน้าบวม ตุ่มหนองตามตัว มีความผิดปกติของการทำงานตับ ไต” ควรต้องสงสัยว่าแพ้ยารุนแรงหรือไม่

(Ref : http://dx.doi.org/10.1016S0140-6736(16)30378-6)

หากเป็นตุ่มน้ำ

แยกคร่าว ๆ เบื้องต้น
▫️ไม่มีแผลที่เยื่อบุ >> เบื้องต้นควรสงสัย Bullous Fixed drug eruption (FDE), Linear IgA Bullous Dermatosis (LABD)
▫️มีแผลที่เยื่อบุ >> มาดูต่อว่าผิวลอกที่ตัวเป็นกี่ %BSA เพื่อแยก SJS, SJS/TEN overlap, TEN

หากมีไข้ หน้าบวม Eosinophilia AKI hepatitis

ควรต้องสงสัย DRESS syndrome สิ่งที่ต้องทำคือ ตรวจหาว่ามีสาเหตุอื่นนอกเหนือจากยาหรือไม่ และทำการคำนวณ DRESS score

หากมีไข้ ผื่นตุ่มน้ำเล็ก ๆ กระจายตามตัว

ควรต้องสงสัย AGEP สิ่งที่ต้องทำคือ ตรวจหาว่าไม่มีสาเหตุอื่นโดยเฉพาะการติดเชื้อ โดยการย้อม fluid content for Gram stain, KOH เบื้องต้น และทำการคำนวณ AGEP score

Main clinical and histological characteristics of SCARs (Ref: http://dx.doi.org/10.1016S0140-6736(16)30378-6)
SCARs: suggested confirmation tests and main differential diagnoses (Ref: http://dx.doi.org/10.1016S0140-6736(16)30378-6)

เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หากไม่แน่ใจควรหยุดยาที่สงสัยทันที และส่งผู้ป่วยเพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

Ref: http://dx.doi.org/10.1016S0140-6736(16)30378-6

สิ่งที่ต้องมีเพื่อประกอบการวินิจฉัย คือ ประวัติการทบทวนยาที่ผู้ป่วยได้รับ เพราะ Druglist Timeline เป็นเครื่องมือสำคัญในการดูว่า มียาที่อธิบายถึงอาการเหล่านี้ได้หรือไม่

About Druglist Timeline

ข้อมูลที่จำเป็นต้องสืบหามามีอะไรบ้าง

• ประวัติยาย้อนหลัง 3 เดือน ร่วมกับเช็คเสมอว่าเป็นการได้ยาครั้งแรก (Primary sensitization) หรือเคยได้มาแล้ว (Secondary sensitization)
• หากเคยได้รับยาตัวใดมาก่อนนี้ ควรเช็คเพิ่มเติมว่า เคยได้กี่ครั้ง ครั้งละนานกี่วัน ประกอบการพิจารณาว่าเป็น Secondary sensitization หรือไม่
• ประวัติยาทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น ยากิน ยาฉีด ยาหยอด ยาทา อาหารเสริม สมุนไพร ต่าง ๆ หรือแม้แต่วิตามิน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งหมด
• ประวัติยาที่เคยแพ้
• ระบุวันที่มีอาการผิดปกติต่าง ๆ ได้แก่ ผื่น เยื่อบุมีแผล ไข้
• ระบุวันที่ผื่นเพิ่มขึ้น หรือ ผื่นเริ่มดีขึ้น
• ค่าการทำงานของตับและไต เพื่อประกอบการคำนวณ T1/2 ยาในกระแสเลือด

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จำเป็นต้องทราบให้เร็วที่สุด เพื่อรีบให้การรักษาเนื่องจากเป็นภาวะเร่งด่วนที่ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ การจะดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะแพ้ยารุนแรงให้ได้ดี ต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรทางการแพทย์หลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักโภชนาการ ผู้ป่วยและญาติ

