Category Archives: Branded Content

วิธีจัดการสิวด้วยสกินแคร์ให้เห็นผล

สกินแคร์ที่คุณใช้อยู่ มีคุณสมบัติเหมาะสมในการแก้ปัญหาสิวจากต้นตอหรือไม่

สิวเกิดจากความผิดปกติที่บริเวณรูขุมขนและต่อมไขมัน ซึ่งเป็นภาวะที่ค่อนข้างเรื้อรัง มีกลไกการเกิด คือ มีการทำงานของต่อมไขมันเพิ่มขึ้น (Hyperseborrhea) ทำให้มีการสร้างน้ำมันผิวมากขึ้น รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติของน้ำมันผิวร่วมด้วย ทำให้กระตุ้นการสร้างเคราตินมากขึ้นบริเวณผิวที่รูขุมขน เมื่อเคราตินจับตัวกับน้ำมันผิวจึงก่อให้เกิดสิวอุดตันเล็ก ๆ (Microcomedone) ที่ใต้ผิวตามมา ร่วมกับ หากมีความไม่สมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ Cutibacterium acne ก็จะส่งผลให้เกิดการอักเสบตามมาได้
ทำให้เห็นสิวในลักษณะต่าง ๆ ในแต่ละระยะ เช่น
สิวอุดตัน (หัวปิด = สีขาว, หัวเปิด = สีดำ)
สิวอักเสบ (ตุ่มแดง, ตุ่มหนอง, สิวหัวช้าง, ก้อนซิสต์)

เชื่อว่ามีหลายปัจจัยกระตุ้นให้เกิดสิวตามมา เช่น พันธุกรรม, ฮอร์โมน, สภาวะแวะล้อม, อาหาร, ยาบางชนิด ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ที่ผิว เป็นต้น

การรักษาสิวให้ได้ผลจึงต้องรักษาตามกลไกของการเกิดสิว ได้แก่

  1. ลดการอุดตันของรูขุมขน
  2. ลดการทำงานของต่อมไขมัน
  3. ลดการอักเสบ
  4. ปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ที่ผิว

ซึ่งการรักษาสิวตามแนวทางมาตรฐานยังคงเป็นการรักษาด้วยยาทา เช่น ยาทาวิตามินเอ, ยาเบนซิลเปอร์ออกไซด์, ยาทาฆ่าเชื้อสิว และหากไม่ดีขึ้นหรือเป็นสิวรุนแรงจะต้องใช้ยารับประทานร่วมด้วย เช่น ยากินกรดวิตามินเอ, ยาฆ่าเชื้อ, ยากลุ่มต้านฮอร์โมน ซึ่งเหล่านี้แพทย์จะเป็นผู้พิจารณา

ปัญหาจากการใช้ยารักษาสิวที่มักพบได้บ่อย คือ ผลข้างเคียงเรื่องผิวแห้ง แสบ ลอก ระคายเคือง ยาบางกลุ่มทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ผลคือ ทำให้กำแพงผิวเสียสมดุลและบางคนไม่สามารถทนผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิวต่อได้ ดังนั้น การใช้สกินแคร์จึงเข้ามามีบทบาท เพื่อเสริมความแข็งแรงของกำแพงผิว ช่วยลดผลข้างเคียงจากยา เสริมประสิทธิภาพการรักษาด้วยยาให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นทางเลือกของคนที่เป็นสิวไม่รุนแรง คนที่ทนผลข้างเคียงจากยาไม่ไหว และสามารถใช้เป็นตัวช่วยเพื่อลดโอกาสการเกิดสิวในระยะยาวได้ โดยควรเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาสิว ดังนี้

1) ผลิตภัณฑ์กันแดด

แนะนำให้ใช้ร่วมด้วยเสมอ เนื่องจากยารักษาสิวทั้งยากินและยาทา ทำให้ผิวค่อนข้างไวต่อแสงมากกว่าปกติ
แนะนำชนิด non-comedogenic, non-acnegenic, won’t clog pore

2) ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า

แนะนำให้เป็นกรดอ่อน ๆ pH ประมาณ 5-5.5 และล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน

3) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพื้นฐาน

แนะนำชนิดที่ non-comedogenic มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยบำรุงกำแพงผิวให้แข็งแรง ทั้งนี้เพื่อลดผลข้างเคียงของยาทาสิว เช่น dimethicone, glycerin
• มีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างน้ำมันผิว เช่น niacinamide, zinc, L-carnitine, fullerene
• มีคุณสมบัติช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น retinol, glycolic acid, salicylic acid, PHA
• มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ เช่น azelaic acid, lichochalcone A, aloe vera, zinc
หากสกินแคร์กลุ่มบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติดังกล่าว นอกจากจะช่วยเสริมการรักษาสิวให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดสิวใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย ทั้งนี้เพราะเป็นการแก้ไขอย่างตรงจุดตามกลไกการเกิดสิวค่ะ

หากใครเป็นสิวอุดตัน ผิวมัน ที่กำลังมองหาสกินแคร์สักชิ้น ลองมองหาส่วนผสมที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อเสริมการรักษาไปกับการทายาได้ค่ะ
ยกตัวอย่างสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติข้างต้น เช่น Proacne A.I. Matt Fluid ซึ่งประกอบด้วย Salicylic, Licochalcone A, L-carnitine and 1,2- decanediol เป็นต้น

ทั้งนี้การรักษาและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องค่อย ๆ ลองปรับที่เหมาะกับตัวเอง และหากเป็นสิวเรื้อรังรุนแรงแนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมดูแล

References:
J Drugs Dermatol. 2016; 15(1 Suppl 1): s7-s10.
JEADV 2015; 29 (Suppl. 5): 1-7.
Nat Rev Dis Primers. 2015; 1: 15029.
Dermatol Clin 2012; 30: 99–106. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2010; 3: 135–142.

Product mentioned
Eucerin Proacne A.I. Matt
✔️ มี Salicylic acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขนได้ดี
✔️ มี Licochalcone A เป็น Innovation ที่ช่วยลดการอักเสบผิว ลดการเกิดรอยแดงรอยดำจากสิว และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว
✔️ มี L-carnitine มีข้อมูลว่าการทาที่ผิวจะช่วยเพิ่ม b-oxidation ในการสลาย fatty acid และลด intracellular lipid content ในต่อมไขมัน ส่งผลให้ความมันที่ผิวเริ่มลดลงชัดเจน 2-3 สัปดาห์ และคุมความมันได้นาน 8 ชั่วโมง
✔️ Hypoallergenic Test ผ่านการทดสอบการแพ้, Non-comedogenic ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน

Disclaimer : Content Sponsored by Eucerin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

All About Acne : ตอบคำถามเรื่องสิวและการล้างหน้าด้วยอุปกรณ์ล้างหน้า

คลิปวิดิโอนี้รวบรวมคำถามที่คนเป็นสิวควรรู้ค่ะ ใครเป็นสิวลองดูนะคะ มีรายละเอียดตามนี้

  1. สิวเกิดจากอะไร
  2. สิวมีกี่แบบ ลักษณะแบบไหนเป็นสิวชนิดไหน
  3. ปัจจัยที่มีส่วนให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง
  4. ทานอาหารแบบไหนที่ทำให้สิวขึ้น
  5. สิววัยรุ่น vs สิววัยผู้ใหญ่
  6. กดสิว ฉีดสิว ทำเองได้ไหม
  7. คนเป็นสิว ควรใช้สกินแคร์อะไรบ้าง
  8. สิวแบบไหนที่ควรต้องไปหาหมอ
  9. Cleansing gadget มีประโยชน์หรือไม่
  10. ใครควรใช้/ไม่ควรใช้ Cleaning gadget
  11. คนผิวระคายเคืองง่ายเหมาะ LUNA3 สีไหน
  12. How to เลือก Cleansing gadget ให้เหมาะ

