Tag Archives: dermatologist

วิธีจัดการสิวด้วยสกินแคร์ให้เห็นผล

สกินแคร์ที่คุณใช้อยู่ มีคุณสมบัติเหมาะสมในการแก้ปัญหาสิวจากต้นตอหรือไม่

สิวเกิดจากความผิดปกติที่บริเวณรูขุมขนและต่อมไขมัน ซึ่งเป็นภาวะที่ค่อนข้างเรื้อรัง มีกลไกการเกิด คือ มีการทำงานของต่อมไขมันเพิ่มขึ้น (Hyperseborrhea) ทำให้มีการสร้างน้ำมันผิวมากขึ้น รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติของน้ำมันผิวร่วมด้วย ทำให้กระตุ้นการสร้างเคราตินมากขึ้นบริเวณผิวที่รูขุมขน เมื่อเคราตินจับตัวกับน้ำมันผิวจึงก่อให้เกิดสิวอุดตันเล็ก ๆ (Microcomedone) ที่ใต้ผิวตามมา ร่วมกับ หากมีความไม่สมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ Cutibacterium acne ก็จะส่งผลให้เกิดการอักเสบตามมาได้
ทำให้เห็นสิวในลักษณะต่าง ๆ ในแต่ละระยะ เช่น
สิวอุดตัน (หัวปิด = สีขาว, หัวเปิด = สีดำ)
สิวอักเสบ (ตุ่มแดง, ตุ่มหนอง, สิวหัวช้าง, ก้อนซิสต์)

เชื่อว่ามีหลายปัจจัยกระตุ้นให้เกิดสิวตามมา เช่น พันธุกรรม, ฮอร์โมน, สภาวะแวะล้อม, อาหาร, ยาบางชนิด ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ที่ผิว เป็นต้น

การรักษาสิวให้ได้ผลจึงต้องรักษาตามกลไกของการเกิดสิว ได้แก่

  1. ลดการอุดตันของรูขุมขน
  2. ลดการทำงานของต่อมไขมัน
  3. ลดการอักเสบ
  4. ปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ที่ผิว

ซึ่งการรักษาสิวตามแนวทางมาตรฐานยังคงเป็นการรักษาด้วยยาทา เช่น ยาทาวิตามินเอ, ยาเบนซิลเปอร์ออกไซด์, ยาทาฆ่าเชื้อสิว และหากไม่ดีขึ้นหรือเป็นสิวรุนแรงจะต้องใช้ยารับประทานร่วมด้วย เช่น ยากินกรดวิตามินเอ, ยาฆ่าเชื้อ, ยากลุ่มต้านฮอร์โมน ซึ่งเหล่านี้แพทย์จะเป็นผู้พิจารณา

ปัญหาจากการใช้ยารักษาสิวที่มักพบได้บ่อย คือ ผลข้างเคียงเรื่องผิวแห้ง แสบ ลอก ระคายเคือง ยาบางกลุ่มทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ผลคือ ทำให้กำแพงผิวเสียสมดุลและบางคนไม่สามารถทนผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิวต่อได้ ดังนั้น การใช้สกินแคร์จึงเข้ามามีบทบาท เพื่อเสริมความแข็งแรงของกำแพงผิว ช่วยลดผลข้างเคียงจากยา เสริมประสิทธิภาพการรักษาด้วยยาให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นทางเลือกของคนที่เป็นสิวไม่รุนแรง คนที่ทนผลข้างเคียงจากยาไม่ไหว และสามารถใช้เป็นตัวช่วยเพื่อลดโอกาสการเกิดสิวในระยะยาวได้ โดยควรเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาสิว ดังนี้

1) ผลิตภัณฑ์กันแดด

แนะนำให้ใช้ร่วมด้วยเสมอ เนื่องจากยารักษาสิวทั้งยากินและยาทา ทำให้ผิวค่อนข้างไวต่อแสงมากกว่าปกติ
แนะนำชนิด non-comedogenic, non-acnegenic, won’t clog pore

2) ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า

แนะนำให้เป็นกรดอ่อน ๆ pH ประมาณ 5-5.5 และล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน

3) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพื้นฐาน

แนะนำชนิดที่ non-comedogenic มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยบำรุงกำแพงผิวให้แข็งแรง ทั้งนี้เพื่อลดผลข้างเคียงของยาทาสิว เช่น dimethicone, glycerin
• มีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างน้ำมันผิว เช่น niacinamide, zinc, L-carnitine, fullerene
• มีคุณสมบัติช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น retinol, glycolic acid, salicylic acid, PHA
• มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ เช่น azelaic acid, lichochalcone A, aloe vera, zinc
หากสกินแคร์กลุ่มบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติดังกล่าว นอกจากจะช่วยเสริมการรักษาสิวให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดสิวใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย ทั้งนี้เพราะเป็นการแก้ไขอย่างตรงจุดตามกลไกการเกิดสิวค่ะ