SCARs management, outcomes and main sequelae (ref: http://dx.doi.org/10.1016S0140-6736(16)30378-6)

ปัจจุบันนี้ กว่าผู้ป่วยจะถูกส่งตัวมารักษาใน รพ. ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็มักจะมีอาการหนักมากแล้ว

  • หากไม่แน่ใจควรรีบปรึกษาผู้รู้มากกว่า
  • หาข้อมูลเบื้องต้นอย่างรวดเร็วเพื่อลดความล่าช้าในการวินิจฉัยและเริ่มให้การรักษา
  • ให้ข้อมูลตามความจริงเกี่ยวกับรายละเอียดยา ไม่ควรปิดบังเพราะความกลัว เนื่องจากชีวิตคนสำคัญกว่า อย่างอื่นค่อยว่ากัน

โพสนี้อยากให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันจากทุกฝ่าย เพราะทุกคนมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยและรักษา

หากใครมีญาติที่สงสัยภาวะนี้ก็คงจะร้อนใจไม่น้อย คิดแบบนี้แล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องรีบเร่ง

Reference

http://www.thelancet.com
Published online May 2, 2017
http://dx.doi.org/10.1016S0140-6736(16)30378-6

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ helloskinderm.com

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

คอเหี่ยว

คุณหมอครับ..บริเวณคอและท้ายทอยของผมทำไมเหี่ยวย่นคล้ำลงคล้ายเบาะหนังเป็นแบบนี้ ???

Photo Credited: Bolognia Textbook of Dermatology

การที่ผิวหนังบริเวณหลังคอเกิดการหนาตัวและมีรอยย่นมากขึ้น จนดูคล้ายเบาะหนัง (leather-liked wrinkled skin) และมีสีอมเหลือง (yellowish discoloration) ดังภาพนี้ เราเรียกว่า Cutis Rhomboidalis Nuchae เป็นสัญญาณบ่งว่าผิวเกิดความชรามากขึ้นจากการถูกแดดเป็นประจำนั่นเอง โดยเฉพาะเพศชายที่ผมสั้น และมองข้ามการปกป้องแสงแดดให้กับผิวบริเวณนี้

หากปล่อยไว้นานๆ จะเป็นอย่างไร ?

A: รอยเหี่ยวย่นและหมองคล้ำจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และ หากมีจุดหรือรอยโรคที่เกิดตามมาอาจต้องระวังการเกิดมะเร็งผิวหนังในบริเวณนี้ได้ค่ะ

หากตอนนี้ยังไม่เป็นแบบนี้ มีวิธีการป้องกันหรือไม่ ?

A: การปกป้องแสงแดดอย่างถูกวิธีสามารถช่วยป้องกันได้ค่ะ เช่น ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป ปกป้องทั้ง UVA UVB VL, ใส่หมวกปีกกว้าง กางร่มเป็นประจำหากต้องออกกลางแจ้ง หากเป็นไปได้ควรเลี่ยงแสงแดดช่วง 10.00 – 15.00 น. สวมเสื้อผ้าที่มิดชิดมีคอปก

มีวิธีการรักษาหรือไม่ ?

A: ภาวะนี้จะรักษาหากเมื่อผู้ป่วยมีความกังวลเรื่องความสวยงาม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการที่ช่วยให้รักษาได้ผล มีรายงานการใช้ยาทาในกลุ่มสเตอรอยด์ วิตามินเอและ calcineurin inhibitor อาจช่วยทุเลาอาการได้บ้างในบางราย

นอกจากผิวที่บริเวณต้นคอแล้ว ความเสื่อมของผิวจากการทำลายจากแสงแดดยังสามารถเกิดได้ทุกส่วนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การปกป้องผิวให้ถูกวิธีจะช่วยชะลอความแก่ของผิวได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังในอนาคตได้ค่ะ