ทั้งหมดอยู่ในคลิปนี้ 12 นาที

Disclaimer : Video Production by Foreo Sweden

ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ เหล่านี้เราเรียกว่า Topical Antiperspirants

วันนี้ขอแชร์ตอนที่ 1 เกี่ยวกับ ไอเทมที่ช่วยในเรื่องการลดเหงื่อ
ส่วนตอนที่ 2 จะเล่าเรื่อง เหงื่อออกเยอะ สาเหตุ และการรักษาทุกวิธี ถ้าใครอยากรู้ก็มารอได้ค่ะ

กลไกก็คือ เวลาเราทาลงไปที่ผิว ก็จะเกิดการทำปฏิกิริยากับเหงื่อที่ขับออกมาจากท่อเหงื่อ เกิดเป็นก้อนโมเลกุลของเกลือชนิดหนึ่งแล้วก็ อุดที่บริเวณปลายท่อระบายเหงื่อส่วนตื้น ๆ ไว้

หลังจากนั้น พอร่างกายได้รับสัญญาณบอกว่าต่อมเหงื่อมีการอุดตัน ก็จะสั่งการให้ลดการสร้างเหงื่อให้น้อยลงตามมา

ส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็จะค่อย ๆ หลุดสลายไปประมาณ 6-8 ชั่วโมงหรือเมื่อมีการชำระล้างออก

จริง ๆ แล้ว เราแบ่ง Topical antiperspirants ออกเป็น 2 เกรด คือ

1. Over-the-counter grade ที่ขายตามร้านยาหรือเค้าเตอร์แบรนด์ต่าง ๆ กลุ่มนี้ความเข้มข้นจะน้อยกว่า ระคายเคืองน้อยกว่า แต่ราคาอาจสูงเนื่องจากหลายปัจจัยทั้งด้านการโฆษณาหรือบรรจุภัณฑ์


2. Prescription grade ซึ่งต้องสั่งด้วยแพทย์ กลุ่มนี้ความเข้มข้นสูง ผลข้างเคียงก็จะมากขึ้นตามมา แต่ประสิทธิภาพการรักษาก็จะชัดเจนกว่า สามารถใช้รักษาโรค hyperhidrosis ที่รุนแรงได้ผลกว่ากลุ่มแรก

ดังนั้น หากใครที่ใช้กลุ่ม 1 แล้วไม่ดีขึ้น ก็แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และพิจารณาเรื่องการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ร่วมด้วยค่ะ

เทคนิคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อนำมาฝาก

• เลือกซื้อให้ดีว่าเป็น antiperspirant (เพื่อลดเหงื่อและกลิ่นได้ด้วย) ไม่ใช่ deodorants (ลดกลิ่นแต่ไม่ช่วยลดเหงื่อ)

• วิธีการทาที่ได้ผล คือ ทาก่อนนอนดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่เหงื่อออกน้อย และในคนที่เหงื่อเยอะ อาจทาซ้ำตอนเช้าอีกรอบ

• ช่วงแรกอาจต้องใช้ทุกวัน สักระยะผ่านไปก็อาจสามารถลดความถี่ได้ เช่น 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ขึ้นกับความรุนแรงของแต่ละคน

• ทาลงบนผิวที่แห้ง เพื่อป้องกันการระคายเคือง และ ไม่จำเป็นต้องocclude ด้วยแผ่นฟิล์มอะไรเพิ่ม เพราะไม่ช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น

• แบบ lotion หรือ cream จะเห็นผลดีกว่า แบบ stick หรือ roll-on

• สำหรับคนที่เหงื่อออกที่หนังศีรษะเยอะจนไหลย้อยมาที่หน้า แนะนำรูปแบบครีมทา ที่บริเวณไรผม (hairline)

• กรณีเหงื่อออกที่เท้าเยอะ แนะนำเป็นรูปแบบแผ่นเช็ด wipe หรือแบบสเปรย์ โดยให้สเปรย์ที่หลังเท้าและง่ามนิ้ว

• กรณีรักแร้ งดทาหลังวันที่ถอนขนอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดการระคายเคือง

• ส่วนผสมที่ช่วยออกฤทธิ์ที่ใช้บ่อย ๆ


⭐️ Aluminium chloride hexahydrate 6.25-40%
แนะนำ 10-15% สำหรับรักแร้
และ 20-40% สำหรับมือและเท้า
ส่วนมาก OTC จะไม่ให้เกิน 12.5%
⭐️ Topical glycopyrrolate/glycopyronium 0.5-4%
⭐️ Aluminium zirconium trichlorohydrex
⭐️ Topical oxybutynin 3%

• ถ้าหากใครระคายเคืองเยอะ แนะนำดังนี้
▫️ ลดความเข้มข้น
▫️ ทาด้วยความถี่ห่าง ๆ
▫️ เลือกเบสเป็น salicylic gel base จะระคายเคืองน้อยกว่า aqueous alcohol
▫️ ทาทับด้วย moisturizer

เล่าประสบการณ์ส่วนตัว

⭐️ Kiehl’s Superbly Efficient Anti Perspirant & Deoderant cream ‼️
เป็น Aluminium chlorohydrate
ความจริงตัวนี้เคยรีวิวไปรอบหนึ่ง
เหตุผลที่ชอบตัวนี้เพราะ
เป็นเนื้อครีม ซึ่งได้ผลดีกว่ารูปแบบอื่นอย่างที่บอกไป
นอกจากลดเหงื่อและยังลดกลิ่นด้วย
มีผสมกรดผลไม้อ่อนๆ ผลัดเซลล์ผิวอ่อน ๆ ช่วยขาวใสเนียนเรียบ
มี witch hazel ช่วยชุ่มชื้นลดการระคายเคือง
ไม่มีกลิ่น ไม่ตีกับกลิ่นน้ำหอม

⭐️ Off Sweat – Antiperspirant wipe
ตัวนี้ลองใช้มาสักระยะ ต้องขอบคุณทางแบรนด์ที่ส่งมาให้เปิดประสบการณ์ค่ะ ตัวนี้เป็นแบบแผ่นเช็ด ตัวยา คือ Aluminium sesquichlorohydrate
มี chloroxylenol, Tea tree oil ช่วยลดกลิ่นกำจัดแบคทีเรีย แล้วก็มี lactic acid ผลัดเซลล์ผิว มีวิตามิน C, E ปรับสีผิวให้ขาวใส
เช็ดมือก็ได้ ช่วงไหนใส่คัชชูบ่อย ๆ ใช้เช็ดเท้าก็ดี

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
PR Gifted from Off SWEAT

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Plant-based Complex Anti-aging Skincare 🌳

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสเข้าร่วมงานอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกลุ่มที่ช่วยชะลอวัยและฟื้นฟูผิวที่ได้จาก Botanical Bud Negtar ก็เลยได้มีโอกาสกลับไปทบทวนและอัพเดทเพิ่มเติม และมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ Plant-based Complex Anti-aging Skincare และ เรื่องของ Bud Nectar ในโพสนี้ 5 ข้อสรุปสั้น ๆ ลองอ่านดูกัน…

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทางแบรนด์อีฟโรเช่ Yves Rocher ที่เชิญร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Yves Rocher Anti-age Global Super Serum ในครั้งนี้ค่ะ

1.🌿 ปัจจุบันมีเทรนของคอสเมติกส์กลุ่มฟื้นฟูผิว ที่ทำมาจาก Plant-based complex มากขึ้น อันที่จริงแล้วข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับ Plant stem cells มีมานานพอสมควร ข้อมูลส่วนใหญ่ไม่ใช้สเต็มเซลล์ที่มีชีวิตใส่ลงในเครื่องสำอางโดยตรง เพราะจะไม่สามารถแบ่งตัวและมีชีวิตได้ ที่สำคัญอาจปนเปื้อนได้ แต่มักจะใช้การเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ที่ได้จากพืชในหลอดทดลอง แล้วนำสารสกัดที่ได้มาผสมในเครื่องสำอางอีกที ซึ่งก็พบว่าได้ผลเช่นกัน

