Tag Archives: วิตามินซี

เคล็ดลับ..การทาวิตซี

เป็นที่ทราบกันดีว่า การทา Vitamin C ที่เหมาะสมนั้นไม่เพียงสามารถช่วยบำรุงผิวเท่านั้น การทาวิตามินซียังช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายอย่างอีกด้วย ทำให้หลายคนต้องมี Vitamin C serum ในสกินแคร์รูทีนแน่ ๆ ปัจจุบันมีหลายแบรนด์พยายามพัฒนาวิตามินซีในรูปแบบทาเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เมื่อทาแล้วสามารถซึมผ่านชั้นผิวหนังกำพร้าลงไปและยังคงตัวอยู่ในสภาพที่ออกฤทธิ์ที่ชั้นหนังแท้ได้ดี มีความเสถียรและระคายเคืองต่อผิวน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

คุณสมบัติของ Vitamin C serum มีหลัก 3 อย่าง คือ

1. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)

โดย L-ascorbic acid ช่วยไปทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดจากทั้ง UVA & UVB เช่น superoxide ion, peroxide and singlet oxygen เพื่อไม่ให้ไปทำลายคอลลาเจน, อิลาสติน, proteoglycan ที่ผิว พออ่านมาถึงตรงนี้จะนึกออกเลยว่า หากเราทา Vitamin C ควบคู่ไปกับการทา Sunscreen จะยิ่งปกป้องผิวจากยูวีและอนุมูลอิสระได้ดีขึ้นไปอีก และนอกจากนั้นพบว่า
การใช้ Vitamin E ควบคู่ไปด้วย จะเพิ่มฤทธิ์ของ Vitamin C ขึ้นไปอีกถึง 4 เท่า
การใช้ 0.5% ferulic acid + 15% vit C + 1% Vit E จะเพิ่มฤทธิ์ของ Vitamin C ขึ้นไปอีกถึง 8 เท่า

2. ยับยั้งในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว (Antipigmentary effect)

วิตามินซี จะไปมีผลต่อ Cu ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ทำให้การสร้างเม็ดสีผิวลดลง แต่เนื่องจาก vitamin C เป็นสารที่ไม่ค่อยเสถียรจึงแนะนำให้ใช้ควบคู่กับ depigmenting agents อื่นร่วมด้วย เช่น soy, licorice, glutathione เพื่อให้ได้ผลดีขึ้น

3. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว (Anti aging)

Vitamin C จำเป็นในกระบวนการสร้าง collagen (collagen biosynthesis) เพราะเป็น cofactor ของเอนไซม์ prolysyl และ lysyl hydroxylase ที่ทำหน้าที่ในขั้นตอนการสร้างคอลลาเจน โดย Vitamin C ในรูปแบบ L-ascorbic acid มีความสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีที่สุด ในขณะที่อนุพันธ์ของวิตามินซีต่างๆ มักจะมีคุณสมบัติเบื้องต้นแค่ 1-2 ข้อแรกเท่านั้น ส่วนใหญ่มักไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้

L-ascorbic acid ถือว่ายืนหนึ่งเหนือกว่าอนุพันธ์ของวิตามินซีตัวอื่น เพราะมีคุณสมบัติในทาง Dermatology ครบทั้ง 3 ประการข้างต้น

คุณสมบัติของวิตามินซี topical vitamin c
คุณสมบัติของวิตามินซี

ปัจจุบันมีการพัฒนาสกินแคร์ L-ascorbic acid เพื่อให้มีความ คงตัวและออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  1. การผสมกับ antioxidants อื่น เช่น Vitamin E, Ferulic acid ช่วยลด UV-induced skin damage
  2. การทำให้อยู่ในค่า pH < 3.5 ซึ่งออกฤทธิ์ดีที่สุด โดยไม่ระคายเคือง
  3. การทำบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม คือ สุญญากาศหัวปั๊ม ทึบแสง
  4. การทำเป็น serum-based พบว่าคงตัวกว่า cream-based หรือ แยกผงวิตามินซีออกจากเซรั่มเพื่อความคงตัว
L Ascorbic Acid (LAA) ​
L Ascorbic Acid (LAA)

วิธีสังเกต Vitamin C serum เสื่อมสภาพ

โดยปกติจะมีสีใส แต่หากมีการโดนแสง ความร้อน จะทำให้เกิดการ oxidized เป็น Dehydro Ascorbic Acid (DHAA) ซึ่งเป็นสีเหลือง นั่นแสดงว่าคุณภาพอาจไม่เท่าเดิมค่ะ