หากใครเป็นสิวอุดตัน ผิวมัน ที่กำลังมองหาสกินแคร์สักชิ้น ลองมองหาส่วนผสมที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อเสริมการรักษาไปกับการทายาได้ค่ะ
ยกตัวอย่างสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติข้างต้น เช่น Proacne A.I. Matt Fluid ซึ่งประกอบด้วย Salicylic, Licochalcone A, L-carnitine and 1,2- decanediol เป็นต้น

ทั้งนี้การรักษาและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องค่อย ๆ ลองปรับที่เหมาะกับตัวเอง และหากเป็นสิวเรื้อรังรุนแรงแนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมดูแล

References:
J Drugs Dermatol. 2016; 15(1 Suppl 1): s7-s10.
JEADV 2015; 29 (Suppl. 5): 1-7.
Nat Rev Dis Primers. 2015; 1: 15029.
Dermatol Clin 2012; 30: 99–106. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2010; 3: 135–142.

Product mentioned
Eucerin Proacne A.I. Matt
✔️ มี Salicylic acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขนได้ดี
✔️ มี Licochalcone A เป็น Innovation ที่ช่วยลดการอักเสบผิว ลดการเกิดรอยแดงรอยดำจากสิว และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว
✔️ มี L-carnitine มีข้อมูลว่าการทาที่ผิวจะช่วยเพิ่ม b-oxidation ในการสลาย fatty acid และลด intracellular lipid content ในต่อมไขมัน ส่งผลให้ความมันที่ผิวเริ่มลดลงชัดเจน 2-3 สัปดาห์ และคุมความมันได้นาน 8 ชั่วโมง
✔️ Hypoallergenic Test ผ่านการทดสอบการแพ้, Non-comedogenic ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน

Disclaimer : Content Sponsored by Eucerin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

7 สูตรลับ..ปรับสมดุลผิวที่เป็นสิวเรื้อรัง ‼️

วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ สำหรับใครที่เป็นสิวบ่อย ๆ สิวเรื้อรังไม่หายสักที ลองมาอ่านกันค่ะ ..

นอกจากการรักษาสิวด้วยยาตามแนวทางมาตรฐานแล้ว การดูแลผิวอย่างถูกวิธีจึงต้องควบคู่กันไปด้วยเสมอ ทั้งนี้เพื่อคงความสมดุลผิวและลดการเกิดภาวะ Microbiome Dysbiosis ที่อาจเป็นต้นเหตุให้เกิด สิวเรื้อรังไม่หายสักที ลองนำเคล็ดลับนี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ

References:

Dermatol Ther (Heidelb) 2021; 11: 71-77.
Am J Clin Derm 2020; 21(Suppl 1): S18-S24.
Microorganisms 2020; 8: 1752. O’Neill and Gallo Microbiome 2018; 6: 177.

Collab:

HELLO SKIN by หมอผิวหนัง ✖️ SkinX พบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ ✖️ SAVV SKIN

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

ภาวะเล็บช้อน

ภาวะเล็บช้อน อย่ามัวอายเพื่อนโดยการทาเล็บปกปิดไว้ ใครมี..ต้องมาพบแพทย์นะจ๊ะ

🥄 Koilonychia in Iron Deficiency Anemia 🥄

ผู้ป่วยหญิงอายุ 54 ปี มีอาการถ่ายเป็นเลือดสดจากภาวะริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นเวลานาน 7 ปี

มาพบแพทย์ด้วยอาการซีด ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของเล็บนิ้วชี้และนิ้วนางข้างซ้าย นิ้วโป้งทั้งสองข้าง มีลักษณะคล้ายช้อน (spoon-shaped nail) หรือที่เรียกว่า Koilonychia ดังรูป

ตรวจทางห้องปฏิบัติการพบ hemoglobin 7.8 g/dL, MCV 66 fl, ferritin level 3 ng/ml, TIBC 470 ug/dl

ตรวจหาสาเหตุของภาวะโลหิตจางอื่นๆ ไม่พบความผิดปกติใด
ส่องกล้องทางเดินอาหารพบมี hemorrhoid ริดสีดวงทวาร ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถ่ายเป็นเลือดของผู้ป่วยรายนี้

การวินิจฉัยโรคในผู้ป่วยรายนี้คือ ภาวะโลหิตจางจากเสียเลือดเนื่องจากภาวะริดสีดวงทวาร

ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยการให้ยาเสริมธาตุเหล็ก จนระดับความเข้มข้นของเลือดกลับมาเป็นปกติ เป็นระยะเวลา 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ความผิดปกติของเล็บยังคงปรากฎอยู่เช่นเดิม

บทเรียนจากเคสนี้

ภาวะเล็บที่มีรูปร่างเหมือนช้อน ที่เรียกว่า Koilonychia นอกจากภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแล้ว ยังพบได้ในภาวะอื่นๆ ได้แก่
▫️ Hereditary กรรมพันธุ์
▫️ Idiopathic ไม่ทราบสาเหตุ
▫️ Substance สัมผัสสารเคมี เช่น ในช่างทำผม ทำเล็บ
▫️ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินบี 12 ได้ปกติ
▫️Trauma เช่น ชอบกัดเล็บ กระแทกจากการออกกำลังกาย

