Tag Archives: aha

จำเป็นต้องมี AHA ในสกินแคร์รูทีนไหม

หากพูดถึง AHA ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีว่าเป็นกลุ่มสารผลัดเซลล์ผิว และเชื่อว่าหลายท่านมีความกลัวที่เริ่มใช้ หรือบางท่านอาจมีประสบการณ์ที่ทำให้ต้องหยุดทา เช่น หน้าแดงแสบลอก ฯลฯ ลองอ่านบทความนี้ช่วยคุณได้ค่ะ

บางคนเข้าใจว่า.. ต้องเป็นคนผิวมันเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่ผิดเลย ..!!!

อันที่จริง AHA สามารถใช้ได้ในคนที่มีผิวมันและผิวแห้ง เพราะ AHA มีคุณสมเพิ่มการอุ้มน้ำที่ผิวหนังกำพร้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มขึ้น เต่งตึงและสดใสขึ้น

บางคนเข้าใจว่า.. การใช้สกินแคร์ AHA ทาผิว จะทำให้ผิวบางลง นี่ก็เป็นความคิดที่ผิดอีกเช่นกัน !!!

เพราะการทำงานของสารผลัดเซลล์กลุ่ม AHA นั้นจะช่วยผลัดเซลล์ผิวบริเวณชั้นตื้นที่ตายแล้ว รวมทั้งสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิวให้หลุดออก โดยไม่ได้ทำให้โครงสร้างผิวหนังปกตินั้นบางลงอย่างที่หลายคนกังวลใจ นอกจากนั้นยังไปเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้สมบูรณ์ ใน 28 วัน ผลที่ได้ คือ ทำให้ผิวเนียน สีผิวสม่ำเสมอและแลดูโกลว์ดูน่ามองยิ่งขึ้น

บางคนเข้าใจว่า.. การใช้สกินแคร์ AHA จะทำให้สิวเห่อมากขึ้น จึงไม่กล้าใช้ !!!

ขออธิบายแบบนี้ค่ะ ทำความเข้าใจก่อนว่า ผิวคนที่มีแนวโน้มเป็นสิวอาจมีสิ่งที่เรียกว่า Microcomedone หรือสิวอุดตันใต้ผิวที่เรามองไม่เห็น และเมื่อเราทา AHA ลงไป สารตัวนี้จะมีคุณสมบัติไปปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังกำพร้าให้เรียงตัวดีและเป็นระเบียบมากขึ้น ส่งผลให้ช่วงแรกที่เริ่มใช้ในบางคนอาจจะมีสิวอุดตันที่ถูกผลัดให้หลุดออกมาไวขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปกดหรือบีบ และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำจะส่งผลให้สิวอุดตันที่ผิวลดลง และ รอยสิวก็จางลงได้ ดังนั้น AHA จึงเหมาะสำหรับคนที่ผิวเป็นสิวง่าย (Acne-proned skin) และการมีสิวเห่อช่วงแรกอาจไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคนเสมอไป

บางคนเข้าใจว่า.. ไม่ควรใช้ AHA นาน ๆ เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองง่ายและอ่อนแอมากขึ้น !!!

ขอแบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นใช้นาน และ ประเด็นระคายเคืองง่าย

  • AHA ใช้ต่อเนื่องยิ่งนานยิ่งได้ประโยชน์ เพราะช่วยปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังแท้และมีงานวิจัยยืนยันว่า มีการสร้าง collagen, hyaluronic acid และ glycosaminoglycans มากขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง มีความหนาขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่ผิวได้อีกด้วย
  • ส่วนการระคายเคืองผิวนั้น อาจเป็นไปได้ในกรณีที่ใช้ไม่ถูกวิธี

ขอแนะนำการใช้ AHA ในคนที่ผิวระคายเคืองง่าย แบบนี้ค่ะ

  • แนะนำให้เริ่มด้วยความเข้มข้นต่ำ ประมาณ AHA 3-3.5% เพราะเป็นความเข้มข้นที่ได้ผลตามที่เล่ามาข้างต้น และระคายเคืองน้อย ใช้ได้ทุกสภาพผิว
  • เลือกยี่ห้อที่ปราศจากสารก่อแพ้ (Free form potential cosmetic allergens)
  • pH 4.5-5.5 ซึ่งมีความเป็นกรดอ่อนใกล้เคียงผิวปกติ (Mild acidic with balanced pH)
  • ปราศจากน้ำหอม สารแต่งสี สารกันเสีย เช่น paraben, MCI/MI, SLS โลหะหนักและสารก่อแพ้ระคายเคืองอื่น ๆ ตามมาตรฐานกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
  • กรณีเริ่มใช้ช่วงแรก อาจใช้วิธี short contact คือ ทาทิ้งไว้แล้วล้างออก และค่อยทิ้งไว้นานขึ้นจนไม่ต้องล้างออก

สรุปแล้วเราจำเป็นต้องมี AHA ในสกินแคร์รูทีนไหม ?

