Category Archives: Branded Content

Extremolytes (Ectoin) ช่วยเสริมความสตรองของผิวได้อย่างไร วันนี้มาทำความรู้จักกัน

Role of Extremolytes (Ectoin) in Dermatology

1️⃣🟫 Extremolytes ถูกคิดค้นปี 1980 เป็น amino acid ที่สกัดจากชีวโมเลกุล Extremophilic organisms ที่อาศัยอยู่ใน Natrun Valley ประเทศอียิปต์ และต่อมาก็พบว่า สารนี้มักเจอในชีวโมเลกุลที่อาศัยอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่โหดจัด extreme มาก ๆ ไม่ว่าจะร้อนจัด เย็นจัด มลภาวะเยอะจัด แห้งจัด ยูวีเยอะจัด

🌟 ดังนั้น จึงมีการศึกษาวิจัยนำ Extremolytes มาผสมในสกินแคร์ ก็พบว่าช่วยให้ผิวสตรองมากขึ้น เสมือนกับชีวโมเลกุลข้างต้น ที่สามารถอาศัยอยู่ในสภาวะแวดล้อมอันโหดร้ายที่แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นมีชีวิตรอดอยู่ได้เลย เรียกได้ว่าเป็น Stress protection molecule ที่ดีตัวหนึ่ง

2️⃣🟫 Ectoin คือ สารที่ผลิตได้จากแบคทีเรียชื่อ Halomonas elongata ถือเป็น naturally Osmolytes อย่างหนึ่งที่มีการศึกษามากมายทั้งในแง่ของการผสมในครีมบำรุงผิวหรือครีมกันแดด, ยาพ่นในระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งยาหยอดตา

🌟ทั้งนี้ เนื่องจาก Ectoin มีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบได้ ทั้งที่ผิวหนัง เยื่อบุทางเดินหายใจ และตา

3️⃣🟫 มีการศึกษาพบว่าผิวหลังทาสกินแคร์ที่มี Ectoin เมื่อทดสอบด้วย UVB แล้ว มีอิมมูนเซลล์ที่ผิว (Langerhan cells) ลดลงเพียงเล็กน้อย และยังพบ Sunburn cells ลดลงอย่างชัดเจน

🌟 ดังนั้น Ectoin จึงมีคุณสมบัติ ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายด้วย UVB

4️⃣🟫 มีการศึกษาพบว่าผิวหลังทาสกินแคร์ที่มี Ectoin เมื่อทดสอบด้วย UVA แล้ว เซราไมค์ที่ผิวจะถูกสลายน้อยลงไปเรื่อย ๆ (dose-dependent) และยังพบ ICAM-1 น้อยลง บ่งบอกว่าการอักเสบของผิวน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

🌟 ดังนั้น Ectoin จึงมีคุณสมบัติ ช่วยยับยั้งกระบวนการอักเสบของผิวที่เกิดจาก UVA ได้อีกด้วย

5️⃣🟫 มีการศึกษาวิจัยในคน Sensitive & Atopic skin โดยให้ทา 1% และ 4% Ectoin เช้าเย็น นาน 7 วัน พบว่า TEWL ลดน้อยลง (แบบ dose-dependent)

🌟 ดังนั้น คนผิวแห้งหรือแพ้ง่ายที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงของกำแพงผิว แนะนำ ectoin ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 0.5-1% ขึ้นไป โดยทาเช้าเย็น จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณ 1 สัปดาห์

6️⃣🟫 มีการศึกษาพบว่าเมื่อทา 1% Ectoin เช้าเย็น นาน 12 วันขึ้นไป ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการตรวจวัดด้วยเครื่องมือ corneometry และหลังหยุดทาแล้วยังสามารถคงความชุ่มชื้นผิวอยู่ได้อย่างน้อย 7 วัน

🌟 ดังนั้น Ectoin จึงมีคุณสมบัติเป็น prolonged moisturizer ช่วยให้ความชุ่มชื้นผิวได้ยาวนาน ในงานวิจัยระบุอย่างน้อย 7 วัน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องขึ้นกับสภาพผิวแต่ละบุคคล และ ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่มี Ectoin ในแต่ละยี่ห้อ

7️⃣🟫 Ectoin มีคุณสมบัติ anti-inflammatory effect จึงมีการนำมาใช้เพื่อ ช่วยบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบจากสาเหตุหลายอย่าง

🌟 ดังนั้น จึงเป็นอีกทางเลือกในคนที่มีผิวหนังอักเสบ (Eczema) หรือในกลุ่มโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Mild to moderate Atopic dermatitis) ที่อยากเลี่ยงการทาสเตอรอยด์บ่อย ๆ

8️⃣🟫 พบว่า การทาสกินแคร์ที่มีEctoin สามารถช่วยลดการเกิด Air pollution-induced hyperpigmentation ได้ และลด gene expression ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเสื่อมของผิวได้

🌟 ดังนั้น Ectoin-containing Skincare จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากช่วย anti pollution และ anti aging ได้ดี

9️⃣🟫 ถึงแม้มีข้อมูลว่า Ectoin ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB ช่วยป้องกันผิวไหม้และลด aging skin ได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาในแง่ SPF, PA ที่ชัดเจน

🌟 ดังนั้น แนะนำให้ทาครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอค่ะ

🔟🟫 บางคนเรียก Ectoin ว่าเป็น All-in-One และ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการบำรุงผิว เพราะมีความสามารถ คือ

✔️ ปกป้องผิวจากการทำร้ายโดย UVA ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งผิวชรา ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ

✔️ ปกป้องผิวจากการทำร้ายโดย UVB ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งผิวไหม้และหมองคล้ำ

✔️ ลดการระคายเคืองผิวจาก PM2.5 ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความแก่, ผิวอักเสบ, การกำเริบของผื่นผิวหนังบางชนิด