อ่านจบแล้วอย่าลืมส่องกระจกดูคอของตัวเองและคนที่คุณรักนะคะ

บทความลิขสิทธิ์ ©HELLO SKIN by หมอผิวหนัง

สอนวิธีบรรยายรอยโรคผื่นอย่างง่าย

พยายามจะแปลเป็นภาษาพูดให้นึกภาพออก ลองพยายามหัดบรรยายรอยโรคกันนะคะ

Primary lesion

คือ รอยโรคเริ่มต้นที่ยังไม่ผ่านการแกะเกาขยี้ถูใด ๆ

macule จุด
papule ตุ่ม
patch ผื่นราบ
plaque ปื้นหนา
vesicle ตุ่มน้ำใสเล็ก
pustule ตุ่มหนอง
bullae ตุ่มน้ำใสใหญ่
cyst ถุงน้ำ
nodule ก้อนนูน
wheal ปื้นนูนแดง

Secondary lesion

คือ รอยโรคที่ผ่านการแกะเกาขีดข่วนขยี้จิกกัดใดๆที่ทำให้เกิด trauma

scale สะเก็ด
crust คราบ
erosion ถลอก (ตื้น ๆ บางส่วนของ epidermis)
ulcer แผล (ลึก หมดทั้งชั้น epidermis)
excoriation เกาขีดข่วน
lichenifiction ผิวหนานูนเห็นเส้นผิวหนังชัดขึ้น
fissure ร่อง
scar แผลเป็น
atrophy บาง

Special characteristic

petechiae จุดเลือด
purpura ปื้นเลือด
ecchymosis รอยจ้ำช้ำ
telangiectasia ร่างแหหลอดเลือดฝอย

Color สี

erythematous แดง (blanching กดจาง / non-blanching กดไม่จาง)
blackish ดำ
bluish ฟ้า น้ำเงิน
brownish น้ำตาล
grayish เทา
purplish ม่วง
whitish ขาว
greenish เขียว
orange-reddish (salmon) สีแซลมอน
yellowish เหลือง

Configuration การจัดเรียงตัว

annular วงแหวน
round or nummular กลมเหมือนเหรียญ
linear เป็นเส้น
arcuate or gyrate เส้นโค้งไม่ครบวงเหมือนพระจันทร์เสี้ยว
polycyclic วงหลายวง อาจครบหรือไม่ครบวง
serpiginious รอยคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อย
clustered / grouped เป็นกลุ่ม
reticulated / retiform ร่างแหเป็นตาข่าย
targetoid เป็นเป้าธนู
whorled เหมือน marble cake

Distribution

คือ บริเวณที่มีผื่น
สามารถบอกเป็นอวัยวะบริเวณต่าง ๆ หรือรวมเป็นบริเวณที่มีชื่อเรียกจำเพาะได้ เช่น

scattered กระจาย (บางส่วน)
generalized กระจายทั่วทั้งตัว
photodistributed area บริเวณที่สัมพันธ์กับแดด
seborrheic area บริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ
Langer’s cleavage line ตามรอยเส้นที่ผิวหนัง
acral area ปลายมือเท้า
intertrigenous ซอกพับ
dermatomal / zosteriform / herpetiform ตามแนวเส้นประสาท
sporotrichoid ตามแนวหลอดน้ำเหลือง

ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าเจอผื่น ลองนึกว่าเห็นอะไรบ้าง

“ผื่นราบใหญ่ๆ สีแดงกดไม่จาง มีคราบสีเหลือง ที่ร่องแก้ม”

หลักการคือ

1. หา primary และ secondary lesion ให้ได้ก่อน
Primary lesion = ปื้นใหญ่ >> patch
Secondary lesion = คราบ >> crust

2. หาคำมาขยายข้อแรก ได้แก่ สี และ การเรียงตัว และลักษณะพิเศษอื่น
ปื้นใหญ่สีแดงกดไม่จาง >> non-blachable erythematous patch
คราบสีเหลือง >> yellowish crust