🌟 กลุ่ม Plants ที่มีข้อมูลในเรื่องผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ยกตัวอย่างเช่น

🛑 Mirabilis jalapa
🛑 Indian gooseberry fruit (Phyllanthus emblica)
🛑 Grapes (Vitis vinifera)
🛑 Lilacs (Syringa vulgaris)
🛑 Swiss apples (Uttwiler spatlauber)

และอื่น ๆ อีกมากมาย

2.🌿 กลไลที่เคลมว่า Plant-based Complex ส่งผลด้าน Anti-aging effect ต่อผิวหนัง นั้นเป็นเพราะมีองค์ประกอบของ Anti-oxidants และ Anti-inflammatory compounds อยู่มาก จึงทำให้มีฤทธิ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ขึ้นกับชนิดของ Plants

ได้แก่

  • Photoprotective effects

ช่วยปกป้องและลดการทำร้ายผิวจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี พูดง่าย ๆ ว่าเป็น Antioxidative properties อย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันการทำลายคอลลาเจนจากสารอนุมูลอิสระ

  • Anti-inflammatory effects

ช่วยลดการอักเสบของผิวหลังจากมีปัจจัยต่าง ๆ มากระตุ้นการอักเสบผิว

  • Anti-Elastase, MMP and Hyaluronidase Properties

ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มาทำลายโครงสร้างผิว เช่น อิลาสติน คอลลาเจน ไฮยารูรอน

  • Anti-wrinkle effects

ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ต่าง ๆ (Improved cell renewal) เช่น ไฟโบรบลาสต์ จึงส่งเสริมการสร้าง collagen, elastin, hyaluronic acid มากขึ้น

🌟 ดังนั้น โดยรวมจึงส่งผลให้ผิวแลดูมีสุขภาพดี เรียบเนียน และริ้วรอยเล็ก ๆ ดูลดลง

3.🌿 Botanical Bud Nectar คือ ส่วนของน้ำหวานเข้มข้นที่ได้จากหน่อยอดอ่อนของดอก Syringa (ซิริงกา) หรือ Lilac (ไลแลค) [ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syringa vulgaris เป็นพืชดอกที่อยู่ในตระกูลมะกอก (Oleaceae) มีต้นไม้ร่วมตระกูลคือ มะลิ]

🌟 ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้มีการแตกหน่อใหม่ได้อย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้น ดอกไวท์ไลแลค จึงสามารถเจริญเติบโตแม้ในสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด เพราะสามารถกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ด้วยตัวเองได้เรื่อย ๆ ตลอดเวลา

🌟 จึงเป็นที่มาของการนำสารสกัด Bud Nectar มาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่ใช้บำรุงผิว เพื่อหวังผลในแง่ Anti aging effect ‼️

4.🌿 วิธีการสกัดเอา Bud Nectar ออกมาเพื่อผสมในสกินแคร์ เรียกว่า Gemmotherapy (เจมโมเทอราปี) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (นวัตกรรมเฉพาะของอีฟ โรเช่) โดยมีขั้นตอน ดังนี้

• สกัดเซลล์ตัวอย่างจากหน่อยอดอ่อนของดอกไวท์ไลแลคเพียงครั้งเดียว

• คัดเลือกเซลล์ที่สมบูรณ์

• กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ (ในหลอดทดลอง) จากเซลล์ที่คัดเลือกมา

🌟 สุดท้ายแล้วจะได้เป็นสิ่งที่เรียกว่า Botanical Bud Nectar เพื่อนำไปผสมในสกินแคร์

🌟 ยกตัวอย่างสกินแคร์กลุ่มฟื้นฟูผิวที่มี Bud Nectar ที่ได้มาตรฐาน เช่น Yves Rocher Anti-age Global Super Serum ซึ่งตัวนี้จะมีส่วนผสมของ Oil Booster (Jojoba oil, Grapeseed oil และ Squalene) ซึ่งมีการทดลองพบว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซึมของ Bud Nectar และกระจายสู่ผิวชั้นลึกได้ดียิ่งขึ้น

5.🌿 เรื่องของ Natural Oils เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งมีหลายหลายชนิดและก็มีคุณสมบัติต่างกันออกไป ยกตัวอย่างที่นิยมผสมในสกินแคร์ เช่น

  • Grape Seed Oil เป็นตัวที่มีไขมันดี Linoleic acid มากที่สุดในบรรดา Natural Oils ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมกำแพงผิว ลดการอักเสบ และยังมี Vitamin E, Phenolic compound ซึ่งช่วยเรื่อง Antioxidation ได้อย่างดี และยังมีข้อมูลว่าช่วยลดการระคายเคืองจาก sodium lauryl sulfate ได้อีกด้วย
  • Jojoba Oil เป็นตัวที่คล้ายคลึงกับน้ำมันผิวตามธรรมชาติมากที่สุด นอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ซ่อมแซมกำแพงผิวแล้ว ยังจัดเป็น Potent antioxidants ที่ช่วยเรื่องฟื้นฟูผิวได้ดีมาก อีกทั้งยังมีข้อมูลในการนำมาผสมในสกินแคร์เพื่อเพิ่มการดูดซึมให้ดียิ่งขึ้นได้

🌟 ดังนั้น จึงมักเห็นออยล์ที่ยกตัวอย่างข้างต้น ถูกนำมาผสมในสกินแคร์กลุ่มที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิว เพราะนอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว ยังมีขนาดโมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดี ไม่ทิ้งความมันที่ผิว ไม่ค่อยเกิดการอุดตันรูขุมขน

🪴🪴🪴 ปัจจุบันแนวโน้มของการใช้สกินแคร์กลุ่มฟื้นฟูผิว เพื่อการบำรุงผิวมีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Plant Stem cell-based เพราะมีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของ Anti-oxidant และ Photoprotection ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยชะลอให้ความเสื่อมของผิวเราเกิดขึ้นได้ช้าลง เพื่อผลลัพธ์ในเรื่องของความอ่อนเยาว์อย่างที่หลาย ๆ คนต้องการ

🪴🪴🪴 อย่างไรก็ตาม การใช้สกินแคร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลผิว เพื่อให้ผิวของเรามีสุขภาพดีและน่ามอง ซึ่งคงต้องทำควบคู่ไปกับวิธีการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่ การปกป้องผิวจากแสงแดดร่วมด้วยอย่างถูกวิธี ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า

🪴🪴🪴 แล้วคุณล่ะ .. เริ่มดูแลผิวอย่างถูกวิธีแล้วหรือยัง ไว้ตอนหน้าจะมาเล่าเรื่อง Natural Oils ในสกินแคร์เพิ่มเติมอีก ใครอยากรู้ต้องรอติดตาม ☺️

References:

3 Biotech. 2020 Jul; 10(7): 291.

Am J Clin Dermatol. 2018; 19: 103–117.

Int. J. Mol. Sci. 2018 ;19: 70.