ความเข้มข้นที่ได้ผล

มี Clinical studies พบว่า L-ascorbic acid ชนิดทาที่ความเข้มข้น 8-20% เหมาะสมที่สุดที่ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ และช่วยทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอได้
▪️ความเข้มข้นน้อยกว่านี้
ยังไม่มีข้อมูลสรุปว่ามีคุณสมบัตินี้ได้จริงหรือไม่
▪️ความเข้มข้นมากกว่านี้
มีการศึกษาชัดเจนว่า ไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นมากนัก แต่สิ่งที่มากขึ้นคือ ผลข้างเคียงจากการระคายเคืองผิว และราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน

ข้อควรระวัง

  • ระวังการระคายเคืองในคนที่ผิวระคายเคืองง่าย
  • ระวังการใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองง่าย เช่น AHA, retinol, ยาสิว เช่น benzoyl peroxide โดยแนะนำว่าอาจใช้สลับวันกัน หรือ คนละเวลาเช้าหรือเย็น
  • อาจทำให้มีสีผิวอมเหลืองได้ในบางราย เพราะเกิดจาก oxidized vitamin C ซึ่งหายได้เอง
ข้อควรระวังการทาวิตามินซี​
ข้อควรระวังการทาวิตามินซี

PRACTICAL POINTs

Half-life ของวิตามินซีในผิวหนังหลังการทาจนได้ความเข้มข้นสูงสุด คือ 4 วัน โดยที่เราต้องมีการกันแดดให้ดี เพราะ UV จะทำให้ระดับของวิตามินซีที่ผิวลดลงได้เร็วขึ้น ดังนั้น
▪️การทาวิตามินซีหลังโดน UV ในตอนเช้าจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งในแง่ antioxidant และ
▪️ทาวิตามินซีก่อนนอน ก็มีประโยชน์เช่นกันในแง่ antipigment and antiaging สำหรับผู้มีปัญหาจุดด่างดำ รอยดำจากการอักเสบสิว ผิวหมองคล้ำ เริ่มมีริ้วรอย

เทคนิคการทาวิตามินซี​
เทคนิคการทาวิตามินซี

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่าน
ด้วยความปรารถนาดี


[HELLO SKIN’s choice]

🛒15C Antioxidant vitamin C serum by Dr.PONG
เซรั่มวิตามินซี แบบผสมสดเพื่อลดการเสื่อมสภาพ
เหมาะสำหรับปัญหาผิวหมองคล้ำ, จุดด่างดำ, เริ่มมีริ้วรอย

ส่วนประกอบหลัก
Antioxidant & Brightening
• L-ascorbic acid 15% รูปแบบที่ได้ผลดีสุดของวิตามินซีชนิดทา ลดการสร้างเม็ดสีผิว ต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอยเล็ก
• Glutathione 2% ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่พบว่าได้ผล ช่วยลดการสร้างเม็ดสี ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้
Moisturization ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ได้แก่
• Hyalyronic acid/Poly Isopropyl Acrylamide Copolymer
Exfoliant ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ได้แก่
• Gluconolactone ซึ่งเป็นสารผลัดเซลล์กลุ่ม PHA (อ่อนโยนกว่า AHA)
รายละเอียดเพิ่มเติมรูปท้าย

15C Antioxidant Vitamin C Serum by Dr.Pong​
15C Antioxidant Vitamin C Serum by Dr.Pong

สั่งออนไลน์คลิก
Shopee : https://shope.ee/9ewxNFqxOd
Lazada : https://bit.ly/49RBxEf

#กระจ่างใสไร้ริ้วรอยด้วยวิตซี #วิตซีผสมสด #เรื่องผิวเห็นผลวัดได้ด้วยงานวิจัย

References
J Cosmet Dermatol. 2022 Jun;21(6):2349-2359.
J Cosmet Dermatol. 2020 Mar;19(3):671-676.
Nutrients. 2017 Aug 12;9(8):866.
J Clin Aesthet Dermatol. 2017 Jul;10(7):14-17.
Indian Dermatol Online J. 2013 Apr-Jun;4(2):143–146.
Skin Res Technol. 2008 Aug;14(3):376-80.

J Am Acad Dermatol. 2003 Jun;48(6):866-74.