3. เติมตำแหน่ง
ที่ร่องแก้ม >> nasolabial fold หรือ seborrheic area

สรุป

ผื่นราบใหญ่ สีแดงกดไม่จาง มี คราบ สีเหลือง ที่ร่องแก้ม” จะได้เป็น
non-blachable erythematous patch with yellowish crust on seborrheic area

ยกตัวอย่างอีก 1 ข้อ

ตุ่มน้ำใสเล็กๆ หลายตุ่มรวมเป็นกลุ่ม มีคราบเลือด ตามแนวเส้นประสาท T12″ ก็จะได้เป็น
grouped of vesicles with hemorrhagic crust on T12 dermatomal area

ประโยคจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นกับความเยอะยุ่งยากของผื่น ที่เล่ามาเป็นตัวอย่างพื้นฐาน ลองเล่นบอกผื่นเป็นภาษาไทย แล้วให้เพื่อนแต่งเป็นภาษาอังกฤษดูสิคะ .. สนุกนะ

บทความลิขสิทธิ์ ©👩🏻‍⚕️HELLO SKIN by หมอผิวหนัง

Medication in Dermatology

ยาพื้นฐานและขนาดยาที่ใช้รักษาโรคผิวหนังพื้นฐาน จากหนังสือ Bolognia 4th Edition, Fitzpatrick 9th Edition

1. Systemic Antifungals

แบ่งตามชื่อยา Tetbinafine, Fluconazole, Itraconazole, Griseofulvin

แบ่งตามโรคต่าง ๆ

Candidiasis
Dermatophytoses
Pityriasis versicolor

2. Systemic Antivirals

In normal renal function

Herpes Simplex, VZV infection
Acyclovir
Valacyclovir
Famcyclovir and Pencyclovir

Adjusted dose in renal disease

3. Leprosy treatment

4. Scabiasis

5. Head lice

6. Syphilis

Recommendation for syphilis
Syphilis in special conditions

7. Psoriasis

Step of treatment

ยกตัวอย่างยาทาสะเก็ด

Body:

• 10-20% Urea + 0.1% TA cream apply bid

• 5-20% SA + 0.1% TA cream apply bid

• Calciprotriol ointment apply bid

• 5% LCD apply hs

Face:

• 0.02% TA cream apply bid หรือ Momethasone cream apply OD

Scalp:

• Tar shampoo หรือ Dermoshampoo สระผม OD

• TA milky lotion หรือ Desoxymethasone lotion หรือ Clobetasol scalp lotion apply bid

• Olive oil หมักผมก่อนนอน (กรณีผื่นขุยหนา)

• Calciprotriol + betamethasone gel apply bid (กรณีผื่นหนา)

• Beprosalic spray OD (กรณีผื่นขุยหนา)

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

10 คำถามเรื่อง Thiamidol & ฝ้าและการสร้างเม็ดสีผิว ‼️

หากพูดถึงเรื่องเดอโมคอสเมติกส์ที่ช่วยเรื่องฝ้าหรือรอยดำจากสิว หลายคนคงรู้จักไทอามิดอลกันมาพอสมควร วันนี้เลยรวบรวม Q&A มา 10 ข้อที่น่าสนใจ

Q1 : เป็นฝ้ามียาทาอะไรใช้รักษาได้บ้าง❓

A : 1st line ของยาทารักษาฝ้า คือ Hydroquinone ซึ่งถือเป็น gold standard แต่ถ้าหากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างมากและเกิดฝ้าถาวร (Ochronosis) ได้ ปัจจุบันจึงถือว่า Hydroquinone เป็นยาที่ต้องควบคุมการสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อาจมีบางประเทศที่กฏหมายอนุญาตให้ผสมในเครื่องสำอางได้ไม่เกิน 2%
ส่วนยาทาอื่น ๆ ที่ใช้ในการรักษาฝ้า เช่น topical retinoid, azelaic acid, topical methimazole เป็นต้น