Curr Pharm Biotechnol. 2017; 18(11): 864-876.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

Product Mentioned

🌟Yves Rocher Anti-age Global Super Serum🌟

🌳 มีส่วนผสมหลัก คือ สารสกัด Botanical Bud Nectar ซึ่งผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง

มีการทดลองหลังการทา พบว่า

🌳 ค่าการอักเสบที่ผิวชั้นหนังกำพร้า (IL6,8) หลังได้รับรังสี UV ลดลงมากกว่าในผิวที่ทา เมื่อเทียบกับผิวที่ไม่ทา

▫️ พบมี Fibroblast renewal เพิ่มขึ้น 20% หลังการทา 72 ชั่วโมง

▫️ พบว่าการสร้างเมลานิน ลดลง 56%

🌳 เทคโนโลยีเฉพาะที่เรียกว่า N.A.T.( Natural Assimilation Technologies) มีการทดลองพบว่า ช่วยให้ Botanical Bud Nectar สามารถแทรกซึมลงสู่ผิวชั้น Epidermis และ Dermis ได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับ Placebo Formula อื่น

🌳 เนื้อเซรั่มเป็น Biphasic formula คือ

ส่วนน้ำ [Botanical Bud Nectar] +

ส่วนน้ำมัน [Oil Booster] ซึ่งมีการทดลองพบว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซึมและกระจายสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น

🌳 ส่วน Oil Booster ประกอบด้วย Jojoba oil, Grapeseed oil และ Squalene ซึ่งคล้ายคลึงกับน้ำมันธรรมชาติในผิว เป็นออยล์โมเลกุลเล็ก ซึมเร็ว ไม่ทิ้งความมัน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

🌳 เป็นสกินแคร์กลุ่ม anti-aging ที่สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว

Sponsored Content by Yves Rocher

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

เช็คลิสต์สกินแคร์สำหรับคนผิวมันรูขุมขนกว้าง ‼️

จากบทความตอนที่แล้ว ทำให้ทราบว่ารูขุมขนกว้างนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
• มีการผลิตน้ำมันผิวมากขึ้น
• ขนเส้นใหญ่และหนา
• โครงสร้างผิวเสื่อมและหย่อนคล้อย
• พันธุกรรมและฮอร์โมน
• แสงแดด
• การเป็นสิวอุดตันบ่อย ๆ

สามารถอ่านทบทวนได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ

คราวนี้มาคุยกันต่อเฉพาะในกรณีของคนที่รูขุมขนกว้างและหน้ามัน ว่าควรเลือกสกินแคร์และดูแลผิวอย่างไรบ้างเพื่อให้ผิวดูเนียนขึ้น ?

1. การเลือก Sunscreen
แสงแดดทำให้โครงสร้างของผิวเสื่อมลงและความยืดหยุ่นลดลง เป็นเหตุให้โครงสร้างผิวที่คอยพยุงรอบรูขุมขนเกิดการหย่อนคล้อย ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นตามมา ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องเผชิญกับแสงแดดในทุกวัน
🌟 ดังนั้น ครีมกันแดดจึงเป็นไอเทมที่ควรมี และแนะนำให้ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ โดย AAD แนะนำอย่างน้อย SPF 30, PA+++ ขึ้นไป

2. สกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว AHA
มีข้อมูลพบว่า ช่วยทำให้รูขุมขนดูเล็กลงได้ในคนที่ผิวมัน (Oily skin) โดยมีคุณสมบัติ คือ
✔️ เสริมการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอุดตันในของรูขุมขน ช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น และลดการเกิดสิวอุดตันตามมา
✔️ ผิวเนียนเรียบ ดูโกลว์ขึ้น
✔️ เพิ่มการอุ้มน้ำที่ผิวหนังกำพร้า ช่วยเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้น
✔️ ในระยะยาวช่วยเสริมการปรับโครงสร้างผิวในชั้นหนังแท้ ช่วยให้แข็งแรงและริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง อายุผิวดูลดลง
🌟 AHA ที่ได้จากกรดผลไม้ มีความอ่อนโยน เช่น
• Glycolic acid โมเลกุลเล็กสุด ได้ผลค่อนข้างดี จึงนิยมใช้ผสมในสกินแคร์มากที่สุด
• Lactic acid โครงสร้างและโมเลกุลใกล้เคียงกับ Glycolic acid จึงเป็นคู่แข่งที่สำคัญ
• Mandelic, Tartaric, Malic ค่อนข้างอ่อน จึงนิยมใช้เพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่าผลัดเซลล์ผิว
🌟 ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมข้างต้นมากมายในท้องตลาด แนะนำให้เลือกดูผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี
🌟 ควรระวังการระคายเคืองในคนผิวแห้ง (Dry skin), ผิวที่ระคายเคืองง่าย (Sensitive skin) และคนใช้ยารักษาสิวอยู่ด้วย เช่น Retinoid cream, Benzyl peroxide โดยแนะนำให้เลือกสกินแคร์ที่อ่อนโยนกับผิว และไม่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน เพื่อลดการเกิดปัญหาสิวตามมา
🌟 ยกตัวอย่างสกินแคร์กลุ่มนี้ เช่น Eucerin Poreless Solution Pore Minimizer Serum มีส่วนผสมของ Glycolic acid + Lactic acid ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ และผสม Glycerin, Sodium hyaluronate ช่วยลดการระคายเคืองได้ จึงเหมาะกับผิวบอบบาง ผิวเป็นสิวง่าย ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างร่วมด้วย

3. การเลือก Vitamin A derivatives
ในกรณีที่ผิวมันและมีสิวด้วย อาจเพิ่มสกินแคร์ในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอร่วมด้วยได้ เช่น retinol, retinyl palmitate โดยแนะนำทาช่วงก่อนนอน และระมัดระวังการใช้เพราะอาจระคายเคืองได้
🌟 ไม่แนะนำให้ใช้ในคนท้องหรือให้นมบุตร
🌟 หากเป็นกลุ่ม Prescribed medication แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางร่วมด้วย

4. การเลือก Moisturizer
ถ้าหากรูขุมขนมีสิ่งที่ก่อให้อุดตัน จะทำให้รูขุมขนยิ่งดูใหญ่และสังเกตเห็นได้ชัดขึ้น
🌟 ดังนั้น แนะนำเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นกลุ่ม non-comedogenic, oil free skincare โดยอาจเลือกเป็นพวก Humectant ก็จะเหมาะกับคนผิวมันมากกว่าพวก Oil-based product

5. การเลือก Cleanser
ควรล้างหน้าให้สะอาด จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และยังช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย
🌟 แนะนำ Gel-based cleanser จะเหมาะกว่า Oil-based หรือ Alcohol-based cleanser
🌟 ตอนเช้าอาจใช้เป็น Gentle, non-comedogenic cleanser
🌟 ตอนเย็นอาจใช้เป็น Salicylic cleanser
🌟 แนะนำใช้น้ำสะอาดที่อุณหภูมิปกติหรืออุ่นเล็กน้อย ไม่แนะนำให้ใช้น้ำร้อนล้างหน้า เพราะอาจจะระคายเคืองผิวและทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้นได้
🌟 แนะนำล้างหน้าเบา ๆ วนตามรูขุมขนด้วยความนุ่มนวลจะดีที่สุดค่ะ

❌❌ ไม่แนะนำให้สครับผิว
การสครับผิวหน้า การบีบหรือแกะสิว อาจก่อการระคายเคืองและเกิดการอักเสบตามมา หากผิวหนังเกิดการอักเสบก็จะยิ่งทำให้รูขุมขนยิ่งดูชัดขึ้น

หากใครที่มีผิวมัน มีสิว และรู้สึกว่าตัวเองรูขุมขนกว้าง อยากให้ลองปรับการดูแลผิว & ปรับสกินแคร์ดูแลผิวตามวิธีข้างต้น และถ้าคิดว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือยังไม่ดีขึ้น ก็แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อพิจารณาการรักษาด้วยเครื่องมือหรือเทคโนโลยีวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติมค่ะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

References
J Cosmet Dermatol. 2019;1–7.
Cutis. 2016 Jul;98(1):33-6.
J Clin Aesthet Dermatol. 2017;10(2):45-51.
Dermatol Surg 2016;42:277–285.
Skin Res Technol. 2013 Feb;19(1):e45-53.
American Academy of Dermatology