อ่านบทความย้อนหลัง www.helloskinderm.com
รวมลิงค์ https://opl.to/drwarayuwadee
บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

เซรั่มวิตามินซี .. How to เลือกให้ดี เพื่อผิวปัง

หากจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เมื่อทาวิตามินซีแล้วควรซึมผ่านชั้นผิวหนังกำพร้าลงไปและยังคงตัวอยู่ในสภาพที่ออกฤทธิ์ที่ชั้นหนังแท้ได้ดี เรียกได้ว่าต้องมีความเสถียรและระคายเคืองต่อผิวน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แล้วตัวไหนล่ะที่เหมาะกับเรา มาทำความรู้จักกันค่ะ

วิตามินซีชนิดทา มี 2 แบบ คือ

ชนิดของวิตามินซีแบบทา​
ชนิดของวิตามินซีแบบทา
  1. Pure Vitamin C (L-ascorbic acid)
  2. อนุพันธ์ของวิตามินซี (Vitamin C derivatives) เช่น MAP, SAP, Ascorbyl Tetraisopalmitate, Ascorbyl 2-Glucoside, 3-O-Ethyl Ascorbic Acid เป็นต้น

L-ascorbic acid ถือว่ายืนหนึ่งเหนือกว่าอนุพันธ์ของวิตามินซีตัวอื่น เพราะมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ประการ คือ

คุณสมบัติของวิตามินซีทาผิว​
คุณสมบัติของวิตามินซีทาผิว
  • ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว (Collagen boost)
  • ยับยั้งในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว (anti pigmentation)

ในขณะที่อนุพันธ์ของวิตามินซีต่างๆ มักจะมีคุณสมบัติเบื้องต้นแค่ 1-2 ประการ เท่านั้น ส่วนใหญ่มักไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้

แต่ข้อด้อยของ L-ascorbic acid คือ สลายง่ายที่ค่า pH ปกติที่ผิวหนังเรา เพราะถ้าจะให้ออกฤทธิ์ดีต้อง pH < 3.5 และยังมีการระคายเคืองค่อนข้างมาก บางคนจึงมีอาการแสบระคายเคืองได้

ปัจจุบันมีการพัฒนาสกินแคร์ L-ascorbic acid

เพื่อให้มีความคงตัวและออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

L-Ascorbic Acid แบบทาที่ดี​
L-Ascorbic Acid แบบทาที่ดี
  • การผสม Vitamin E, Ferulic acid
  • การทำให้อยู่ในค่า pH < 3.5 โดยไม่ระคายเคือง
  • การทำบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม คือ สุญญากาศหัวปั๊ม ทึบแสง
  • การทำเป็น serum-based พบว่าคงตัวกว่า cream-based หรือ แยกผงวิตามินซีออกจากเซรั่มเพื่อความคงตัว

ความเข้มข้นเท่าไหร่ดี

มีงานวิจัยจากการดูชิ้นเนื้อและกล้องที่ผิวหนัง พบว่า

ความเข้มข้นของ L-Ascorbic Acid​
ความเข้มข้นของ L-Ascorbic Acid

ความเข้มข้นน้อยกว่านี้

ยังไม่มีข้อมูลสรุปว่ามีคุณสมบัตินี้ได้จริงหรือไม่ มีเพียงการศึกษาที่พบว่าไม่ได้ผล แต่บางครั้งเราอาจเห็นความเปลี่ยนแปลงจากผิวหลังการทาวิตามินซีความเข้มข้นต่ำจากรีวิวสินค้าหรือโฆษณาต่าง ๆ เช่น ขาวขึ้น รอยลดลง ทั้งนี้อาจเป็นเรื่องของปัจจัยอื่น เช่น การบำรุงจากส่วนผสมอื่น ๆ เทคนิคการกระเจิงแสง การอุ้มน้ำในผิว เป็นต้น

ความเข้มข้นมากกว่านี้

มีการศึกษาชัดเจนว่า ไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นมากนัก แต่สิ่งที่มากขึ้นคือ ผลข้างเคียงจากการระคายเคืองผิว และราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน

แบรนด์ที่ได้มาตรฐาน มักระบุคุณสมบัติข้างต้นไว้ชัดเจน เพื่อการันตีถึงความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค และผู้บริโภคควรสอบถามข้อมูลเบื้องต้นต่าง ๆ เพื่อเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุด

ปัจจุบันมีวิตามินซี L-ascorbic acid ชนิดทาหลายแบรนด์ในท้องตลาด ราคาแตกต่างกันออกไป ทั้งราคาจับต้องได้ เช่น ไปจนถึงแพงหลายพันบาทเลยก็มี แนะนำให้เลือกตามคุณสมบัติที่กล่าวข้างต้น และราคาที่เหมาะสมกับกำลังจ่ายของตัวเองค่ะ

—————————–

References

J Cosmet Dermatol. 2022 Jun;21(6):2349-2359. 