✔️ ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง

✔️ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวได้ยาวนานหลายวัน

🌟 ดังนั้น คุณสมบัติของEctoin ก็คือ “Antiaging + Antiinflammatory + Moisturizing + Barrier repairing effects”

โดยสรุป หากใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Extremolytes (Ectoin) ขอแนะนำ ดังนี้ค่ะ

✅ 0.5% ขึ้นไป ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงกำแพงผิวได้ดี

✅ 1% ขึ้นไป มีคุณสมบัติเหมือน 0.5% และเพิ่มเติมคือ สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานยิ่งขึ้นเป็นสัปดาห์

✅ 5-7% ขึ้นไป มีคุณสมบัติ anti-inflammatory effect (dose-dependent) แนะนำสำหรับคนที่มีปัญหาภูมิแพ้ผิวหนัง Atopic dermatitis, มีผื่นแพ้อักเสบผิวหนังต่าง ๆ หรือ คนที่ต้องการบำรุงผิวมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มลภาวะฝุ่น PM2.5 ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีในประเทศไทยที่มีงานวิจัยทางการแพทย์รับรองก็เช่น Resiskin เป็นต้น

References

Skin Pharmacol Physiol 2014; 27: 57–65.

Appl Microbiol Biotechnol 2006; 72: 623–634.

Clin Dermatol 2008; 26: 326–333.

Curr Pediatr Rev. 2019; 15(3): 191-195.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

Product mentioned

🌟 Resiskin by Qualisk

✔️ Germany Innovative Ingredient (Extremolyte) ที่สกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารกันเสีย

✔️ Skin barrier repair ช่วยเสริมความแข็งแรงของกำแพงผิว ช่วยปกป้อง บำรุงและฟื้นฟูผิวในหลอดเดียว

✔️ มีงานวิจัยรับรองประสิทธิภาพในผิวหนังมนุษย์

✔️ No Steroid, no fragrance

✔️ Safe for infant, children, adult

✔️ แนะนำในคนผิวธรรมดา, ผิวแห้ง, ผิวแพ้ง่าย, ผู้มีปัญหาผิวหนังอักเสบหรือภูมิแพ้ผิวหนัง

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

Website: https://resiskin.com
FB: https://www.facebook.com/resiskin
Line: @ResiSKIN
#ผิวสตรองพร้อมทุกสถานการณ์

Sponsored by Resiskin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Cleansing Tips By Dermatologist ‼️

How to ล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี ‼️
Cleansing Tips by dermatologist

โพสนี้ขอเล่าเกี่ยวกับการล้างหน้าที่ถูกวิธีให้ทุกคนลองสำรวจดูว่า มีใครล้างหน้าไม่เหมาะสมก็ลองมาปรับกันดู แล้วจะรู้ว่าเพียงแค่ปรับการล้างหน้าให้ถูกวิธี ก็ทำให้หน้าใสและมีสุขภาพผิวดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

มาเริ่มกัน …

1. การล้างหน้าให้สะอาด ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดก่อนจะเริ่มทาครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไป เพราะสกินแคร์จะไม่สามารถซึมสู่ผิวและให้ประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ถ้าหากยังมีสิ่งสกปรกตกค้างขวางเอาไว้อยู่ คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามความสำคัญจุดนี้ไป
ดังนั้น เราควรปรับแนวคิด ให้ความสำคัญกับการล้างหน้าให้สะอาดมาเป็นอันดับต้น ๆ ของขั้นตอนในการดูแลผิว

2. มีงานวิจัยพบว่า การล้างหน้าวันละครั้งอาจไม่สามารถทำความสะอาดได้เพียงพอและทำให้เกิดสิวอักเสบมากขึ้นได้ ส่วนการล้างหน้ามากกว่า 2 ครั้งต่อวัน จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แห้งตึง อักเสบง่าย และก่อสิวอุดตันตามมาได้
ดังนั้น การล้างหน้า 2 ครั้งต่อวัน ถือว่าเพียงพอ ยกเว้นมีการสกปรกอาจล้างเสริมได้ และการล้างที่เหมาะสมคือ แนะนำใช้มือสะอาดนวดวนเบา ๆ ไปตามรูขุมขนนานประมาณ 15-20 วินาที ไม่เร็วหรือนานจนเกินไป

3. ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการล้างหน้า ควรมี pH ใกล้เคียงกับผิว คือ 4.5-5.75 หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ pH ต่ำเกินไป อาจก่อความระคายเคืองและผิวอักเสบได้ และหาก pH สูงกว่านี้ เช่น พวก soap ที่ฟองเยอะ หรือสบู่ก้อนล้างมือหรืออาบน้ำ เหล่านี้อาจทำให้ผิวแห้ง ตึง เกิดริ้วรอยก่อนวัยตามมาได้
ดังนั้น แนะนำ soap-free มีค่า pH เหมาะสม หลังล้างหน้าแล้วจะไม่รู้สึกแสบแดง แห้ง หรือตึงเอี๊ยด และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ

4. น้ำที่ใช้ล้างเพื่อทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติหรืออุ่นเล็กน้อย ไม่ควรใช้น้ำร้อน หรือ เย็นจนเกินไป และต้องรู้ว่าน้ำเปล่ามีค่าความเป็นด่างค่อนข้างสูง อาจทำลาย skin barrier ได้
ดังนั้น ไม่แนะนำให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียวโดยไม่ใช้ cleanser และไม่แนะนำใช้น้ำร้อนเพราะจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นหลังล้างหน้า

5. น้ำหอม อาจก่อการระคายเคืองหรือแพ้ได้
ดังนั้น แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีน้ำหอม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพ้และระคายเคืองตามมา