ต้องอธิบายแบบนี้ค่ะ โดยปกติกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหนังจนกระทั่งผิวที่ตายแล้วหลุดออกไป (Skin turnover) ใช้เวลาประมาณ 28 วัน และจะใช้เวลานานขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้เซลล์ที่ตายแล้วรวมทั้งสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตกค้างที่ผิว เกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ สิวอุดตัน ผิวไม่เรียบใสเหมือนสมัยวัยเด็ก

ดังนั้น หากเราต้องการทำให้ผิวย้อนวัยกลับไปขาวเนียนใส เราจึงต้องอาศัยตัวช่วยที่สามารถเพิ่ม skin turnover rate ให้เร็วขึ้น เพื่อให้กลไลการผลัดเซลล์ผิวมีระยะเวลาใกล้เคียงเดิม ซึ่งหนึ่งในสารผลัดเซลล์ผิวที่ช่วยได้ดี ก็คือ AHA หรือ α-hydroxyacids

PRACTICAL POINT

นอกจากนั้น AHA ยังสามารถใช้ร่วมกับ active ingredients อื่น ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการดูแลผิวให้ดียิ่งขึ้นได้ เช่น

หากเน้นเรื่องริ้วรอย อาจใช้ AHA ร่วมกับ topical vitamin A, antioxidants ต่าง ๆ

หากเน้นเรื่องฝ้า หมองคล้ำ อาจใช้ AHA ร่วมกับ bleaching agents เช่น licorice, arbutin, kojic acid, ascorbic acid เป็นต้น

ใครเริ่มเร็ว คนนั้นสวยหล่อก่อนนะ

ด้วยความปรารถนาดี

—————————–

References

Clin Dermatol. 2009 Sep-Oct;27(5):495-501.

Am J Clin Dermatol 2010; 11: 95-102.

J Dtsch Dermatol Ges. 2012 Jul;10(7):488-91.

Postepy Hig Med Dosw (Online). 2015 Mar 22;69:374-83.

J Clin Aesthet Dermatol. 2016;9(11):40-43.

Molecules. 2018 Apr 10;23(4):863.

J Am Acad Dermatol 2019; 81: 313-24.

—————————–

In collaboration with Dr.Jak 3.5% swiss AHA

เจล AHA (Alpha Hydroxy Acid) คุณภาพสูงมาตรฐานยุโรป จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์

  •  ประกอบด้วย Hexa-acid กรดสกัดจากธรรมชาติ 6 ชนิดในสัดส่วนที่เห็นผลและไม่ระคายเคือง ได้แก่ citric acid, malic acid, glycolic acid, lactic acid, pyruvic acid, tartaric acid
  •  ปราศจากน้ำหอม สารแต่งสี สารกันเสีย เช่น paraben, MCI/MI, SLS
  •  ปราศจากโลหะหนักและสารก่อแพ้ระคายเคืองอื่น ๆ ตามมาตรฐานกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
  •  ปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly product)
  •  pH 4.5 เป็นกรดอ่อน ๆ เหมาะกับทุกสภาพผิว  

วิธีใช้ ทาเจลลงบนผิว เลี่ยงบริเวณรอบดวงตา

ไม่ควรใช้บริเวณที่มีผื่นแดง แห้งคัน แผลเปิด

สามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

https://shp.ee/jre9kka
https://s.lazada.co.th/s.8u88e

—————————–

รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

เช็คลิสต์สกินแคร์สำหรับคนผิวมันรูขุมขนกว้าง ‼️

จากบทความตอนที่แล้ว ทำให้ทราบว่ารูขุมขนกว้างนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
• มีการผลิตน้ำมันผิวมากขึ้น
• ขนเส้นใหญ่และหนา
• โครงสร้างผิวเสื่อมและหย่อนคล้อย
• พันธุกรรมและฮอร์โมน
• แสงแดด
• การเป็นสิวอุดตันบ่อย ๆ

สามารถอ่านทบทวนได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ

คราวนี้มาคุยกันต่อเฉพาะในกรณีของคนที่รูขุมขนกว้างและหน้ามัน ว่าควรเลือกสกินแคร์และดูแลผิวอย่างไรบ้างเพื่อให้ผิวดูเนียนขึ้น ?