J Cosmet Dermatol. 2020 Mar;19(3):671-676. 

Nutrients. 2017 Aug 12;9(8):866.

J Clin Aesthet Dermatol. 2017 Jul;10(7):14-17.

Skin Res Technol. 2008 Aug;14(3):376-80.

J Am Acad Dermatol. 2003 Jun;48(6):866-74.

—————————–

In collaboration with HERBITAGE C-Signature 27.5

เซรั่มวิตามินซีผสมสด เหมาะสำหรับผิวที่มีฝ้า กระ รอยดำ ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส

แยกผงวิตามินซีออกจากเซรั่ม เพื่อความคงตัว และมีค่า pH 3.5

Active Ingredients

15% L-Ascorbic Acid กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ลดรอยดำ ผิวดูกระจ่างใส

Oxyresveratrol สารสกัดแก่นมหาดเข้มข้น (Artocarpus Lakoocha Heartwood Extract) ช่วยฝ้า กระ รอยดำ แลดูจางลง

AOX Complex Solution ประกอบด้วย Ferulic Acid + Tocopheryl Acetate + Glutathione + Fullerene สารต้านอนุมูลอิสระรางวัลโนเบล

2% Brightenyl ลดการสร้างเม็ดสีผิว

1% CICA Complex ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง

เนื้อเซรั่ม บางเบา ซึมไว

*ข้อมูลจาก HERBITAGE ทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการวิจัยโดยสถาบัน Dermscan Asia ในคนเอเชียอายุ 23 – 58 ปี และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ

ทดสอบการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยใช้ human skin model พบว่า

  • ผิวดูใสขึ้นใน 10 วัน
  • ฝ้า และรอยดำ ดูจางลง 23% (เมื่อทาต่อเนื่อง 28 วัน)
  • สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ใกล้เคียงกับ 0.5% Retinol

ข้อมูลเพิ่มเติม และ Link ร้านค้าอย่างเป็นทางการ (ป้องกันของปลอม)

Shopee : https://bit.ly/2PmOxy7

Lazada : https://bit.ly/3fzwrUy
Tiktok Shop : https://bit.ly/3v0pO49

—————————–

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

รวมส่วนผสมชะลอผิวแก่ในครีมกันแดด

ส่วนผสมชะลอผิวแก่ในครีมกันแดด

ส่วนผสมที่เติมในครีมกันแดดแล้วเสริมการปกป้องผิวในครีมกันแดดได้มีข้อมูลอะไรบ้าง

Additives in sunscreen

การเผชิญกับ UV และ VL เป็นเวลานาน สามารถกระตุ้นให้มีการเพิ่มขึ้นของ ROS, MMPs และมีการทำร้าย DNA ที่ผิวหนังได้ ดังนั้น การทาครีมกันแดดสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งค่ะ

อ่านเจอข้อมูลงานวิจัยที่พูดถึงสารต่าง ๆ ที่นำมาผสมในครีมกันแดดเลยนำมาแบ่งปัน
ส่วนใหญ่วัตถุประสงค์ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการทำร้ายผิวจากสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี และเพื่อชะลอการเกิดผิวชราจากแสงแดด หรือ ที่เราเรียกว่า Photoaging นั่นเอง

สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ถูกยกขึ้นมากล่าวถึงมากที่สุด เพราะเชื่อว่าช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นได้ เช่น

Vitamin C (L-ascorbic acid)

ตัวนี้สลายง่ายที่ค่า pH ปกติที่ผิวหนังเรา จึงเห็นมักผสมกับตัวอื่นเพื่อให้คงตัวมากขึ้น เช่น Vitamin E, Ferulic acid
โดย vitamin C จะเป็น cofactor ในกระบวนการ collagen synthesis และลดการสะสมของ elastin ได้

Vitamin E

มีข้อมูลว่าช่วยลด lipid peroxidation, photoaging, immunosuppression และ photocarcinogenesis