เล็บที่มักพบความผิดปกตินี้ได้บ่อย คือ เล็บนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง (3 นิ้วแรก)

หากพบว่าตัวเองมีช้อนเล็บทำอย่างไร

• มาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหาสาเหตุ หากสาเหตุดังกล่าวได้รับการรักษาแล้วอาจทำให้เล็บที่งอกใหม่เป็นเล็บที่สวยสมบูรณ์ค่ะ
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี เช่น ใส่ถุงมือ
• หลีกเลี่ยงการกัดเล็บหรือพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการอันตรายต่อเล็บ

หากตรวจไม่พบสาเหตุใด อาจเป็นกลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุ หรือ เป็นสาเหตุทางกรรมพันธุ์ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อสุขภาพค่ะ

Reference: August 30, 2018 N Engl J Med 2018;379:9.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Acne-friendly Moisturizer สกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว

สิว..นอกจากการรักษาโดยการใช้ยากินและยาทาที่สั่งโดยแพทย์แล้วนั้น เดอโมคอสเมติกสำหรับผิวที่เป็นสิวก็สำคัญไม่แพ้กัน

สกินแคร์สำหรับคนเป็นสิวควรเลือกให้เหมาะ และเป็นสิ่งที่ควรมีควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยาเพราะจะช่วยเสริมการรักษาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

โดยปกติแล้วสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิวแนะนำเลือกคุณสมบัติ 5 ข้อ ล้อไปตามกลไกของการเกิดสิว ดังนี้

1. ชนิดมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับผิวที่เป็นสิว แนะนำ water‐based, nongreasy เนื้อสัมผัสไม่เหนียว ควรใช้ทุกวันเป็นประจำและควรใช้คู่กับ ครีมกันแดดและคลีนเซอร์สำหรับสูตรสิว จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น

ส่วนประกอบพื้นฐานที่แนะนำ ได้แก่


✔️ Dimethicone และ glycerin เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการสูญเสียน้ำจากผิว
✔️ Hyaluronic acid หรือ sodium pyrrolidone carboxylic acid เพื่อช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น

2. ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน (Sebum-controlling agents)
กลุ่มนี้ถ้าหากใครหน้าไม่มัน สามารถข้ามไปได้เลย

ส่วนประกอบที่ช่วยเรื่องความมัน ได้แก่

✔️ Niacinamide
✔️ Bakuchiol
✔️ Zinc
✔️ Fullerene
✔️ L-carnitine
โดยจะเริ่มเห็นผลประมาณ 4 สัปดาห์ อาจต้องใช้เวลาและต้องมีความสม่ำเสมอใจเย็น

3. ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวลดการอุดตันของรูขุมขน (Keratolytic agents)
กลุ่มนี้จะช่วยให้ยารักษาสิวออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ผิวดูขาวใสขึ้น และ ยังช่วยลดรอยดำจากสิวได้อีก กลุ่มนี้อาจไม่ต้องทาทุกวันก็ได้ ขึ้นกับสภาพผิวและการระคายเคืองซึ่งไม่เหมือนกันในแต่ละคน และจะเริ่มเห็นผลประมาณ 4 สัปดาห์

ส่วนประกอบที่ช่วยลดการอุดตัน ได้แก่

✔️ Retinol derivatives
✔️ Alpha‐hydroxy acids เช่น glycolic acid
✔️ Beta‐hydroxy acids เช่น salicylic acid
✔️ Polyhydroxy acids เช่น lactobionic acid and gluconolactone
✔️ Linoleic acid

4. ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบ (Anti-inflammatory agents)
กลุ่มนี้นอกจากจะช่วยเรื่องลดการอักเสบของสิวแล้ว ยังลดการเกิดรอยแดงและรอยดำที่มักเกิดตามหลังการอักเสบของสิวได้อีก

ส่วนประกอบที่ช่วยลดการอักเสบ ได้แก่

✔️ Azelaic acid
✔️ Licochalcone-A
✔️ Hazel และ Aloe vera
✔️ Zinc
✔️ Soy isoflavones
✔️ Salix alba (active extract of willow bark)
✔️ Gingo biloba extracts
✔️ Epiderma Growth Factors
✔️ Enoxolone (extract from licorice root)
✔️ Penthanol
✔️ Probiotic : Lactobacillus-fermented Chamaecyparis obtusa, Lactobacillus plantarum
อื่น ๆ ที่ช่วยได้ Bakuchiol, Nicotinamide, Decanediol

5. ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยับยั้ง C.acne
(Anti-microbial agents)