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

Product mentioned
🌟 Eucerin Poreless Solution Pore Minimizer Serum
✔️ นวัตกรรม 2X action มี Lactic acid + Glycolic acd ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน รูขุมขนแลดูกระชับ พร้อมลดการเกิดสิวอุดตัน
✔️ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ปรับสมดุลให้ผิวเรียบเนียน
✔️ ผ่านการทดสอบในอาสาสมัครชาวไทย 93% ของผู้ใช้พบว่ารูขุมขนดูดีขึ้น ใน 4 สัปดาห์
✔️ เหมาะสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย
✔️ Non-comedogenic tested ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เนื้อบางเบา ซึมไว

Disclaimer: Sponsored content by Eucerin
บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

เลือกครีมกันแดดไปทะเลอย่างไรให้ปัง ‼️

อันดับแรก อยากให้ทุกคนกลับไปทบทวนความสำคัญของการทาครีมกันแดดในโพสนี้ค่ะ

https://helloskinclinic.wordpress.com/2020/01/21/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%9c%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%88%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b9%89/

เราทราบดีว่า..ไปทะเลจะต้องเผชิญกับแสงแดดอันร้อนแรง, อาจมีกิจกรรมต้องลงเล่นน้ำ หรืออาจต้องใส่บิกินีอวดหุ่นสวย ดังนั้น ครีมกันแดดที่แนะนำสำหรับพกไปเที่ยวซัมเมอร์นี้จึงต้องเน้นพิเศษใน 3 เรื่องนี้


✅ ปกป้องผิวจากรังสี UVA & UVB ได้ดีเยี่ยม
✅ กันน้ำได้ อาจเลือกเป็น water resistant หรือ very water resistant ก็ได้
✅ แนะนำให้มีผสม antioxidant เพื่อช่วยลดการทำร้ายผิวจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด

โพสนี้จะมาสอน วิธีการเลือกครีมกันแดดโดยดูจากค่าการปกป้องผิวจากแสงแดด โดยการดูสัญลักษณ์หรือตัวเลขต่าง ๆ ที่ระบุไว้ข้างขวด ดังนี้ค่ะ

1. รังสี UVA สามารถลงลึกถึงชั้นหนังแท้ หรืออาจลึกกว่านั้นในกรณีของ UVA1
ส่งผลให้เกิด aging ผิวชรา หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้เกิดความหมองคล้ำ ฝ้ากระเข้มขึ้น ทำลาย DNA ทำให้เกิดรอยโรคที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

☀️☀️☀️หากเราต้องการดูว่า ครีมกันแดดมีระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVA มากน้อยแค่ไหน อาจดูได้จาก UVAPF (UVA Protection Factor) ดังนี้

📍📍 ดูค่า PA (Protection Grade of UVA)

แบ่งเป็น PA +,++,+++,++++ หมายถึง ประสิทธิภาพในการป้องกัน UVA ที่มากขึ้นตามลำดับ ค่า PA ที่แนะนำ คือ +++ (สามบวก) ขึ้นไป

📍📍 ดูค่า PPD (Persistent Pigment Darkening)

เมื่อเทียบกับ PA แล้วจะได้ดังนี้
PPD 2-4 เท่ากับ PA+ แนะนำสำหรับกิจกรรมในบ้านที่ไม่ถูกแดด
PPD 4-8 เท่ากับ PA++ แนะนำสำหรับสาวออฟฟิศ ทำงานในร่ม
PPD 8-16 เท่ากับ PA+++ แนะนำสำหรับกิจกรรมที่ต้องออกแดด ไปซื้อของ หรือไปเที่ยว
PPD >16 เท่ากับ PA++++ แนะนำกิจกรรมกลางแจ้ง เล่นกีฬา ลงน้ำ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าครีมกันแดดที่มี PA++++ เมื่อเราอยากรู้ว่าตัวไหนปกป้องได้ดีกว่ากัน อาจลองมาดูที่ PPD ว่าเป็นเท่าไหร่ ก็จะพอบอกได้ค่ะ
ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี PPD สูง ๆ ในท้องตลาด ก็อย่างเช่น LPS Anthelios Invisible Fluid ซึ่งมี PPD 46 เลยทีเดียว

📍📍 ดูสัญลักษณ์ UVA ที่มีวงกลมล้อมรอบ

แสดงว่า มีค่าป้องกัน UVA ห่างจาก SPF ไม่เกิน 3 เท่า กล่าวคือ UVAPF/SPF > 1/3

📍📍 ดูค่า Critical Wavelength

ถ้าหากครีมกันแดดระบุไว้ตั้งแต่ 370 nm ขึ้นไป ร่วมกับมีสัญลักษณ์ UVA ที่มีวงกลมล้อมรอบ แสดงว่า เป็น Broad Spectrum Protection

📍📍 ดูรูปดาว Boot Star Rating

ยิ่งหลายดาวก็ยิ่งปกป้องได้ดีกว่า

📍📍 ดูชื่อของ UV filters

จะพอบอกได้คร่าว ๆ ว่ามีตัวที่ปกป้องรังสีอะไรได้บ้าง (ตามตาราง)

2. รังสี UVB สามารถลงลึกถึงชั้นหนังกำพร้า
ส่งผลให้เกิดการไหม้ของผิว และในระยะยาวอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

☀️☀️☀️หากเราต้องการดูว่า ครีมกันแดดมีระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVB มากน้อยแค่ไหน ดูได้ดังนี้

✔️ ดูค่า SPF (Sun Protection Factor)

ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กัน ค่านี้บอกถึงความยาวนานของการป้องกันผิวไหม้แดง ถ้าหากยิ่งค่าสูง จะยิ่งป้องกันผิวได้นานขึ้นก่อนจะเกิดผิวไหม้ ซึ่งมาตรฐานของครีมกันแดดที่ใช้
SPF 10-15 เหมาะกับกิจกรรมในร่ม ไม่ถูกแดดเลย
SPF >15 เหมาะกับกิจกรรมที่อาจต้องมีถูกแดดบ้าง
SPF >30 เหมาะกับกิจวัตรประจำวันตามปกติ
SPF >50 เหมาะกับคนไปทะเลหรือที่ต้องออกแดดจัด
ส่วน SPF ที่มากกว่า 50 ขึ้นไปเรื่อย ๆ อาจเพิ่มประสิทธิภาพได้ไม่มากนัก (ดูกราฟ) ก็ลองพิจารณาตามความเหมาะสมและกำลังทรัพย์แต่ละคน

3. การดูความสามารถในการกันน้ำ (Water Resistant Testing)
ให้เลือกที่ระบุว่า
✔️ Water Resistant หรือ
✔️ Very Water Resistant ก็ได้

4. มองหาส่วนผสมที่เป็น antioxidant เพิ่มเติม เช่น Vitamin E, Vitamin C, Phenolic compounds, Flavonoid compounds, Caroteinoids เป็นต้น

นอกจาก 4 ข้อหลัก ๆ ข้างต้นแล้ว ต้องอย่าลืมว่ายังมีปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ อีกก็คือ

• การทาครีมกันแดดใน ปริมาณที่เหมาะสม คือ 2 mg/cm2 เพื่อให้ได้ค่าการปกป้องแสงแดดตามที่ระบุไว้
✔️ ชนิดครีม : 2 ข้อนิ้วมือ หรือ 1 เหรียญสิบ (ทั่วหน้า)
✔️ ชนิดฟลูอิด : 2 เหรียญสิบ (ทั่วหน้า)
✔️ หากทาทั้งตัวใช้ประมาณ 30-45 g หรือ ml

• การทาซ้ำระหว่างวัน
✔️ Indoor activities : อาจไม่จำเป็นต้องทาซ้ำ
✔️ Outdoor activities : ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือ หากมีเหงื่อเยอะ มีการถูเสียดสี อาจทาซ้ำบ่อยขึ้น
✔️ เล่นกีฬาหรือกิจกรรมที่ต้องลงน้ำ : ทาซ้ำทุก 30 นาที