6. มีงานวิจัยพบว่า Cleanser และ Cleansing oil สามารถล้างครีมกันแดดชนิด Non-waterproof ออกได้หมด แต่การล้างด้วยน้ำเปล่าเดี่ยว ๆ ไม่สามารถชำระล้างส่วนผสมของน้ำมันในครีมกันแดดชนิดนี้ได้ ทำให้หลังล้างน้ำเปล่าเดี่ยว ๆ จะยังรู้สึกเหนียวที่ใบหน้าอยู่
ดังนั้น หากใช้ Non-waterproof sunscreen ควรล้างด้วย Cleanser หรือ Cleansing oil ก็ได้ แต่ไม่ควรล้างน้ำเปล่าอย่างเดียว

7. มีงานวิจัยพบว่า Waterproof sunscreen หลังทาแล้วจะมีคุณสมบัติคล้ายครีมรองพื้นเคลือบผิวไว้เพื่อป้องกันน้ำและเหงื่อ จึงทำให้ไม่สามารถล้างออกให้สะอาดได้ด้วยน้ำเปล่าหรือ Cleanser ทั่วไป
ดังนั้น หากใช้ Waterproof sunscreen แนะนำให้ล้างด้วย Cleansing oil จึงจะสามารถชำระล้างออกได้หมดและป้องกันการเกิดสิวอุดตันตามมา ไม่แนะนำล้างด้วย Cleanser ธรรมดา

8. หากแต่งหน้า ก็คล้ายกับ Waterproof sunscreen ซึ่งไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำเปล่าหรือ Cleanser ทั่วไป
ดังนั้น หากต้องการล้าง Makeup แนะนำให้ล้างด้วย Cleansing oil ดีกว่า Cleanser ธรรมดา

9. Double cleansing คือ การล้างหน้า 2 สเต็ป จะช่วยให้สามารถขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน เครื่องสำอาง หรือพวกครีมกันแดดชนิดกันน้ำได้ดี
วิธีการคือ

ขั้นตอนแรก อาจเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

▫️Micellar water แนะนำในผิวแพ้ง่าย แต่ก็ใช้ได้ทุกสภาพผิว
▫️Cleansing oil แนะนำในคนแต่งหน้าหนา ใช้ครีมกันแดดหรือเครื่องสำอางชนิดกันน้ำ
▫️Cleansing balm แนะนำในคนผิวแห้งมาก เพราะไม่ระคายเคือง และยังเพิ่มความชุ่มชื้นผิว

จากนั้นตามด้วยขั้นตอนที่สอง คือ

▫️ล้างด้วย Cleanser ธรรมดา
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้วิธี double cleansing ทุกคน แนะนำเฉพาะคนที่แต่งหน้าจัดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ชนิดกันน้ำ และแนะนำให้ใช้วิธีนี้สำหรับล้างหน้าตอนเย็น ส่วนตอนเช้าอาจล้างด้วย Cleanser ธรรมดาพอ เพื่อลดการ overwashing

10. มีงานวิจัยพบว่า ในกรณีแต่งหน้าหรือผิวหน้าสกปรกมาก การใช้อุปกรณ์หรือแปรงล้างหน้าไฟฟ้า Cleansing gadget ต่างๆ ร่วมกับ Cleanser ที่เหมาะสม สามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน สิวเสี้ยนได้ดี และทำความสะอาดผิวได้สะอาดมากกว่าการล้างหน้าด้วยมือเปล่า ส่งผลให้ครีมบำรุงที่ใช้สามารถออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ผิวหน้าจึงดีขึ้นตามมา แต่การใช้บ่อยเกินไปจะยิ่งก่อให้เกิดความระคายเคืองตามมาได้
ดังนั้น Cleansing gadget อาจเป็นอีกทางเลือกที่ใช้ได้ในคนที่แต่งหน้าหนาและสิวอุดตันเยอะ โดยแนะนำให้ใช้แค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนในกรณีอื่น ๆ ก็อาจจะยังไม่จำเป็น

11. พบว่าหากใช้ Cleansing gadget ขณะสิวอักเสบ มีแผล มีโรคผิวหนังอักเสบอื่น ๆ ร่วมด้วย อาจทำให้ยิ่งเกิดการอักเสบและระคายเคืองมากขึ้น ผิวหน้าจะยิ่งแย่ไปใหญ่
ดังนั้น ไม่แนะนำให้ใช้ใน คนที่กำลังมีสิวอักเสบ โรคผิวหนังอักเสบ มีแผล ผิวบอบบาง หรือ ผิวหลังทำเลเซอร์

12. มีงานวิจัยพบว่าอุปกรณ์ล้างหน้าที่ใช้ระบบ T-Sonic pulsation 8,000 ครั้งต่อนาที สามารถขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกินและเครื่องสำอางที่ตกค้างได้ถึง 99.5% และหากขนแปรงผลิตจาก Medical grade Silicone จะช่วยป้องกันการสะสมก่อตัวของเชื้อโรคได้ดีกว่ากลุ่มที่ผลิตจากไนลอน และขนแปรงที่ใช้ก็ควรนุ่มนวลเพื่อลดการระคายเคือง ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อใหม่ ๆ บางรุ่นสามารถปรับระดับความสั่นได้ เลือกระดับความนุ่มให้เหมาะกับสภาพผิวได้ เช่น LUNA3
ดังนั้น หากไม่มีข้อห้ามและอยากลองใช้ Cleansing gadget แนะนำเลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐานผ่านการรับรอง, ผลิตจาก Medical-grade silicone, ขนแปรงนุ่มไม่ระคายเคือง กันน้ำได้ เพื่อลดการก่อตัวของเชื้อโรคอันเป็นบ่อเกิดการติดเชื้อตามมา และไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น

เป็นอย่างไรบ้างคะ มีใครที่ยังล้างหน้าไม่สะอาดบ้างไหม หวังว่าบทความจะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนได้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันนะคะ อ้อ..ที่สำคัญ อย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนล้างหน้าด้วยและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำร้ายผิวนะคะ

References
J Dermatolog Treat. 2018 Nov; 29(7): 688-693.
J Cosmet Dermatol. 2019; 00: 1-5.
J Cosmet Dermatol. 2019; 1-6.
J Am Acad Dermatol. 2017; 76(6): Supp1,AB233.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
🌟 LUNA3 by Foreo Sweden 🌟
✔️ 2-in-1 : Cleansing & Firming mode
✔️ ขนแปรงนุ่ม ผลิตจาก Medical-grade Silicone มีให้เลือกตามสภาพผิว : สีชมพู (ผิวธรรมดา ผิวแห้ง), สีฟ้า (ผิวมัน ผิวผสม), สีม่วง (ผิวแพ้ง่าย)
✔️ ระบบ T-sonic pulsation 8,000 ครั้งต่อนาที ปรับได้ 16 ระดับ
✔️ Medical Claim มี User test study conducted at the Svetech Laboratory
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://foreo.se/w0q

Disclaimer: Content Sponsored by Foreo

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง & MEET FOREO Sweden
All rights reserved.