กลุ่มนี้จะช่วยลดการเกิดเชื้อดื้อยาได้ดีกว่าการใช้ยาฆ่าเชื้อแต้มสิวเดี่ยว ๆ

ส่วนประกอบที่ช่วยฆ่าเชื้อ ได้แก่

✔️ Decanediol เริ่มเห็นผลประมาณ 8 สัปดาห์
✔️ Tea tree oil 5% เทียบเท่า BPO แต่เห็นผลช้ากว่า
อื่น ๆ ที่ช่วยได้ Bakuchiol, Lactobacillus plantarum

หากใครเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ ผิวมัน ที่กำลังหาสกินแคร์สักชิ้น ลองมองหาส่วนผสมที่กล่าวไปข้างต้นเพื่อเสริมการรักษาไปกับการทายาได้ค่ะ
ทั้งนี้การรักษาและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องค่อย ๆ ลองปรับที่เหมาะกับตัวเอง และหากเป็นสิวเรื้อรังรุนแรงแนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังร่วมดูแล


References:


JEADV 2015; 29(Suppl. 5): 1-7.
Nat Rev Dis Primers. 2015; 1: 15029.
J Clin Aesthet Dermatol. 2013; 6: 18-24.
J Cosmet Dermatol. 2012 Mar; 11(1): 30-6.
Clin Cosmet Investig Dermatol. 2010; 3: 135–142.
International journal of pharmaceutics 292.1-2 (2005): 187-194.


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

สิว Story รวมกลวิธีปราบสิวให้อยู่หมัด

ทั้งหมดอยู่ในไลฟ์นี้ค่ะ

• สาเหตุของสิว ปัจจัยก่อสิว

• สิวฮอร์โมนเป็นอย่างไร รักษาอย่างไร

• ยาทาสิว ยากินรักษาสิวมีอะไรบ้าง

• อาหารเสริม โปรไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์ ช่วยไหม

• แนะนำการเลือกสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว

และอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับสิว

สามารถดูย้อนหลังได้ในลิ้งค์นี้เลยค่ะ https://fb.watch/6fjeCp5GjY/

สุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณอาจารย์พลัง คุณตั้มและทีม SkinX ผู้อยู่เบื้องหลังทุกท่าน ที่ชวนหมอไปพูดคุยครั้งนี้ และ คุณหมอเก่ง DrKengw ที่มาช่วยกันแชร์เรื่องสิวปังๆ สนุกมากเลยค่ะ 🙂

Picture Cr. FB Live สิว Story

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ..ยากินวิตามินเอรักษาสิว

Update in Oral Isotretinoin for acne treatment

1. เป็นยาอันตรายที่มีการควบคุมการใช้โดยแพทย์เท่านั้น ห้ามซื้อกินเองโดยไม่มีข้อบ่งชี้ และระวังยาปลอมลอกเลียนแบบ

2. แคปซูลของยามีส่วนผสมที่ทำจากพาราเบน : ห้ามใช้ในคนที่แพ้พาราเบน
กลุ่มคนเหล่านี้ ควรหลีกเลี่ยงสารพาราเบนที่มักผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว

3. ข้อบ่งชี้ : ไม่แนะนำให้ซื้อกินเองหากไม่มีข้อบ่งชี้
▫️สิวหนองรุนแรง (Severe nodulocystic / papulopustular acne)
▫️ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น (Minimal response to previous treatment)
▫️กรณีอื่น ๆ อาจพิจารณาโดยแพทย์เป็นรายไป ได้แก่ Significant psychological concern, prone to scarring, limited use of antibiotics

4. ขนาดที่ใช้
▫️Standard dose (กรณีสิวรุนแรงมาก): International guideline แนะนำเริ่มที่ 0.1-0.2 mg/kg/day เพิ่มจนถึง standard dose 0.5 mg/kg/day หากไม่มีข้อห้ามและผู้ป่วยสามารถทนผลข้างเคียงได้
▫️Low dose (กรณีสิวรุนแรงปานกลาง): 0.2-0.3 mg/kg/day กินอย่างน้อย 6-12 months หรือจนสิวสงบอย่างน้อย 2 เดือน

Dose อื่นยังไม่มีรายงานว่าได้ผล และการหยุดยาเร็วเกินไปจะทำให้สิวกลับเป็นซ้ำ แนะนำให้ทานหลังอาหารทันทีเพื่อเพิ่มการดูดซึมยา

5. ภาวะซึมเศร้าและฆ่าตัวตายจากยา

ควรซักประวัติซึมเศร้าของผู้ป่วยและครอบครัว และพิจารณาเป็นราย ๆ ร่วมกับติดตามใกล้ชิด
▫️มีรายงานเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า เป็น idiosyncratic effect ในคนมีประวัติครอบครัวมีภาวะ depression, MDD
▫️แต่ในบางรายงานพบว่า ทำให้ภาวะซึมเศร้าลดลงหลังจากใช้ยารักษาให้สิวดีขึ้น