• การทาในบริเวณที่มักลืม ได้แก่
✔️ ใบหู, หลัง, เท้า

• กรณีสวมหน้ากาก ในยุคโควิด
✔️ พบว่าหน้ากากช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น ผิวในบริเวณที่อยู่ใต้หน้ากาก ถ้าหากต้องการการปกป้องเต็มที่ก็อาจต้องทาครีมกันแดดร่วมด้วย แต่หากมีปัญหาผื่นผิวหนังอักเสบร่วมด้วยอาจจะไม่ทาครีมกันแดดก็ได้ แต่ควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยค่ะ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าในสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์กันแดด และสามารถเลือกครีมกันแดดได้เก่งขึ้นด้วยตัวเองนะคะ

References

J Cutan Med Surg. 2019 JulAug; 23(4): 357-369.
Cosmetics 2019, 6(4); 64.
J Am Acad Dermatol. 2017 Mar; 76(3S1): S100-S109.
J Am Acad Dermatol. 2013 Dec; 69(6): 867.e1-14
Photodermatol Photoimmunol Photomed. 2015 Mar; 31(2): 65-74.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
🌟 LPS Anthelios Invisible Fluid 🌟
PA++++, PPD46, SPF50+
มี antioxidant คือ Tocopherol (Vitamin E)
NETLOCK Technology ผ่านการทดสอบหลายด้าน ได้แก่ ไม่มีคราบขาว ติดทนแม้เข้าห้องซาวน่านาน 2 ชั่วโมง
เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่เหนียว ซึมไว
Water resistant ทนน้ำ ทนเหงื่อ ทนทราย

Disclaimer: Sponsored by Laroche Posay

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

เคยสงสัยไหมว่า..ทำไมทาครีมอะไรก็แสบหน้าไปหมด ‼️

คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่มีผิวบอบบางและไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบข้างก็เป็นได้ ลองอ่านโพสนี้ดูนะคะ

ลองมาดูว่า ผิวของเราเป็นผิวชนิด Sensitive skin หรือไม่ ⁉️

1. Sensitive skin คือ ผิวที่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวได้มากกว่าผิวปกติ ไม่ว่าจะเป็น สกินแคร์บางอย่าง, การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ, ฝุ่น PM2.5, รังสียูวี หรือแม้แต่ความเครียด
🌟 ดังนั้น คนกลุ่มนี้อาจมีการระคายเคือง รู้สึกไม่สบายผิว หน้าแห้ง แดง คันยุบยิบ หรือลอกได้ เวลาที่มีปัจจัยกระตุ้นที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งความรุนแรงของอาการก็แล้วแต่บุคคล

2. พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีผิวที่ sensitive มากขึ้น ได้แก่
🌟 กลุ่มคนที่เป็นโรคผิวหนัง เช่น เซบเดิร์ม, ผิวหนังอักเสบ, โรคภูมิแพ้ผิวหนัง, โรเซเชีย
🌟 คนที่ทายาสเตอรอยด์ต่อเนื่องนาน ๆ
🌟 ผิวหลังทำเลเซอร์
🌟 คนที่ใช้ยาบางชนิด เช่น topical retinoids, benzoyl peroxide
จะเห็นได้จากตัวอย่าง คนที่ต้องทายาสิว บางคนก็จะมีอาการแสบแห้งแดงลอกและระคายเคืองได้ง่าย ซึ่งคนเหล่านี้ก็ต้องดูแลผิวเพิ่มเติมให้ดี

3. หากเรารู้ว่า เกิดปัญหาอะไรขึ้นในผิวของคนที่เป็น sensitive skin เราก็จะแก้ไขได้ตรงจุด ซึ่งหลัก ๆ จะมี 3 อย่างด้วยกัน คือ

📍📍พบว่ากำแพงผิว (Skin barrier) ของกลุ่มคน sensitive skin จะไม่แข็งแรงเท่าผิวคนทั่วไป จึงทำให้พวกสารและมลภาวะต่าง ๆ สามารถซึมผ่านผิวลงไปได้ง่าย และก่อให้เกิดการระคายเคืองตามมา นอกจากนี้ยังพบว่า ที่ผิวมีการลดลงของสารเพิ่มความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (NMFs), fatty acids, hyaluronic acid, dexpenthenol
🌟 ดังนั้น คนที่มีผิว sensitive อาจพิจารณาเลือก Moisturizer ที่มีส่วนผสมเน้นบำรุงกำแพงผิวให้แข็งแรง เช่น hyaluronic acid, fatty acid, dexpenthenol เป็นต้น และที่สำคัญควรเลือกที่ไม่ก่อการระคายเคือง ควรเลี่ยงน้ำหอม, สารกันเสีย, แอลกอฮอล์

📍📍พบว่าคนกลุ่ม sensitive skin จะมีเส้นประสาทรับความรู้สึก & ตัวรับความร้อน มีความไวมากขึ้น จึงถูกกระตุ้นได้ง่ายกว่าคนทั่วไป และโดยเฉพาะความร้อนหรือฝุ่นมลภาวะ จะยิ่งทำให้มีอาการไม่สบายผิว และแสบร้อนผิวได้มากขึ้น
🌟 ดังนั้น ถ้าหากใครมีอาการเช่นนี้ ก็อาจจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว (Calming or soothing ingrediant) เช่น Symsitive จะสามารถช่วยบรรเทาอาการคัน แสบร้อนได้

📍📍 พบว่าคนที่มีผิว sensitive skin มักหน้าแดงได้ง่าย ทั้งนี้เพราะเกิดจากการกระตุ้นกระบวนการอักเสบที่ผิว ทำให้เกิดการขยายของหลอดเลือดตามมา จึงเห็นว่าผิวหน้าแดงขึ้น
🌟 ดังนั้น ถ้าหากมีการอักเสบของผิวเกิดขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษา อาจใช้ยาทากลุ่มสเตอรอยด์หรือ topical calcineurin inhibitor หรือ เดอโมคอสเมติกส์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบผิว แทนการใช้ยาก็ช่วยได้เช่นกัน เช่น licochalcone A เป็นต้น

4. เทคนิคการดูแลผิวในคนที่มี sensitive skin ที่อยากแนะนำมีดังนี้ค่ะ

✔️ ล้างหน้าให้สะอาดเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้หมด จะช่วยลดการระคายเคืองจากการตกค้างได้ โดยควรเลือก ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ที่อ่อนโยน ล้างสะอาด มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิว ไม่ก่อการระคายเคือง
✔️ โทนเนอร์หรือพรีเซรั่ม เป็นตัวเลือกเสริม อาจใช้ก็ได้ (หรือบางคนอาจข้ามขั้นตอนนี้ไป) แนะนำให้เลือกที่อ่อนโยน ไม่ผสมแอลกอฮอล์หรือสารที่อาจก่อการระคายเคือง
✔️ มอยเจอไรเซอร์ ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงกำแพงผิว, ลดการอักเสบ, ปลอบประโลมลดความไวของตัวรับเส้นประสาทที่ผิว ถ้าหากมีครบทั้ง 3 อย่างก็มีแนวโน้มได้ผลดีกว่า ซึ่งปัจจุบันมีหลายแบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น UltraSENSITIVE Repair Cream ก็มีคุณสมบัติครบทั้งสามกลไก
✔️ ผลิตภัณฑ์กันแดด แนะนำเป็น Physical sunscreen จะก่อการระคายเคืองน้อยกว่ากลุ่ม Chemical sunscreen และหากกันแดดให้ดี ก็จะช่วยลดอาการแสบร้อนหรือไม่สบายผิวได้ด้วย