Q2 : หากไม่อยากใช้กลุ่มยา มีกลุ่ม Dermocosmetics หรือสกินแคร์ตัวอื่นอีกไหมที่ช่วยเรื่องฝ้าได้ ❓

A : มีค่ะ อาจลองมองหาส่วนประกอบเหล่านี้
✔️ กลุ่มยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส เช่น arbutin 3%/deoxyarbutin, tranexamic acid 2-5%, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol, thiamidol
✔️ กลุ่มยับยั้งการขนส่งเมลานินไปที่ผิวหนังชั้นบน (Melanin transfer inhibition) เช่น niacinamide 4%, soybean
✔️ กลุ่มเร่งการผลัดเซลล์เม็ดสีส่วนเกินที่ผิวชั้นบน (Increased epidermal turnover) เช่น glycolic acid, salicylic acid
นอกจากนั้นต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมด้วยเสมอเพื่อป้องกันการกลับมาเข้มขึ้นของฝ้า

Q3 : แล้ว Thiamidol ล่ะคืออะไร ❓

A : Thiamidol หรือ Isobutylamido thiazolyl resorcinol เป็นสารนวัตกรรมตัวใหม่ ที่ออกฤทธิ์ในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว โดยไปยับยั้งที่ Tyrosinase enzyme นับว่าเป็นสารทางเลือกอันดับต้น ๆ ของคนที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องฝ้า, รอยดำสิว หรือคนที่อยากบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น สารนี้มีงานวิจัยรองรับตีพิมพ์ใน Journal of Investigative Dermatology 2018 ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นการทำวิจัยใน Human tyrosinase ก็ถือว่าเทียบเท่าได้กับการทดลองทาผิวมนุษย์ในชีวิตจริง

Q4 : เมื่อเทียบประสิทธิภาพของไทอามิดอล กับสกินแคร์ที่ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ตัวอื่นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ❓

A : ปัจจุบันมีสกินแคร์กลุ่ม Tyrosinase inhibitor ที่ไม่ใช่ยาอยู่หลายตัว เมื่อเทียบผลการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ของ Thiamidol กับสารอื่น ๆ ก็พบว่าไทอามิดอล
💯 ดีกว่า Butylresorcinol 10 เท่า
💯 ดีกว่า Kojic 1,000 เท่า
💯 ดีกว่า Arbutin 10,000 เท่า
จะเห็นว่าไทอามิดอลค่อนข้างจะเป็น Potent Tyrosinase Inhibitor ที่ออกฤทธิ์ในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวได้ค่อนข้างดี

Q5 : Thiamidol ใช้กับผิวคนไทยได้ไหม ❓

A : ได้ค่ะ มีงานวิจัยในผิวคนไทยพบว่า Thiamidol สามารถใช้ได้ผลในการรักษา ดังนี้
💯 ฝ้าที่รุนแรงน้อยถึงปานกลาง (mild to moderate melasma)
💯 กระ (freckles)
💯 กระแดด (solar lentigines)
โดยพบว่า ได้ผลดีกว่า “4% Arbutin + 2% Hydroquinone” ในเวลา 8-12 สัปดาห์

Q6 : อยากผิวขาวขึ้น Thiamidol ช่วยได้ไหม ❓

A : Thiamidol มีงานวิจัยรับรองว่า lightening index ลดลง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงผิวขาวใสขึ้นใน 2-4 สัปดาห์ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าสีผิวของมนุษย์ถูกยีนกำหนดมาแล้ว ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม lightening และกันแดดอย่างดีก็อาจทำให้ผิวขาวขึ้นได้เพียง 1-2 ระดับเท่านั้นเมื่อเทียบกับพื้นสีผิวของแต่ละคน สามารถดูได้ที่หน้าท้อง หน้าอก ก้น หรือบริเวณที่ไม่ค่อยถูกแดดค่ะ