6. ผลข้างเคียงแบ่ง 3 อย่างหลัก ๆ ได้แก่

• Teratogenic ไม่ขึ้นกับ dose

ตรวจการตั้งครรภ์ยืนยัน 2 ครั้ง และคุมกำเนิด 2 วิธี
▫️เด็กพิการ คลอดก่อนกำหนด แท้ง
▫️ตรวจการตั้งครรภ์ : ก่อนรักษา 2 ครั้งห่างกัน 1 เดือน, หลังสิ้นสุดการรักษาแล้ว 1 เดือน
▫️อย่าลืม consent form, Pregnancy Prevention Program หรือ iPLEDGE
▫️คุมกำเนิด 2 วิธี : เริ่มตั้งแต่ก่อนรักษา 1 เดือน จนถึงหลังสิ้นสุดการรักษา 1 เดือน

• Clinical


Cutaneous
▫️ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวลอกแตกเป็นแผล เลือดกำเดาไหล เป็น dose-dependent จากการที่ยาทำให้เกิด sebum suppressive effect, epidermal dyscohesion
▫️ ผื่นรุนแรง Steven-Johnson syndrome, Toxic Epidermal Necrolysis เสียชีวิตได้
▫️บางรายเกิดสิวเห่อรุนแรง acne fulminans หลังการเริ่มทานยา มักเกิดในเดือนแรก
Extra-cutaneous
▫️เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ทุกระบบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า (ดังรูป) *คิดก่อนซื้อมากินเองเสมอว่าคุ้มแลกกับผลข้างเคียงหรือไม่
▫️อาการปวดหัวจากความดันในสมองสูงขึ้น หากทานคู่กับยาฆ่าเชื้อกลุ่ม tetracycline จึงห้ามให้ร่วมกัน

• Laboratory


▫️ไขมันสูง : แนะนำตรวจ cholesterol, triglyceride ก่อนเริ่มยา, หลังเริ่มยา 6 สัปดาห์ และต่อไปทุก 6 เดือน
▫️ตับอักเสบ : แนะนำตรวจ SGOT, SGPT ก่อนเริ่มยา, หลังเริ่มยา 6 สัปดาห์ และต่อไปทุก 6 เดือน
▫️เอนไซม์กล้ามเนื้อสูง : อาจตรวจ CPK ก่อนเริ่มยาในกรณีเคส moderate physical excercise
▫️Bone change

7. ยาสิว isotretinoin มีผลต่อโครงสร้างของ skin barrier function จึงต้องใช้ครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวร่วมด้วยเสมอ นอกจากนั้นยังส่งผล ดังนี้
▫️เพิ่มการสูญเสียน้ำ
▫️เพิ่มการสะสมเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ที่ผิวหนัง
▫️ผิวไวต่อแสงแดด

8. วิธีการดูแลและป้องกันอันตรายต่อดวงตา
▫️หากตาแห้งควรหยอดตา
▫️เลี่ยงการใช้ contact lens
▫️สวมแว่นกันแดด

9. วิธีการดูแลริมฝีปาก
▫️อาการปากแห้งนิด ๆ เป็นสัญญาณดีที่อยากให้มี บอกถึงการตอบสนองของยา
▫️ควรทาลิปมันหรือวาสลีนบ่อย ๆ และควรผสม SPF อย่างน้อย 15-30

10. งดบริจาคเลือดในระหว่างรับประทานยา จนกระทั่งหลังหยุดยา 1 เดือน

Reference: Journal of American Academy of Dermatology 2016; 74: 945-73.

🚩 โพสนี้อยากแชร์ให้เห็นถึงข้อมูลของยากรดวิตามินเอรับประทานรักษาสิว ซึ่งเป็นยาอันตรายที่ต้องควบคุมการจ่ายในสถานพยาบาลโดยแพทย์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันพบมีการนำมาขายตามร้านยา การฝากเพื่อนซื้อ หรือวิธีการใดก็ตาม และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจเพราะกินตามเพื่อน หรือ ได้ข้อมูลมาเพียงบางมุมของยา เช่น กินแล้วหน้าใส ลดความมัน สิวหายเร็วกว่าการทายา
🚩ควรศึกษาให้ดีก่อนเกิดผลเสียที่รุนแรงตามมาจากการทานยาโดยไม่มีข้อบ่งชี้

✔️ การรักษาสิวให้หาย อาจต้องใจเย็นและให้เวลากับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
✔️ ในมุมมองของหมอในฐานะอายุรแพทย์โรคผิวหนัง ผ่านการรักษาเคสสิวรุนแรงมาไม่น้อย และพบเจอเคสสิวที่มีผลข้างเคียงรุนแรงจากการใช้ยากินตัวนี้มาก็ไม่น้อยเช่นกัน การมีโอกาสได้เห็นทั้งมุมมืดและมุมสว่าง ทำให้ตระหนักถึงความปลอดภัยก่อนจ่ายยาตัวนี้ให้คนไข้เสมอ และอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านโพสนี้ตระหนักในความปลอดภัยของตัวเองเช่นกัน
✔️ อย่ามัวกังวลว่าจะสวยช้า เอาเป็นว่าสวยช้าแต่สวยนานและปลอดภัยดีกว่าสิ่งอื่นใด
✔️ ใครกินอยู่ควรอ่าน เพื่อนใครกินควรแชร์ให้เพื่อนมาอ่านเช่นกัน