1. การเลือก Sunscreen
แสงแดดทำให้โครงสร้างของผิวเสื่อมลงและความยืดหยุ่นลดลง เป็นเหตุให้โครงสร้างผิวที่คอยพยุงรอบรูขุมขนเกิดการหย่อนคล้อย ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นตามมา ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องเผชิญกับแสงแดดในทุกวัน
🌟 ดังนั้น ครีมกันแดดจึงเป็นไอเทมที่ควรมี และแนะนำให้ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ โดย AAD แนะนำอย่างน้อย SPF 30, PA+++ ขึ้นไป

2. สกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว AHA
มีข้อมูลพบว่า ช่วยทำให้รูขุมขนดูเล็กลงได้ในคนที่ผิวมัน (Oily skin) โดยมีคุณสมบัติ คือ
✔️ เสริมการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอุดตันในของรูขุมขน ช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น และลดการเกิดสิวอุดตันตามมา
✔️ ผิวเนียนเรียบ ดูโกลว์ขึ้น
✔️ เพิ่มการอุ้มน้ำที่ผิวหนังกำพร้า ช่วยเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้น
✔️ ในระยะยาวช่วยเสริมการปรับโครงสร้างผิวในชั้นหนังแท้ ช่วยให้แข็งแรงและริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง อายุผิวดูลดลง
🌟 AHA ที่ได้จากกรดผลไม้ มีความอ่อนโยน เช่น
• Glycolic acid โมเลกุลเล็กสุด ได้ผลค่อนข้างดี จึงนิยมใช้ผสมในสกินแคร์มากที่สุด
• Lactic acid โครงสร้างและโมเลกุลใกล้เคียงกับ Glycolic acid จึงเป็นคู่แข่งที่สำคัญ
• Mandelic, Tartaric, Malic ค่อนข้างอ่อน จึงนิยมใช้เพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่าผลัดเซลล์ผิว
🌟 ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมข้างต้นมากมายในท้องตลาด แนะนำให้เลือกดูผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี
🌟 ควรระวังการระคายเคืองในคนผิวแห้ง (Dry skin), ผิวที่ระคายเคืองง่าย (Sensitive skin) และคนใช้ยารักษาสิวอยู่ด้วย เช่น Retinoid cream, Benzyl peroxide โดยแนะนำให้เลือกสกินแคร์ที่อ่อนโยนกับผิว และไม่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน เพื่อลดการเกิดปัญหาสิวตามมา
🌟 ยกตัวอย่างสกินแคร์กลุ่มนี้ เช่น Eucerin Poreless Solution Pore Minimizer Serum มีส่วนผสมของ Glycolic acid + Lactic acid ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ และผสม Glycerin, Sodium hyaluronate ช่วยลดการระคายเคืองได้ จึงเหมาะกับผิวบอบบาง ผิวเป็นสิวง่าย ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างร่วมด้วย

3. การเลือก Vitamin A derivatives
ในกรณีที่ผิวมันและมีสิวด้วย อาจเพิ่มสกินแคร์ในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอร่วมด้วยได้ เช่น retinol, retinyl palmitate โดยแนะนำทาช่วงก่อนนอน และระมัดระวังการใช้เพราะอาจระคายเคืองได้
🌟 ไม่แนะนำให้ใช้ในคนท้องหรือให้นมบุตร
🌟 หากเป็นกลุ่ม Prescribed medication แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางร่วมด้วย

4. การเลือก Moisturizer
ถ้าหากรูขุมขนมีสิ่งที่ก่อให้อุดตัน จะทำให้รูขุมขนยิ่งดูใหญ่และสังเกตเห็นได้ชัดขึ้น
🌟 ดังนั้น แนะนำเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นกลุ่ม non-comedogenic, oil free skincare โดยอาจเลือกเป็นพวก Humectant ก็จะเหมาะกับคนผิวมันมากกว่าพวก Oil-based product

5. การเลือก Cleanser
ควรล้างหน้าให้สะอาด จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และยังช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย
🌟 แนะนำ Gel-based cleanser จะเหมาะกว่า Oil-based หรือ Alcohol-based cleanser
🌟 ตอนเช้าอาจใช้เป็น Gentle, non-comedogenic cleanser
🌟 ตอนเย็นอาจใช้เป็น Salicylic cleanser
🌟 แนะนำใช้น้ำสะอาดที่อุณหภูมิปกติหรืออุ่นเล็กน้อย ไม่แนะนำให้ใช้น้ำร้อนล้างหน้า เพราะอาจจะระคายเคืองผิวและทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้นได้
🌟 แนะนำล้างหน้าเบา ๆ วนตามรูขุมขนด้วยความนุ่มนวลจะดีที่สุดค่ะ