สกินแคร์สำหรับผิววัย 40++ (ฉบับดูแลตัวเองที่บ้าน)

เช็คลิสต์ส่วนผสมในสกินแคร์สำหรับสาววัย 40 ‼️

คำถามที่หลายท่านมีในใจก็คงจะหนีไม่พ้น “ อายุเริ่มเยอะไม่อยากผิวแก่เร็วควรเลือกสกินแคร์อย่างไรดี …⁉️”

ขอสรุปมาให้สั้น ๆ 5 ข้อ ดังนี้ค่ะ

1️⃣🔰 เมื่ออายุเข้าเลขสี่ ผิวจะมีการเสื่อมไปตามกาลเวลา นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว แสงแดดและการดูแลผิวไม่ถูกวิธี จะยิ่งทำให้ผิวเสื่อมโทรมไปเร็วกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
⭐️ ดังนั้น หากใครอยากให้ผิวดูเด็กและสุขภาพผิวที่ดีกว่าจึงต้องปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอ ดูแลผิวให้ถูกวิธี เลือกสกินแคร์ดูแลผิวอย่างเหมาะสมกับวัย โดยในวัยนี้ ผิวมักจะแห้งมากขึ้น หากผิวแห้งแนะนำเป็นกันแดดเนื้อครีมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีกว่าแบบโลชั่นค่ะ

2️⃣🔰 นอกจากแสงแดดแล้ว ฝุ่น PM 2.5 และมลภาวะต่าง ๆ ในล่องลอยในอากาศ ยังสามารถรวมตัวกับโมเลกุลของโลหะต่าง ๆ และทำร้ายผิวชั้นลึกลงไป ผลจากความเครียดจากภาวะออกซิเดชั่นในระยะยาวส่งผลให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำและผิวชรายิ่งไปกว่าเดิม
⭐️ ดังนั้น Topical antioxidants จึงแนะนำให้มีในสกินแคร์สำหรับวัยนี้ ยกตัวอย่างเช่น
Topical vitamin C, vitamin E (เคยมีในบทความก่อนนี้)
Topical arctiin เป็นสารอีกตัวเด่นที่กำลังมาแรง โดย arctiin เป็นสารสกัดที่มาจากพืชชื่อว่า Arctium lappa L ซึ่งเป็น phytoestrogen มีคุณสมบัติช่วย antiaging ได้ครอบคลุมทั้งการไปยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน ช่วย antioxidation และยังเป็นสารที่เพิ่มความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (NMF) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่นขึ้น เช่น ในสกินแคร์ Radiant Lift 3D Serum ก็มีงานวิจัยโดย MW Research GmBH ประเทศเยอรมนี ว่าช่วยเรื่องริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง ผิวเต่งตึง เรียบเนียนขึ้นหลังการใช้ประมาณ 2-4 สัปดาห์

3️⃣🔰 ผิววัยนี้นอกจากจะมีการสูญเสียน้ำได้มากขึ้น ส่งผลให้ผิวแห้งหยาบกร้านแล้ว ผิวชั้นลึกลงไปยังมีการสร้างคอลลาเจนลดลง และไฮยารูรอนิกแอซิดในชั้นผิวยังถูกสลายไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผิวเกิดมีริ้วรอย ความยืดหยุ่นผิวลดลง และผิวไม่อิ่มฟู
⭐️ ดังนั้น Topical hyaluronic acid จึงแนะนำให้มีในสกินแคร์สำหรับวัยนี้ โดยแนะนำว่าควรมีทั้ง hyaluronic acid ที่มีโมเลกุลใหญ่ + เล็ก เนื่องจากโมเลกุลใหญ่จะช่วยเคลือบผิว ลดการสูญเสียน้ำ ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระได้ ส่วนโมเลกุลเล็กจะซึมลงไปในผิวชั้นลึก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้าง HA ในผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟูและริ้วรอยดูลดลง โดยที่การใช้ Topical HA เพื่อ antiwrinkle effect มีงานวิจัยพบว่าหลังทาจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวอิ่มน้ำขึ้น ส่วนระยะเวลาการลดริ้วรอยต้องใช้เวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 60 วันขึ้นไป

4️⃣🔰 ผิวที่มีการเผชิญแสงแดดเป็นเวลานาน จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติให้เห็น เช่น ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
⭐️ ดังนั้น Topical Lightening จึงเป็นอีกกลุ่มที่แนะนำให้มีในสกินแคร์สำหรับวัยนี้ ยกตัวอย่างเช่น Arbutin/deoxyarbutin, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol และ Thiamidol (Isobutylamido thiazolyl resorcinol) ซึ่งเป็นสารนวัตกรรมตัวใหม่ที่เคยเขียนไว้ในบทความก่อนนี้ว่าช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยับยั้งที่เอนไซม์ไทโรซิเนสโดยตรง มีงานวิจัยรองรับตีพิมพ์ใน Journal of Investigative Dermatology 2018 ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นการทำวิจัยใน Human tyrosinase และมีงานวิจัยในผิวคนไทยพบว่า Thiamidol สามารถใช้ได้ผลในการรักษาฝ้าที่รุนแรงน้อยถึงปานกลาง (mild to moderate melasma), กระ (freckle) และกระแดด (solar lentigines) โดยพบว่าได้ผล ดีกว่า “4% Arbutin + 2% Hydroquinone” ในเวลา 8-12 สัปดาห์ ซึ่งปลอดภัยกับร่างกาย