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Reference:
Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology. 2019; 12: 943-951.
Journal of American Academy of Dermatology 2016; 74: 945-73.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Oral minoxidil ช่วยเรื่องผมบาง แต่บางคนอาจเกิดขนดกที่อื่นตามมา

รูปนี้น่าสนใจ นำมาจาก Journal of American Academy of Dermatology เลยอยากมาเล่าให้ฟังสั้น ๆ ค่ะ

Oral minoxidil เป็นยาที่ FDA-approved ในรักษา ภาวะความดันโลหิตสูง โดยขนาดยาที่ใช้คือ 10-40 มก/วัน และค่อย ๆ ปรับขึ้นได้ถึง 100 มก/วัน นอกจากนั้น ยังมีการนำมาใช้แบบ off-label ในการรักษาภาวะผมบางและปัญหาทางเส้นผมอื่น แต่กรณีนี้จะใช้ขนาดยาที่ต่ำลงมา คือ 0.25-5 มก/วัน เรียกว่า Low-dose oral minoxidil (LDOM)

มีการศึกษาที่เพิ่งตีพิมพ์ใน JAAD โดยทำการศึกษาในผู้ป่วย 105 คน ที่ใช้ LDOM ตั้งแต่ Jan 2019-June 2020 เพื่อรักษาภาวะผมบาง พบว่ามีสิ่งที่น่าสนใจดังนี้

• พบว่า ส่วนใหญ่ 90% เริ่มมีขนขึ้นมากกว่าปกติ หลังทาน LDOM ไปแล้วประมาณ 2-3 เดือน แต่บางคนอาจยาวนานได้ถึง 6 เดือนค่อยมีขนดกก็เป็นได้เช่นกัน

• พบว่า ยิ่งทาน dose สูงขึ้น ขนดกยิ่งเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

บริเวณที่มักมีขนขึ้นเยอะ ได้แก่
มากที่สุด ได้แก่ ขมับ และ ข้างแก้ม (70-80%)
รองลงมา คือ ต้นแขน, หนวด และเครา (30-50%)
พบไม่มาก คือ หน้าผาก, หว่างคิ้ว และแก้ม (5-20%)
ดังรูป

ส่วนใหญ่ขนขึ้นเยอะจากการทานยา minoxidil มักไม่ค่อยรุนแรง บางครั้งผู้ป่วยบางคนแทบไม่ได้กังวลใจด้วยซ้ำ

ในขณะบางคนก็อาจกังวล และได้รับการรักษาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น เลเซอร์กำจัดขน แว๊กซ์ โกน ครีมกำจัดขน ถอนขน ฯลฯ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามอะไร แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าเป็นการกำจัดขนเพียงชั่วคราว เพราะหากยังทานยาต่อก็อาจมีขนขึ้นมาใหม่ได้อีก

บางเคสลดขนาดยา minoxidil ก็ช่วยให้ภาวะขนดกนี้ดีขึ้นได้เช่นกัน แต่ก็มีส่วนน้อยที่ต้องหยุดทานยา (4%)

ดังนั้น ถ้าหากใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังและเส้นผม เพื่อให้คำแนะนำการรักษาขนที่ขึ้นเยอะจนอาจทำให้รำคาญใจ โดยที่อาจจะยังไม่จำเป็นต้องหยุดทานยาก็ได้ค่ะ

Reference:
Characterization and management of hypertrichosis induced by low-dose oral minoxidil in the treatment of hair loss.
https://www.jaad.org/article/S0190-9622(20)32594-9/fulltext

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Relizema เดอโมคอสเมติกส์ สำหรับผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและผิวแห้งคัน

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ A. Menarini ที่เชิญให้หมอได้เข้าร่วมพูดคุยเรื่อง “Atopic dermatitis” และเป็นส่วนหนึ่งในงาน Relizema Launch Symposium

งานนี้เป็นงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่สำหรับกลุ่มคนที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ หรือ โรคผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ Atopic dermatitis ที่ชื่อว่า “Relizema” ซึ่งเป็นเดอโมคอสเมติกส์กลุ่ม Skin barrier repair moisturizer อีกตัวที่น่าสนใจ

คุณสมบัติ

• ช่วยลดอาการคัน แสบแดงของผิวหนัง ที่เกิดจากกระบวนการอักเสบ
• ช่วยฟื้นฟูให้กำแพงผิวแข็งแรง
• ช่วย Maintaining & Restoring physiological skin barrier