Q7 : ไม่อยากคล้ำหลังเที่ยวทะเล สามารถทา Thiamidol ป้องกันได้ไหม ❓

A : มีข้อมูลพบว่าสามารถช่วยป้องกัน UVB induced hyperpigmentation ได้ พูดง่าย ๆ คือ ถ้าหากทาผิวทุกวัน 1-2 สัปดาห์ก่อนไปออกแดดจัด เช่น ก่อนไปเที่ยวทะเล จะช่วยป้องกันการเกิดผิวคล้ำหลังโดนแดด ได้ดีกว่าการไม่ทา (Downregulation of tyrosinase activity in melanocyte)

Q8 : ใช้ Thiamidol นาน ๆ จะเกิดฝ้าถาวรไหม ❓

A : ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานของผลข้างเคียงเรื่อง ฝ้าถาวร (Ochronosis) ซึ่งมักพบจากการใช้ hydroquinone แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากไทอามิดอลเป็นนวัตกรรมใหม่ คงต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป มีข้อมูลอัพเดทเรื่องการใช้ Thiamidol ทาเพื่อลดฝ้าที่ความรุนแรงมาก นานต่อเนื่อง 6 เดือน ก็พบว่าไม่มีผลข้างเคียง อีกทั้งฝ้ารุนแรงสามารถจางลงชัดเจนและหลังหยุดใช้ 3 เดือนก็ยังไม่กลับมาเข้มขึ้นเท่าเดิม

Q9 : คนท้องมีฝ้า ใช้ Thiamidol ได้ไหม ❓

A : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงในคนท้อง และเนื่องจากไทอามิดอลจัดเป็นกลุ่มเดอโมคอสเมติก ซึ่งความปลอดภัยค่อนข้างสูงและผลข้างเคียงน้อย เพราะไม่มีการดูดซึมของสารเข้าสู่กระแสเลือด ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้พิจารณา

Q10 : Thiamidol มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ใดบ้าง ❓

A : Thiamidol (PATENTED) คิดค้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ สถาบัน Beiersdorf Germany สารนี้เป็นส่วนผสมหลักอยู่ในผลิตภัณฑ์ของยูเซอรีนหลายรุ่น ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวล่าสุด คือ “Spotless Booster Serum” เป็นตัวที่อัพเกรดเทคโนโลยีต่อยอดจากรุ่นเดิม [ขวดหลอดคู่ Double Booster Serum] โดยใช้เทคนิค Micro targeted Technology เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น มี Hyaluron โมเลกุลขนาดเล็กกว่า 40 เท่า เป็นตัวพาสาร Thiamidol ลงสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น

Bottom Line

การใช้ยาทาภายนอก ถือเป็นการรักษาหลักของการรักษาฝ้า
เดอร์โมคอสเมติกส์เป็นอีกทางเลือก ในคนที่ไม่อยากใช้ยา ซึ่งค่อนข้างปลอดภัย ออกฤทธิ์ได้ถึงผิวชั้นลึกได้ดีกว่าคอสเมติกส์ ผลข้างเคียงน้อย แต่ผลการรักษาอาจไม่ดีเท่ายา
• ถ้าหากยังได้ผล แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังพิจารณาเพิ่มเติมการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ยารับประทาน หัตถการต่าง ๆ และเลเซอร์
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดรักษาฝ้าให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาเพื่อให้ฝ้าจางลงได้ การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีควรต้องควบคู่ไปกับการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างถูกวิธี และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ฮอร์โมน ยาบางชนิด ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นอีก

มีใครเคยลองใช้ไทอามิดอลแล้วบ้างไหมคะ เป็นอย่างไรบ้างชวนมาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ ?