5️⃣🔰 กระบวนการผลัดเซลล์ผิวในวัยนี้จะช้าลงเรื่อย ๆ ทำให้มีการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ และประสิทธิภาพการบำรุงผิวจากการใช้สกินแคร์จึงลดลงตามมาด้วย
⭐️ ดังนั้น การผลัดเซลล์ผิวจึงมีส่วนช่วยปรับสภาพผิวให้สมบูรณ์ โดยแนะนำว่าอาจเพิ่มกลุ่มผลัดเซลล์ผิว เช่น glycolic acid หรือ topical tretinoin ใน skincare routine ก่อนนอน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งร่วมด้วย

✅ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรคาดหวังเกินความเป็นไปได้ ก็คือ บางคนอยากให้ผิวดูเด็กลง 10 ปีภายในไม่กี่วัน เพราะความจริงเป็นไปได้ยาก การดูแลผิวด้วยสกินแคร์อย่างถูกวิธีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลดอายุผิว และต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ อาจหลายเดือนหลายปี นอกจากนั้น อาจต้องร่วมกับ หัตถการหรือการใช้เลเซอร์อื่น ๆ ร่วมกับการปรับพฤติกรรม เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีสุขลักษณะ จึงจะส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี และเสื่อมสภาพช้ากว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน

สุดท้ายนี้ ใครอายุเข้าเลข 4 แล้ว ก็ลองมาเช็คกันดูว่าสกินแคร์ที่ตัวเองใช้อยู่ มีส่วนผสมตามนี้มั้ย หรือใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่เหมาะสมกับตัวเองในวัยนี้ ก็ลองดูตามนี้ได้เลย

⭐️Sunscreen ควรทาครีมกันแดดทุกเช้า ในวัยนี้มักมีผิวที่แห้งมากขึ้น ดังนั้น ในกิจวัตรประจำวันปกติ อาจใช้ SPF30 PA+++ ขึ้นไป หากผิวแห้ง
แนะนำเป็นเนื้อครีมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีกว่าแบบโลชั่นค่ะ
⭐️Hyaluronic acid อย่างน้อย 2 โมเลกุล
⭐️Topical antioxidant ได้แก่ กลุ่มจำพวก Topical vitamin C, vitamin E และ Topical arctiin
⭐️Topical lightening เช่น Arbutin/deoxyarbutin, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol และ Thiamidol
⭐️Topical exfoliants เช่น glycolic acid ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้สมบูรณ์ ผลัดผิวชั้นบนที่ตายแล้วให้หลุดออกโดยไม่ทำให้ผิวบางลง

References
Natural anti-aging skincare: role and potential.
Biogerontology. 2020 Jun;21(3):293-310.
Women’s attitudes to beauty, aging, and the place of cosmetic procedures: insights from the QUEST Observatory.
J Cosmet Dermatol. 2016 Mar;15(1):89-94.
How to select anti-aging skincare products
AAD.org

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
Eucerin Radiant Lift 3D Serum
Main ingrediants 3 อย่างหลัก :
✔️ มี Hyaluron 2 โมเลกุล คือ 52 kDa และ 2000 kDa ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวอิ่มฟู
✔️ มี Thiamidol ช่วยยับยังเอนไซม์ไทโรซิเนสในกระบวนการสร้างเม็ดสี ช่วยเรื่องความหมองคล้ำ รอยดำ ฝ้ากระ
✔️ มี Arctiin เป็น powerful antioxidant สกัดจาก phytoestrogen ช่วยเพิ่ม NMF ยับยั้งการทำลายคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ Radiant Lift 3D Serum
✔️ Anti wrinkle Studies : พบว่าริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาดูลดลงหลังการทดสอบทา 2 ครั้งต่อวัน นาน 4 สัปดาห์ จากการวัดด้วยเครื่องมือ FOITS (Fast Optical in vivo Topometry of Human skin)
✔️ More Elasticity Studies : พบว่าความยืดหยุ่นผิวดีขึ้น ผิว firm ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังการทดสอบทา 2 ครั้งต่อวัน นาน 2 สัปดาห์ จากการวัดด้วยเครื่องมือ Cutometer MPA 580 and Self Grading of patients + Moisture measurement
✔️ Overall Skin Quality : จากภาพถ่ายงานวิจัยเปรียบเทียบพบว่า หลังการทา 12 สัปดาห์ ผิวเรียบเนียบขึ้น ริ้วรอยดูลดลง ฝ้ากระรอยดำลดลง และโดยรวม Younger looking


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง & Beiersdoft Company All rights reserved.

คนเป็นสิวใช้คลีนเซอร์อะไรล้างหน้าดี

คนเป็นสิวใช้คลีนเซอร์อะไรดี ⁉️

ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 แล้วนะคะสำหรับหัวข้อเรื่อง การเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว

ใครที่เพิ่งเห็นโพสนี้ หมออยากให้เริ่มอ่าน 2 โพสก่อนหน้า เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นนะคะ ตามลิ้งค์นี้เลย

👩🏻‍⚕️ตอนที่ 1 : Moisturizer & Acne

👩🏻‍⚕️ตอนที่ 2 : รีวิวเดอโมคอสเมติกส์สำหรับสิว
https://www.facebook.com/476743752739537/posts/1001343170279590/