Retinoids

ช่วยยับยั้ง activation of protein-1 & MMP-1 expression ผลคือ กระตุ้นการสร้างคอลาเจน ผิวหนาขึ้นและแข็งแรงขึ้น แต่เนื่องจากความไม่คงตัวของกลุ่มนี้ ทำให้สลายได้ง่ายเมื่อถูกรังสี UV, VL จึงไม่ค่อยเห็นผสมในครีมกันแดดบ่อยนัก อาจเห็นพวกที่รูปแบบค่อนข้างเสถียรกว่า retinoids เช่น Retinyl
palmitate ที่มักผสมในสกินแคร์ต่าง ๆ โดยมักทำเป็น liposome เพื่อให้คงตัวมากขึ้น แต่ประสิทธิภาพก็อาจด้อยกว่า tretinoin or retinol
ส่วนประเด็น retinyl palmitate เมื่อถูกยูวีแล้วจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมาหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน อันนี้ยังต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

Polyphenols

พบใน botanicals เช่น tea leaves, grape seeds (Vitis vinifera), blueberries, almond seeds, and pomegranate extract พวกนี้จะมีสารที่เรียกว่า epigallocatechin-3-gallate ซึ่งช่วยลด MMP-1 ตัวทำร้ายคอลาเจน และตัวมันเองสามารถเพิ่ม SPF ได้ร่วมด้วยนิดหน่อย

Soy extracts

มีข้อมูลว่า soybean-derived serine protease inhibitors ช่วยลดรอยดำ และริ้วรอยเล็ก ๆ ตื้น ๆ ที่ผิวได้

Melatonin

ช่วยปกป้องเซลล์ผิว keratinocytes, melanocytes, and fibroblasts และป้องกัน UV-induced photoaging ได้

Algae extract

บางชนิดนอกจากพบว่าดูดซับรังสียูวีได้ ยังช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระที่ผิวได้ พบว่า Mycosporine-like amino
acids (MAAs) จาก algae ยังเป็น potent UV filters โดย maximum absorption 310 และ 362 nm ทีเดียว นอกจากนั้นยังอาจได้ยินชื่อ เช่น Porphyra umbilicalis, Corallina pilulifera methanol extract แต่กลุ่มนี้ยังอาจมีประเด็นถกเถียงเรื่อง eco-friendly photoprotection คงต้องติดตามต่อไปในอนาคต

Polypodium leucotomos extract (PLE)

ตัวนี้มีข้อมูลทั้งรูปแบบทา และ กิน ว่าช่วยได้ทั้ง antioxidative, chemoprotective, immunomodulatory,
and anti-inflammatory effects เรื่องสารตัวนี้เคยทำคลิป ลองไปดูเพิ่มเติมได้ค่ะ
https://youtu.be/DCOx4HMN_a4

ตัวอื่นที่มีข้อมูลว่าช่วยลด MMP-1 expression ได้ ก็เช่น
Caffeine
Echinacea pallida extract
Gorgonian extract
Chamomile essential oil

นอกจาก oxidants แล้วก็ยังมี Photolyases ที่ถูกนำมาผสมครีมกันแดด เพราะสามารถช่วย DNR repair ได้ ส่งผลให้มี photoprotective effects และ anti-oxidants ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม การผสมสารเหล่านี้เข้าในครีมกันแดดแต่ละแบรนด์นั้นไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพออกมาดีเท่ากันเสมอไป จะดูแค่ว่า..มีหรือไม่มีชื่อเหล่านี้ในส่วนผสมอาจไม่พอ เพราะยังคงต้องดูในรายละเอียดเรื่อง ความเข้มข้นที่มากพอ, ความสามารถในการซึมผ่านผิวชั้น Stratum corneum และ ความคงตัวของครีมกันแดดตัวนั้นในที่สุดด้วยเช่นกัน

สุดท้ายแล้ว ก็อยากให้ทาครีมกันแดดกันสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายด้วยรังสียูวี ป้องกันมะเร็งผิวหนังแล้ว ยังช่วยเรื่องชะลอผิวเสื่อมชราด้วยนะคะ..สภาพ

หวังว่าจะชอบบทความนี้กันนะคะ ถ้าชอบก็สามารถไลค์ เลิฟ แชร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊าค๊า


Reference
Guan, L.L., Lim, H.W. & Mohammad, T.F. Sunscreens and Photoaging: A Review of Current Literature. Am J Clin Dermatol 22, 819–828 (2021). https://doi.org/10.1007/s40257-021-00632-5

รวมลิ้งค์ https://linktr.ee/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.