References

  1. Inhibition of Human Tyrosinase Requires Molecular Motifs Distinctively Different from Mushroom Tyrosinase Journal of Investigative Dermatology 2018; 138: 1601-1608.
  2. An updated review of tyrosinase inhibitors. Int J Mol Sci 2009; 26(10): 2440-75.
  3. Mechanism of depigmentation by hydroquinone. J Invest Dermatol 1974; 62: 436-49.
  4. Effective Tyrosinase Inhibition by Thiamidol Results in Significant Improvement of Mild to Moderate Melasma Journal of Investigative Dermatology 2019 doi:10.1016/j.jid.2019.02.013
  5. Thiamidol containing treatment regimens in facial hyperpigmentation: An international multi-centre approach consisting of a double-blind, controlled, split-face study and of an open-label, real-world study. International Journal of Cosmetic Science. 2020; 42: 377–387. doi: 10.1111/ics.12626
  6. Isobutylamido thiazolyl resorcinol for prevention of UVB-induced hyperpigmentation. J Cosmet Dermatol. 2020; 00: 1–6.
  7. 7. 24 weeks long-term efficacy and tolerability of a skin care regimen with Thiamidol in patients with moderate to severe facial hyperpigmentation Roongenkamo et al. EADV2020.

Product mentioned
Eucerin Spotless Brightening Booster Serum

(พัฒนาจาก Double Booster Serum รุ่นก่อน)
ส่วนประกอบหลัก :
✔️ Thiamidol เป็น The Powerful Human Tyrosinase Inhibitor
✔️ Hyarulonic acid small molecule ช่วยนำพาสาร Thiamidol ซึมลงสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น
✔️ Licochalcone A ช่วยลดการอักเสบ ลดการหลั่ง endothelin จาก endothelial cell เสริมการทำงาน ช่วยลดเรื่องการเกิด hyperpigmentation
เทคโนโลยี Micro Targeted : เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และจัดการฝ้า จุดด่างดำได้ดีกว่าเดิม ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น 2 สัปดาห์
เนื้อสัมผัส : บางเบา ซึมง่ายขึ้น
บรรจุภัณฑ์ : สะดวกต่อการใช้งาน หัวปั๊มกดง่ายขึ้น

Disclaimer : Sponsored Content by Eucerin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Acne-prone Skincare, According to Dermatologist

คนเป็นสิวใช้อะไรดี..แนะนำแบบนี้ค่ะ ‼️

  1. ไอเทมที่ควรมีคู่กับการรักษาด้วยยาสิว คือ ผลิตภัณฑ์กันแดด, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเช้า-ก่อนนอน, ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
  2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับ acne-prone skin ได้แก่ non-comedogenic, oil free
  3. เลือกให้เหมาะกับผิว เช่น
    ถ้าเป็นสิว+ผิวมันควรเน้นกลุ่มที่ควบคุมความมัน
    ถ้าเป็นสิว+ผิวแห้งหรือแพ้ง่าย ควรเน้นกลุ่มเสริมกำแพงผิว ลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ
  4. คนผิวมัน เน้นผลิตภัณฑ์เนื้อบางเบา เช่น เจล โลชั่น หรือ ครีมที่ซึมเร็ว ส่วนคนผิวแห้ง เน้นผลิตภัณฑ์เนื้อครีมจะช่วยบำรุงได้ดีกว่า
  5. คนผิวแห้ง ระคายเคืองง่าย พยายามเลี่ยงน้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย เพราะอาจระคายเคืองได้
  6. ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดขึ้นกับสภาพผิวแต่ละคน อย่าใช้ตามเพื่อนหรือคำโฆษณา ควรต้องเลือกที่เหมาะกับตัวเอง
  7. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติทับซ้อนกัน เพราะไม่เพียงแต่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นแล้วยังอาจมีผลข้างเคียงตามมาได้
  8. ในรูปเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นให้ทุกคนลองไปศึกษากันดูค่ะ
  9. สุดท้าย ย้ำเสมอหากเป็นสิวเรื้อรังรุนแรงไม่หายสักที แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมประเมินค่ะ

ถ้าชอบ Protocol สกินแคร์สิว Acne-prone Skncare อันนี้ สามารถกดไลค์กดแชร์ได้เลยค่า ♥️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.