ข้อบ่งชี้การใช้

• ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรือผิวหนังอักเสบ Mild to moderate Atopic dermatitis and erythema
• ผื่นแพ้สัมผัสทั้งชนิด Allergic and irritant contact dermatitis

ส่วนผสมหลัก

1. Antioxidant
มี Furfuryl palmitate, vitamin E
ช่วยป้องกันการทำร้ายผิวจากสารอนุมูลอิสระ

2. Emollient
มี Glyceryl stearate, Hydrogenated palydecene, Ethylhexyl palmitate, Ricinus communist seed oil, vitamin F ester
ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับกลุ่ม atopic dermatitis

3. Humectant
มี Glycerin ช่วยดูดน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นผิวได้ดี

4. Occlusive
มี Dimethicone, Caster oil
ช่วยเคลือบผิว ลดการสูญเสียน้ำ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นผิว

แชร์ประสบการณ์

ช่วยลดอาการคัน แดง อักเสบของผื่นได้ดีมาก เนื้อครีมเข้มข้น ซึมเร็ว ไม่เหนียว สามารถทาเฉพาะบริเวณผื่นคัน หรือทาทั้งตัวในคนที่ผิวแห้งมากก็ได้ แนะนำว่าทาหลังอาบน้ำจะซึมได้ดียิ่งขึ้น
สามารถใช้ได้ในเด็กอายุ 2 เดือนขึ้นไป คนท้องใช้ได้
ใครสนใจลองสอบถามได้ที่ โรงพยาบาลหรือคลินิกแพทย์เฉพาะทางผิวหนังใกล้บ้าน

Disclaimer : A.Menarini Launch Product Event

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

8 ข้อสรุปการดูแลปัญหาผิวจากอิทธิพลของฮอร์โมนและถุงน้ำรังไข่หลายใบ ‼️

ขอถือโอกาสพูดถึงความผิดปกติของผิวหนังที่พบได้ในโรคนี้สั้น ๆ เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงลักษณะที่อาจจะมีความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย ที่ควรต้องไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเพิ่มเติมนะคะ

1. ความผิดปกติของผิวหนังและเส้นผม

ในภาวะนี้เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศชายเป็นหลัก ทำให้เกิดสิว, ขนดก, ผมบาง และรอยคล้ำที่คอหรือซอกพับต่าง ๆ ตามมา นอกจากนั้นบางคนอาจมีความผิดปกติของประจำเดือนที่มาไม่สม่ำเสมอร่วมด้วย
• ดังนั้น หากมีอาการเหล่านี้ควรต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม เพราะหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ภาวะนี้อาจส่งผลในเรื่องเมตาโบลิสม เช่น เบาหวาน อ้วน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ ไขมันเกาะตับ หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ในอนาคต
(ซึ่งในโพสนี้จะกล่าวถึงเฉพาะปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น)

2. เรื่องสิว

มักรุนแรงและเรื้อรัง พบได้ทั้งที่เป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบ มักพบบริเวณใบหน้าครึ่งล่าง ตามแนวขากรรไกร คอ หน้าอก ท้อง หลังส่วนบน และพบว่าส่วนใหญ่มีหน้ามันร่วมด้วย หรือพบเป็นสิวในวัยผู้ใหญ่ และไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาด้วยยามาตรฐาน
• ดังนั้น ใครมีสิวลักษณะดังกล่าวควรพบแพทย์เพื่อตรวจเรื่องฮอร์โมนหรือถุงน้ำรังไข่เพิ่มเติม และการรักษานอกจากยามาตรฐานแล้ว อาจต้องได้รับยาในกลุ่มฮอร์โมนเพิ่มเติม เช่น ยาคุมกำเนิด OCPs, ยาปรับฮอร์โมน เช่น Spironolactone, flutamide

3. ยาปรับฮอร์โมน

ทั้ง OCPs และกลุ่มที่ไม่ใช่ยาคุม เป็นยาที่ต้องควบคุมการใช้โดยแพทย์เฉพาะทาง บางคนอาจมีข้อห้ามของการใช้ยา และอาจได้รับผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เช่น หลอดเลือดดำอุดตันในอวัยวะต่าง ๆ, สมองขาดเลือด, โรคหัวใจ, มะเร็งเต้านม, เกลือแร่ผิดปกติจนเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ หากรุนแรงอาจเสียชีวิตได้
• ดังนั้น ไม่แนะนำให้ซื้อรับประทานเอง และก่อนสั่งจ่ายยาเหล่านี้ควรพิจารณาให้ดีว่าจำเป็นหรือไม่ #เมื่อเทียบกับความเสี่ยงของยาที่ผู้ป่วยได้รับ โดยให้พิจารณาการรักษาเป็นราย ๆ

4. เรื่องขนดก (Hirsutism)