5. นอกจากการดูแลผิวข้างต้นอย่างถูกวิธีแล้ว อย่าลืมมองหาเสมอว่า คุณมีโรคผิวหนังที่ทำให้ผิวระคายเคืองง่ายขึ้นกว่าคนทั่วไปหรือไม่ หรือมีปัจจัยอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นอยู่หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ต้องรักษาควบคู่กันไปกับการดูแลผิวอย่างถูกวิธีค่ะ

🎏🎏🎏 การดูแล Skin barrier ให้แข็งแรง เป็นปราการด่านสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเปรียบเสมือนเกราะปกป้องผิวจากมลภาวะ สารพิษต่าง ๆ ที่จะมาทำร้ายผิวเรา ใครที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แล้วหมอเชื่อว่า หากพื้นฐานผิวแข็งแรงขึ้น อาการแสบ แห้ง ลอก แดง คัน ไม่สบายผิว จะค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ ลองนำไปปฏิบัติใช้กันดูนะคะ

References
J Drugs Dermatol. 2019;18(1 Suppl):s68-74.
Int J Cosmet Sci. 2013 Feb;35(1):2-8.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
🛒🛒 Eucerin Ultra SENSITIVE Repair cream
สกินแคร์นวัตกรรม Barrier repair innovation ครบสามกลไก
เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวหนังอักเสบเซบเดิร์ม ผิวหลังทำเลเซอร์
▫️มี Licochalcone A ช่วย anti inflammation มีการทดลองพบว่า ช่วยลดรอยแดงจากการอักเสบผิว, หลังเลเซอร์ได้ดีประมาณ 3-7 วัน
▫️มี Symsitive ฤทธิ์ Calming effect โดยไปยับยั้งที่ nerve system มีงานวิจัยว่าช่วยลดอาการคัน ระคาย ยุบยิบ แสบร้อนได้ใน 2 นาที
▫️มี Dexpenthenol ช่วยเสริมสร้างกำแพงผิวให้แข็งแรง
▫️No steroid, alcohol, paraben, fragrance, silicone, colorants
🛒🛒 UltraSENSITIVE Hyaluron Cleansing Gel
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
▫️มี hyaluronic acid เพิ่มความชุ่มชื้น
▫️มี APG Complex สารทำความสะอาดที่อ่อนโยน สลายน้ำมัน สิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้ดี
▫️ปราศจากสบู่ พาราเบน
🛒🛒 UltraSENSITIVE Hyaluron Toner
ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ เพิ่มความชุ่มชื้นผิวก่อนลงสกินแคร์ สามารถใช้แบบน้ำตบ หรือใช้เทใส่สำลีเช็ดเบา ๆ หลังล้างหน้าก็ได้

Disclaimer: Sponsored by Eucerin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

UV & Skin Photoaging🌤👴🏻

วันนี้เรามาทำความรู้จักกันว่า Photoaging คืออะไร ‼️

1️⃣👵🏻 ความชราของผิว หรือที่เรียกว่า Skin Aging เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของพันธุกรรม, ไลฟสไตล์การใช้ชีวิต, อาหารการกิน, มลภาวะทางอากาศ สูบบุหรี่ รวมทั้งการดูแลผิว และที่สำคัญคือ รังสียูวี ที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
☀️ ดังนั้น ถ้าหากเราสามารถปรับที่ปัจจัยเหล่านี้ได้ แนวโน้มก็อาจทำให้ผิวเราดูเด็กกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เช่น ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกาย บำรุงผิวอย่างถูกวิธี และที่สำคัญคือ ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ จะช่วยได้มากเลยค่ะ

2️⃣👵🏻 เมื่อดูจากกราฟในรูปแรกจะเห็นได้ชัดเจนว่า
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น ความหนาของชั้นผิว ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นผิว ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ
☀️ ยิ่งอายุมากขึ้น ระบบอิมมูน และ ระบบการซ่อมแซมผิว ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
ดังนั้น เราควรดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ผิวจะค่อยเสื่อมไปตามกาลเวลามากขึ้น และที่สำคัญควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้กราฟในรูปลดลงเร็วกว่าเดิม

3️⃣👵🏻 ผิวที่เสื่อมจากการถูกแสงยูวีประจำเป็นระยะเวลานาน เราเรียกว่า Photoaging ผลคือ เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ เม็ดสีผิวผิดปกติ เกิดฝ้า กระ รวมทั้งมะเร็งผิวหนังที่อาจเกิดตามมาได้
☀️ ดังนั้น การปกป้องผิวจากแสงแดด และ การทาครีมกันแดดเป็นประจำอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าหากใครที่อยากชะลอการเกิด photoaging ให้ช้าลง

4️⃣👵🏻 ROS ที่ผิวจะเพิ่มขึ้นมากเมื่อผิวถูกแสงยูวี และจะส่งผลให้เกิด oxidative stress ผลต่อผิวหนังตามมา มีดังนี้
☀️ ผิวหนังอักเสบแดง จากการกระตุ้น PGE2 Synthesis
☀️ กำแพงผิวเสีย (Skin barrier dysfunction) บางคนอาจมีการกำเริบของโรคผิวหนัง เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
☀️ มีการหลั่งน้ำมันผิวเพิ่มขึ้น กระตุ้นการอักเสบและอาจเกิดสิวตามมาได้
☀️ กระตุ้นเม็ดสีผิว เกิดรอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำตามมาได้

5️⃣👵🏻 UVA (320-400nm) ส่งผลกระตุ้นให้มีการสร้าง ROS มากขึ้นที่ผิวชั้น dermis ส่วน UVB (290-320nm) ไม่สามารถลงสู่ผิวชั้นลึกได้ แต่สามารถกระตุ้น epidermal cytokine ในผิวชั้นตื้น ทั้งสองกลไกทำให้เกิดการทำลายDNA ของเซลล์ทั้งคู่
☀️ ดังนั้น การปกป้องผิวที่ดีจึงแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีสารกันแดดได้ทั้ง UVA และ UVB จะดีกว่าสารที่กันได้อย่างใดอย่างหนึ่ง

7️⃣👵🏻 ในเรื่องของ Physical หรือ Chemical sunscreen อาจเลือกตามลักษณะกิจกรรมและสภาพผิว
☀️ Physical sunscreen สำหรับกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน
☀️ Chemical sunscreen สำหรับกิจกรรมทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือกิจกรรมที่ต้องลงน้ำ สัมผัสทราย เล่นกีฬามีการเสียดสีเหงื่อเยอะ หรือต้องการประสิทธิภาพกันน้ำก็อาจใช้เป็น water-resistant หรือ very water-resistant
ดังนั้น อาจต้องลองเลือกที่เหมาะสม ตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล

8️⃣👵🏻 UV กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาในผิว ส่งผลให้มีการสร้างสารอนุมูลอิสระ Reactive oxygen species (ROS) มากขึ้น สารตัวนี้จะไปทำลาย DNA ของเซลล์โดยการเกิด oxidative stress
☀️ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์กันแดดตัวใหม่ ๆ จึงมักผสม สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ascorbic, tocopherol, polyphenol หรือ นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยป้องกันการทำลายผิวจาก ROS เช่น Cellular Bioprotection ซึ่งนวัตกรรมนี้มีข้อมูลพบว่า ช่วยป้องกันการเสื่อมของ glutathione ในผิวได้ดีหลังทำการฉายแสงยูวี จึงช่วยปกป้องผิวจาก ROS ได้มากขึ้นไปอีก (Keratinocyte’s Glutathione natural reserve)

ถึงแม้เราบำรุงผิวอย่างดีสม่ำเสมอมาตลอด แต่เมื่อวัยที่มากขึ้นแล้ว การบำรุงเท่าเดิมอาจไม่เพียงพอ จึงควรต้องใส่ใจให้มากกว่าเดิม