👩🏻‍⚕️ตอนที่ 3 : คนเป็นสิวใช้คลีนเซอร์อะไรดี

มาเริ่มกันเลยค่ะ
🔰🔰🔰🔰🔰🔰🔰🔰🔰

1🟣 ล้างหน้าให้สะอาด 2 ครั้ง เช้าเย็น เหมาะสมที่สุด มีงานวิจัยบอกว่าช่วยลดสิวอุดตันได้ทั้งสิวหัวปิดและหัวเปิด ได้ดีกว่าล้างวันละครั้งหรือวันละหลายครั้ง อย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้นเหงื่อออกมาก เปื้อนเลอะเทอะ อาจต้องล้างเพิ่ม

2🟣 คลีนเซอร์ที่ pH ไม่เหมาะสม เป็นต้นเหตุที่สำคัญของสิวไม่ยุบ หรือ เห่อมากขึ้น เป็นเหตุผลว่าคนเป็นสิวจึงควรใช้คลีนเซอร์ที่มี pH 5.3-5.9 สาเหตุที่ควร เป็นกลาง เพราะว่าหาก pH สูงจะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เชื้อแบคทีเรีย C.acne เจริญเติบโตได้ดี ทำให้สิวบุกตามมา

3🟣 แนะนำคลีนเซอร์กลุ่ม Dermocosmetics เพราะมีการปรับ pH ที่เหมาะสม ส่วนกลุ่ม Cosmetics ก็สามารถใช้ได้แต่ต้องเลือกให้ดี

4🟣 แนะนำใช้เป็นกลุ่ม Syndets (synthetic detergent-based) cleanser เพื่อลดการระคายเคือง ช่วยรักษาสมดุลให้ pH พอเหมาะ ลดสิวอักเสบได้ชัดเจน เห็นผลใน 3 เดือน และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพยารักษาสิวให้มากขึ้นได้อีกด้วย

สบู่ก้อนตัวอย่างเช่น
🛑 Dove Beauty Bar
🛑 AcneAid Bar

5🟣 ส่วนคลีนเซอร์ที่เป็น Pure Soap ไม่แนะนำ เพราะทำให้ค่า pH ของผิวเพิ่มขึ้นหลังใช้ได้นานถึง 4-8 ชั่วโมง ซึ่งพบว่าทำให้ C.acne เจริญเติบโตมากขึ้น และยังทำให้โครงสร้างผิวไม่แข็งแรง เพิ่มการสูญเสียน้ำมากขึ้น ผลคือ ทำให้ผิวแห้ง ลอก คัน แสบระคายเคืองตามมา ดังนั้น หากคลีนเซอร์ของใครที่ใช้แล้วหลังล้างหน้ารู้สึกตึง ๆ หรือแสบ แนะนำว่าควรเปลี่ยนค่ะ ‼️

6🟣 คลีนเซอร์กลุ่ม Botanical เช่น hops, willow bark extract, disodium cocoyl glutamate, chamomile, green tea ก็สามารถใช้ได้ดีกว่า Soap แต่ยังด้อยกว่า Syndet ในแง่ของการลดสิว

7🟣 หากล้างหน้าสะอาดหมดจดดี ไม่จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ หากไม่แน่ใจหรืออยากใช้ ก็แนะนำโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Witch hazel ช่วยลดการอักเสบและลดความมันบนผิวได้

8🟣 กลุ่ม Gentle Liquid Cleanser ก็ใช้ได้ผลดี แนะนำใน ผิวเป็นสิวที่แพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย ใช้อะไรล้างหน้าก็ไม่รอด ให้ลองดูกลุ่มนี้ก่อน

ตัวอย่างเช่น
🛑 Eucerin Dermopurify cleanser
🛑 Eucerin Pro Acne Solution Gentle Cleansing Foam
🛑 Eucerin pH5 Facial cleanser No perfume (มีจำหน่ายเฉพาะ รพ. และคลินิกผิวหนังเฉพาะทาง)
🛑 Papulex Mousse Cleanser (มีจำหน่ายเฉพาะ รพ. และคลินิกผิวหนังเฉพาะทาง)
🛑 AcneAid Liquid clenser สีแดง
🛑 CeraVe Hydrating Cleanser สีเขียว
🛑 Cetaphil PRO DermaControl Oil removing Foam Wash มี Zinc คุมมัน
🛑 La Roche-Posay Toleriane Purifying Foaming Fash Wash
🛑 COS Gentle facial cleanser สีชมพู
🛑 EltaMD Foaming Facial Cleaser
🛑 Dermatologica UltraCalming Cleanser

9🟣 หากมีสิวและผิวแพ้ง่าย ควรเลี่ยง sodium laureth sulfate (SLES)

10🟣 กลุ่ม Antiseptic Cleanser เช่น hexachlorophene, chlorhexidine, povidone-iodine ไม่แนะนำ เพราะระคายเคืองผิว และผลข้างเคียงมากกว่า

11🟣 กลุ่ม Benzyl peroxide Cleanser ได้ผลดี เป็นตัวหลักที่แนะนำ ช่วยฆ่าเชื้อ C.acne ได้อย่างเห็นผล และไม่มีรายงานเชื้อดื้อยา ในรูปแบบล้างหน้ามีข้อดีคือ จะระคายเคืองน้อยกว่าแบบ leave-on ที่ต้องทาแล้วล้างออก แนะนำ 5-12% BP cleanser กลุ่มนี้ไม่แนะนำในคนผิวแพ้ง่าย แต่จะใช้ดีในคนมี สิวอักเสบและอุดตันเยอะ ผิวผสมถึงผิวมันมาก


ตัวอย่างเช่น
🛑 PanOxyl Acne Foaming Wash
มี 10%BP
🛑 PCA Skin BPO 5% Cleanser
🛑 Clean & Clear Daily Acne facial wash
มี 10%BP ช่วยลดสิวอักเสบสิวอุดตัน ลดความมัน
🛑 Proactive Renewing Cleanser
มี 2.5% micronized BP, Hyaluronic acid, chamomile