พบได้ 60% แต่บางคนอาจไม่มีขนดกก็ได้ การรักษามีหลายวิธีที่มีงานวิจัยว่าช่วยได้ ได้แก่
• ยาปรับฮอร์โมน ทั้ง OCPs และกลุ่มที่ไม่ใช่ยาคุม (คล้าย ๆ รักษาสิว) แต่ขนาดการรักษาอาจแตกต่างกัน ซึ่งแพทย์เป็นผู้พิจารณา
• ยา Metformin
• ยาทา Topical eflornithine hydrochloride ซึ่ง FDA-approved สำหรับการใช้รักษาภาวะขนดกที่หน้า

5. เลเซอร์กำจัดขน หรือ IPL

ยังมีข้อมูลวิจัยในกลุ่มคนที่เป็น PCOS ไม่มากนัก
• ดังนั้น หากใช้การรักษาด้วยวิธีนี้เพียงอย่างเดียว อาจทำให้ปัญหากลับมาได้เหมือนเดิม ในปัจจุบันยังแนะนำให้รักษาด้วยยาปรับฮอร์โมน #ควบคู่ไปด้วยกันเสมอ

6. เรื่องอาหารและการควบคุมน้ำหนัก


• ในแง่รอยดำคล้ำ พบว่าช่วยได้ดี
• ในแง่ขนดก มีบางรายงานพบว่าการจำกัดแคลอรี่และการลดน้ำหนักลง 5% ใน 4 สัปดาห์ ช่วยให้ดีขึ้นได้ 30% แต่บางงานวิจัยพบว่าไม่ได้ผล อาจลองนำไปปฏิบัติและดูผลการตอบสนองเป็นรายไป
• ในแง่สิว พบว่าสิวดีขึ้นได้ถ้าหากควบคุมอาหารจำพวกที่ทำให้น้ำตาลสูงขึ้น เพราะการเกิดสิวส่วนหนึ่งสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยระยะเวลาเห็นผลสิวยุบลงคือ ประมาณ 4-6 สัปดาห์

7. เรื่องคอดำรักแร้และข้อพับดำคล้ำ

หรือ เรียกว่า acanthosis nigricans พบว่าส่วนหนึ่งสัมพันธ์กับภาวะดื้ออินซูลินและน้ำหนักเกิน
• การรักษาหลัก คือ ลดน้ำหนัก ควบคุมระดับอินซูลินด้วยยาบางชนิด เช่น metformin, thiazolidinedione, octreotide
• กลุ่มยาทาอื่นเพื่อเสริมการรักษา เช่น
Oral isotretinoin 3 mkd
Fish oil 10-20 กรัมต่อวัน
Topical calcipotriene, retinoids, hydroquinone
Chemical peeling
Alpha lipoic acid
อย่างไรก็ตามพบว่า หากหยุดการรักษา ภาวะนี้มักกลับมาเป็นใหม่ได้อีก

8. เรื่องผมบาง

อิทธิพลของฮอร์โมนเพศชายจะทำให้ผมมีเส้นเล็กลง และปริมาณลดลงได้ ซึ่งปัญหานี้พบไม่บ่อยเท่าปัญหาอื่น แต่มีผลต่อสภาพจิตใจไม่น้อย การรักษาใช้ยาปรับฮอร์โมนเป็นหลัก เช่น ยาคุม OCPs, Spironolactone, Finasteride หรืออาจใช้ยาทาในกลุ่ม Minoxidil โดยแนะนำผู้ชาย 5% ผู้หญิง 2% ก็ได้ผลดี #แต่การตอบสนองต้องอาศัยระยะเวลาหลายเดือน
• ดังนั้น ต้องใจเย็นและหากหยุดยา ก็อาจกลับไปผมบางได้อีก

ภาวะ PCOS นอกจากจะมีปัญหาผิวหนังและเส้นผมตามข้างต้นแล้ว ยังอาจมีอาการอื่นได้อีก เช่น


• ประจำเดือนผิดปกติ
• ตรวจอัลตราซาวด์พบว่ามีถุงน้ำหลายใบในรังไข่
• เบาหวาน, ภาวะอ้วน
ซึ่งต้องอาศัยการตรวจเพิ่มเติมและร่วมดูแลของแพทย์สหสาขาวิชาชีพ เช่น หมอผิวหนัง หมอต่อมไร้ท่อ หมอสูตินรีเวช หมอมะเร็ง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต เช่น
• มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
• ความเครียดและซึมเศร้า
• ภาวะแทรกซ้อนของโรคหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจ, โรคอัมพฤกษ์

หมอผิวหนังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลโรคนี้ และจะถือเป็นด่านแรก ๆ ก็ว่าได้ที่มีส่วนช่วยในการวินิจฉัยโรค ทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากพบความผิดปกติที่ไม่แน่ใจ ก็แนะนำให้ไปตรวจเพิ่มเติมนะคะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References
Clin Cosmet Investig Dermatol 2018; 11: 407-413.
J Am Acad Dermatol 2014; 71: 859.e1-15.
Am J Clin Dermatol 2007; 8 (4): 201-219.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright ©👩🏻‍⚕️HELLO SKIN by หมอผิวหนัง