ทุกคนทราบดีว่า การจะเพิ่มความหนาของชั้นผิว และ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อให้ผิวอ่อนเยาว์นั้น ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ หาใช่การดูแลเพียงชั่วข้ามคืนไม่

📍📍ความแก่ของผิวหนัง เป็นผลจากทั้งปัจจัยภายใน และ ปัจจัยภายนอก
📍📍การปรับกิจวัตรประจำวัน ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกาย ก็มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรงจากภายในได้ดี
📍📍ในขณะเดียวกัน การบำรุงผิวอย่างถูกวิธี และ ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกวิธีที่สำคัญ ที่จะช่วยชะลอความแก่ของผิวจากภายนอก อันเนื่องจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยค่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้ รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าใครอยากชะลอผิวแก่ ต้องปกป้องผิวจากแสงแดดร่วมด้วยเสมอค่ะ
คุณทาครีมกันแดดหรือยัง ⁉️

References

Photodermatol Photoimmunol Photomed. 2015 Mar;31(2):65-74.
Ageing Researh Reviews 2015;21:16-29.
Journal of Dermatological Science 2010;58:85-90.
Biomolecules 2015;5:545-589.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
⭐️Bioderma Photoderm Max Aquafluide⭐️
✔️SPF50+ , PPD 24, PA++++
✔️ปกป้องทั้ง UVA1, UVA2, UVB
✔️The Cellular Bioprotection (PATENT) นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มความต้านทานผิวต่อ ROS มีงานวิจัยพบว่า 100% Glutathione reserve หลังฉายแสงยูวี 200 J/cm2 จึงช่วยปกป้องการทำลายกลูต้าในผิวอย่างได้ผล และยังช่วยส่งเสริมกระบวนการปกป้องตัวเองของเซลล์ผิวจากแสงยูวี
✔️สูตร water-resistant กันน้ำได้นาน 40 นาที
✔️เนื้อฟลูอิดบางเบา ซึมเร็ว, non-comedogenic ไม่อุดตัน
✔️เหมาะกับ sensitive skin, ไม่มีพาราเบน

Disclaimer: Sponsored by Bioderma

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

7 ข้อน่ารู้ เรื่องการอาบน้ำเด็ก

Baby Bathing Regimen 🧸🧸🧸

ผิวเด็กทารกยังไม่แข็งแรงและสมดุลเหมือนวัยผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นอีกเรื่องที่ก็ต้องดูแลและให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าผิวของผู้ใหญ่เลย

7 ข้อสรุปเกี่ยวกับการอาบน้ำเด็ก ‼️

1. โครงสร้างผิวเด็กทารกแตกต่างจากผิวผู้ใหญ่ ในส่วนของ Epidermis จะบางกว่า 20% และ S.corneum บางกว่า 30% ทำให้มีแนวโน้มสูญเสียน้ำมากกว่าและกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยกว่า เมื่อเทียบกับผิวผู้ใหญ่
🌟 ดังนั้น กำแพงผิวของทารกจึงบอบบางมาก และมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี

2. ไขมันสีขาวเคลือบผิวทารกที่เราเห็นหลังคลอด เรียกว่า Vernix caseosa ตอนอยู่ในครรภ์จะทำหน้าที่ปกป้องผิวทารกน้อยจากน้ำคร่ำ และตอนคลอดออกมาแล้ว ก็ยังทำหน้าที่ช่วยลดการสูญเสียน้ำทางผิว ช่วยลด pH ผิวให้อยู่ในระดับสมดุลต่อการทำงาน และยังมีคุณสมบัติ antioxidant & antimicrobial effect อีกด้วย
🌟 ดังนั้น แนะนำให้อาบน้ำอย่างอ่อนโยน (Gentle bathing) ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องถูหรือเช็ดไขสีขาวนี้ออก

3. ทารกแรกเกิดยังไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดีนัก การอาบน้ำไม่ถูกวิธีจึงอาจทำให้อุณหภูมิในร่างกายต่ำเกินไปได้
🌟 ดังนั้น แนะนำให้ delay การอาบน้ำครั้งแรกออกไปประมาณ 12-24 ชั่วโมง ทั้งนี้นอกจากรอให้ทารกมีการปรับตัวแล้ว ยังช่วยเรื่อง breastfeeding และกระตุ้นความผูกพันของแม่และลูกอีกด้วย และอาบน้ำ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ก็เพียงพอ

4. มีงานวิจัยพบว่า Skin barrier parameter ของทารกในกลุ่มที่อาบน้ำในอ่าง ดีกว่ากลุ่มที่เช็ดด้วยฟองน้ำ และพบว่า ทารกมีความรู้สึกสบายตัวเมื่ออาบน้ำในอ่างมากกว่าด้วยฟองน้ำ
🌟 ดังนั้น แนะนำอาบในอ่างจะดีกว่า และระดับน้ำไม่ควรสูงเกินเอว (ประมาณ 5 เซนติเมตร)

5. ผิวทารกและเด็กเล็ก เป็นผิวที่ระคายเคืองต่อสิ่งต่าง ๆ ง่ายมาก รวมทั้งน้ำ ครีม หรือ แชมพูต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
🌟 ดังนั้น การอาบน้ำจึงควรใช้ Cleanser ที่อ่อนโยน แนะนำ soap-free (synthetic detergent based), ค่า pH อยู่ในช่วง 5.5–7.0 เนื่องจากความเป็นด่างจะทำให้กำแพงผิวถูกทำลายได้มากขึ้น

6. Cleanser ที่เหมาะสมสำหรับผิวเด็ก ควรปราศจากสารลดแรงตึงผิวที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอักเสบได้ แนะนำว่าไม่ควรมี Sodium lauryl sulfate (SLS)
🌟 ดังนั้น อาจมองหาตัวอื่น ๆ ที่มีงานวิจัยรับรองผลว่าอ่อนโยนและเหมาะสมสำหรับผิวเด็ก
ยกตัวอย่าง เช่น Amisoft หรือ Disodium Cocoyl Glutamate มีงานวิจัยพบว่าอ่อนโยนกว่า 0.5% SLS ถึง 3 เท่า เป็นต้น

7. มีงานวิจัยพบว่าการอาบน้ำทารกด้วยน้ำเปล่าร่วมกับ cleanser ที่เหมาะสม ไม่ได้มีการทำลายสมดุลของกำแพงผิวทารกแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการอาบด้วยน้ำอย่างเดียว
🌟 ดังนั้น สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล แต่ถ้าอยากใช้ Cleanser ร่วมด้วยก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหาอะไร

โดยสรุปการใช้ Cleanser สำหรับทำความสะอาดผิวทารกหรือเด็กเล็กไม่ผิดอะไร ขอเพียงเลือกใช้ให้ถูกวิธี
✔️ Soap-free (synthetic detergent based)
✔️ ค่า pH อยู่ในช่วง 5.5–7.0
✔️ อ่อนโยน ปราศจากสาร SLS

ลองนำไปปรับใช้กับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวกันดูนะคะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References:
Skin care for healthy babies at term: A systematic review of the evidence. Midwifery. 2018 Jan;56:29-43.

Infant skin care: updates and recommendations
Curr Opin Pediatr 2019;31:476-481.

Recommendations from a European Roundtable Meeting on Best Practice Healthy Infant Skin Care. Pediatr Dermatol. 2016 May;33(3):311-21.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

Product mentioned:
🧸 Ezerra Gentle Cleanser
✔️ เหมาะสำหรับ Baby skin & Sensitive Skin
✔️ ปรับ pH ให้ใกล้เคียงผิวปกติ
✔️ มี Moisturizing effect
✔️ ช่วยลดอาการคัน แสบ แดง
✔️ Soap-free, no SLS/SLES, no paraben

Disclaimer: Content Sponsored by Ezzera

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.