12🟣 กลุ่ม AHA เช่น glycolic, lactic acid ใช้ได้ดี ช่วยลดสิวอุดตันได้ดี มีรายงาน 1% glycolic cleanser ก็เห็นผล กลุ่มนี้แนะนำในคน ผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวมัน

ตัวอย่างเช่น
🛑 La Roche-Posay Effaclar Acne Deep Cleanser
มีทั้ง AHA, 2%SA แนะนำในคนที่ผิวมันมาก ๆ มีสิวอักเสบและสิวอุดตันหัวเปิดเยอะ
🛑 SkinCeuticals Clarifying Exfoliating Cleanser
มีทั้ง AHA,BHA ผสมเม็ดบีดเล็ก ๆ ช่วยผลัดเซลล์ผิวลดสิวอุดตัวเป็นหลัก แนะนำใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ในคนเป็นสิวอุดตัน

13🟣 กลุ่ม BHA เช่น Salicylic acid ใช้ได้ดี และเห็นผลดีขึ้นหากใช้ร่วมกับ BP มีรายงาน 2%SA cleanser ก็เห็นผล กลุ่มนี้ แนะนำในคนผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวมัน

ตัวอย่างเช่น
🛑 La Roche-Posay Effaclar Deep-Cleansing Foaming-Cream Cleanser
มีทั้ง AHA, BHA แนะนำในคนที่ผิวมันมาก ๆ มีสิวอักเสบและสิวอุดตันหัวเปิดเยอะ
🛑 Neutrogena Oil-free SA Acne-Fighting Facial cleanser
🛑 Obagi CLENZIderm M.D. Daily Care Foaming Cleanser
🛑 AVEENO Clear Complexion Foaming Cleanser
มี glycerin, salicylic

ถามว่ายี่ห้อไหนดีนั้น

ตอบยาก ‼️ เพราะหลายปัจจัย ทั้งส่วนประกอบอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์ สภาพผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน คงต้องเลือกตามความเหมาะสมของผิวตัวเองค่ะ

ถามว่าหมอใช้อะไร ⁉️

สำหรับหมอ มีผิวผสม มีสิวอุดตันนิดหน่อย นาน ๆ ทีจะสิวอักเสบ ผิวไม่มีปัญหาเรื่องแพ้หรือระคายเคืองอะไร ที่ใช้ประจำจะสลับไปมาขึ้นกับปริมาณสิวว่ามากหรือน้อย
Papulex Moussant Foam Cleanser ใช้ประจำ บ่อยสุดชอบสุด
COS Gentle facial cleanser สีชมพู ช่วงสิวกำลังจะมา
Eucerin dermopurifying Cleanser ช่วงสิวกำลังจะมา
PCA Skin BPO 5% Cleanser ช่วงสิวบุกหนัก

⭐️⭐️⭐️ HELLO SKIN Tips for acne⭐️⭐️⭐️
1️⃣ Cleanser –> pH เป็นกลาง, syndet, ล้างหน้า 2 ครั้ง, ส่วนผสมตามข้างต้น
2️⃣ Toner -> ไม่จำเป็น
3️⃣ Moisturizer -> กลับไปอ่านตอนที่ 2
4️⃣ Sunscreen -> ถ้าอยากรู้ ต้องรอตอนที่ 4

วันนี้หมอเลิกงานช้า ขออภัยที่มาดึกไปนิด หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้ทุกคนที่มีปัญหาสิว สามารถนำไปใช้เลือกคลีนเซอร์ที่เหมาะสมกับผิวของตัวเองได้นะคะ
ถ้าชอบและเห็นว่ามีประโยชน์ —> ขอกำลังใจตามระดับความชอบ 💕💕💕 เพื่อหมอนำไปปรับปรุงบทความถัดไปค่ะ

– NO Sponsored Content –
Product mentioned:
Papulex, Eucerin, COS, PCA

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References

Efficacy of a twice-daily, 3-step, over-the-counter skincare regimen for the treatment of acne vulgaris
Clinical, Cosmetic and Investivational Dermatology 2017: 10; 3-9.

Cosmetics and cosmeceuticals in Bolognia Dermatology

Clinical evidence for washing and cleansers in acne vulgaris: A systematic review. Journal of Dermatology Treatment publised online Feb 2018

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

❌ ยินดีให้แชร์ได้เลยค่ะ แต่ขออนุญาตไม่ copy หรือดัดแปลงบทความนะคะ ขอบคุณค่า ❌

รวมวิธีแก้ 6 ปัญหาเท้านักวิ่ง

ปัญหาเท้านักวิ่ง runner

นักวิ่งทั้งหลายใครมีปัญหาเท้าแบบในรูปบ้าง ⁉️

1. ตาปลาและตุ่มน้ำพอง

เกิดจากการเสียดสีที่เดิมซ้ำ ๆ

วิธีแก้
• ควรเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับรูปเท้า หรืออาจใช้ตัวแผ่นรองกันเสียดสีช่วยได้ ถ้าเป็นแล้วอย่าใช้กรรไกรสกปรกตัดหรือฝานเองเนื่องจากอาจติดเชื้อได้
• หากเท้าเริ่มหนาตัว แข็งด้าน อาจทาวาสลีน หรือ ครีมยูเรียบ่อย ๆ

2. เชื้อราที่เล็บที่ง่ามนิ้วที่เท้า

เกิดจากเหงื่อ ความอับชื้น

วิธีแก้
• ใส่รองเท้าที่พอดีกับเท้า ไม่แน่นจนเกินไป สวมรองเท้าคัทชูและถุงเท้าเท่าที่จำเป็นเพื่อลดการอับชื้น
• ใช้ antifungal spray พ่น หรือโรยด้วย antifungal powder ที่รองเท้าและถุงเท้าก่อนสวมใส่เป็นประจำ เช่น clotrimazole powder หรือ spray ช่วยลดกลิ่นเท้า และป้องกันการเกิดเชื้อราได้
• งดเดินเท้าเปล่า
• สวมรองเท้าอาบน้ำในที่สาธารณะป้องกันการติดเชื้อจากพื้น
• หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าผู้อื่น
• หลีกเลี่ยงการใช้กรรไกรตัดเล็บร่วมกัน

3. เลือดคั่งใต้เล็บ

เกิดจากกระแทกเสียดสีซ้ำ ๆ กับหน้ารองเท้า
ยิ่งวิ่ง Hard-core, long runner วิ่งที่ชัน เปลี่ยนทิศทางวิ่งจะเป็นได้บ่อย

วิธีแก้
• ตัดเล็บสั้นเสมอ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่อเล็บ เล็บ
• ปรับรองเท้าให้เหมาะสม ไม่บีบหน้าเท้า ไม่หลวมเกินไป

4. เท้าเหม็นเป็นรู

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย บางรายอาจมีการติดเชื้อราแทรกซ้อนตามมาได้ เท้าจะเหม็นมาก

วิธีแก้
• ทายาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Erythromycin gel, Clindamycin gel หากรุนแรงอาจต้องกินยาร่วมด้วย
• ทายา Benzoyl peroxide
• หากมีการติดเชื้อราแทรกซ้อน ทายาฆ่าเชื้อรา

5. เหงื่อเท้าออกมาก

วิธีแก้

• การรักษามาตรฐาน คือ ทายากลุ่ม 20% Aluminum chloride
• ฉีด botulinum toxin ลดเหงื่อ
• ปัจจุบันมีแบบแผ่นเช็ดหรือครีมทาลดเหงื่อก็ได้ผลดี สามารถใช้กับรักแร้ เท้า หลังได้หมด

6. ตุ่มปูดที่เท้า Piezogenic Pedal Papules

วิธีแก้
• ไม่มียารักษา ต้องลดการเดินหรือวิ่ง หรือลดน้ำหนักจะช่วยได้
• หากปวดมาก ไปพบแพทย์เพื่อฉีดยา

——————————————

อ่านบทความย้อนหลังที่ https://helloskinderm.com

รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Kiehl’s Antiperspirant & Deodorant Cream

วันนี้ขอพูดถึงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายในดวงใจชิ้นนี้

👑👑 Kiehl’s Antiperspirant & Deodorant Cream 👑👑

เป็นครีมระงับกลิ่นกายที่ทางแบรนด์เคลมว่า ระงับกลิ่นกายได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง

PRO

👍🏻 เนื้อครีมไม่มีน้ำหอม ไม่มีกลิ่น ทำให้โอกาสแพ้ค่อนข้างน้อย ชอบมาก ๆ เพราะไม่ตีกับกลิ่นน้ำหอมที่เราใช้อยู่
👍🏻 ผิวใต้วงแขนนุ่ม เนียนเรียบ เพราะมีส่วนผสมของสารบำรุงผิวและสารสกัดจากธรรมชาติหลายอย่าง ถามว่าเป็นแค่การโฆษณาหรือไม่ พอลองมาดูในเรื่องของส่วนผสมก็จะเห็นว่า
✔️ มีสารสกัดจาก Orange, lemon ที่ช่วยในเรื่อง Whitening และ ผลัดผิวเบา ๆ ทำให้ผิวใต้วงแขนดูกระจ่างใสขึ้น
✔️ มี Linseed oil เป็น natural oil ซึ่งตัวนี้ ใครยังไม่ทราบก็จะเล่าให้ฟังว่า เป็นน้ำมันที่มี Omega-3 Fatty acid สูง 50% ซึมเร็ว จะช่วยบำรุงให้ผิวใต้วงแขนให้ชุ่มชื้น anti inflammation ของผิวหนังได้ ซ่อมแซมผิวได้ดี ช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ ได้ และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างดีโดยไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง
👍🏻 ปกป้องกลิ่นเหงื่อได้ยาวนานทั้งวันเลยทีเดียว แม้กระทั่งอากาศร้อนมาก ๆ อาจมีเหงื่ออก แต่เรื่องกลิ่นก็ยังเอาอยู่

CONS

😒 ราคาสูงนิดหน่อย
😒 ไม่มีขายตามร้านปลีกย่อย หรือ ซุปเปอร์ ต้องซื้อในเคาท์เตอร์แบรนด์ หรือไม่ก็ออนไลน์ แต่ต้องดูดี ๆ ระวังของลอกเลียน ส่วนตัวรอซื้อจากทางแบรนด์เวลาลดราคา ซื้อมาตุนไว้

EXPERIENCE

👩🏻‍⚕️ใช้มานานหลายปีแล้ว ระงับกลิ่นใต้วงแขนได้ดีเยี่ยมทั้งวันจริง ๆ วงแขนนุ่มขึ้น แต่เป็นเนื้อครีม ต้องใช้มือทา (เหมือนเวลาทาครีมที่หน้า) ก็จะต้องทาเป็นตัวสุดท้ายหลังทาครีมที่หน้าเสร็จ เพราะกลัวปนเปื้อนมาติดหน้าเรา หรือไม่งั้นถ้าแต่งตัว ทาครีมตัวนี้ แล้วต้องล้างมือ ค่อยมาจัดการกับผิวหน้าต่อ ยากนิดหน่อย แต่ทาแล้วซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เสื้อสีขาวตรงรักแร้ไม่มีคราบเลย หลอดนึงใช้ได้นานมาก 6 เดือนขึ้น เทียบกับราคาไม่แพงเลย
สรุป ชอบมาก รู้สึกตัวสะอาด หลังจากใช้ตัวนี้ก็ไม่เคยใช้ antiperspirant หรือ deodorants ตัวอื่นอีกเลย ชอบซื้อตอนลดราคา หลอดใหญ่ไว้ติดบ้าน หลอดเล็กพกพาเวลาเดินทาง


The Evidence-based Honest Review by ©👩🏻‍⚕️HELLO SKIN by หมอผิวหนัง