❌❌ ไม่แนะนำให้สครับผิว
การสครับผิวหน้า การบีบหรือแกะสิว อาจก่อการระคายเคืองและเกิดการอักเสบตามมา หากผิวหนังเกิดการอักเสบก็จะยิ่งทำให้รูขุมขนยิ่งดูชัดขึ้น

หากใครที่มีผิวมัน มีสิว และรู้สึกว่าตัวเองรูขุมขนกว้าง อยากให้ลองปรับการดูแลผิว & ปรับสกินแคร์ดูแลผิวตามวิธีข้างต้น และถ้าคิดว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือยังไม่ดีขึ้น ก็แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อพิจารณาการรักษาด้วยเครื่องมือหรือเทคโนโลยีวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติมค่ะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

References
J Cosmet Dermatol. 2019;1–7.
Cutis. 2016 Jul;98(1):33-6.
J Clin Aesthet Dermatol. 2017;10(2):45-51.
Dermatol Surg 2016;42:277–285.
Skin Res Technol. 2013 Feb;19(1):e45-53.
American Academy of Dermatology

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

Product mentioned
🌟 Eucerin Poreless Solution Pore Minimizer Serum
✔️ นวัตกรรม 2X action มี Lactic acid + Glycolic acd ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน รูขุมขนแลดูกระชับ พร้อมลดการเกิดสิวอุดตัน
✔️ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ปรับสมดุลให้ผิวเรียบเนียน
✔️ ผ่านการทดสอบในอาสาสมัครชาวไทย 93% ของผู้ใช้พบว่ารูขุมขนดูดีขึ้น ใน 4 สัปดาห์
✔️ เหมาะสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย
✔️ Non-comedogenic tested ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เนื้อบางเบา ซึมไว

Disclaimer: Sponsored content by Eucerin
บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Review of AHA & BHA

Skincare Regimen for Glowing skin

ทุกคนก็อยากมีผิวสวยใส แลดูเด็กกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน วันนี้จะมาบอกเคล็ดลับเน้นๆ เพื่อความมีผิวใส เนียนเรียบ เงาวับราวเคลือบแก้ว หรือที่เรียกว่า Glowing skin หรือ Dewy skin นั่นเอง

ทำความเข้าใจกันก่อนว่า โดยปกติกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหนังจนกระทั่งผิวที่ตายแล้วหลุดออกไป ใช้เวลาประมาณ 28 วัน เรียกว่า Skin turnover และจะใช้เวลานานขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุของเราที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหตุให้เซลล์ที่ตายแล้วรวมทั้งสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตกค้างและหมักหมมอยู่ที่ผิว เกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ผิวไม่เรียบใสเหมือนสมัยวัยเด็ก

ดังนั้น หากเราต้องการทำให้ผิวย้อนวัยกลับไปขาวเนียนใส เราจึงต้องอาศัยตัวช่วยที่สามารถเพิ่ม Skin turnover ให้เร็วขึ้น เพื่อให้กลไลการผลัดเซลล์ผิวมีระยะเวลาใกล้เคียงเดิม

วันนี้จะคุยกันเรื่อง การผลัดเซลล์ผิว ซึ่งหมอเคยเขียนไปบางส่วนในโพสแปรงล้างหน้าไฟฟ้า ซึ่งอันนั้นเป็น Physical exfoliants คราวนี้จะเป็นกลุ่ม Chemical exfoliants ก็คือการใช้สารที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวชั้นตื้นที่ตายแล้ว รวมทั้งสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิวให้หลุดออก โดยไม่ได้ทำให้โครงสร้างผิวหนังปกตินั้นบางลงอย่างที่หลายคนกังวลใจ วิธีนี้เป็นวิธีที่หมอผิวหนังส่วนมากแนะนำ เนื่องจากสามารถหลีกเลี่ยงการ “Over-scrub” ที่มักจะพบได้บ่อยกว่าจากการใช้วิธี Physical exfoliants

สารที่ใช้ผลัดเซลล์ผิวที่มักผสมในเครื่องสำอางที่พบเจอบ่อย ๆ ได้แก่

AHA (Alpha Hydroxy Acid)

BHA (Beta Hydroxy Acid)

มาทำความรู้จักกันว่าต่างกันอย่างไร

AHA มีหลายชนิด มีทั้งที่ได้จากธรรมชาติ เช่น กรดผลไม้ต่าง ๆ และได้จากการสังเคราะห์

สามารถละลายได้ดีในน้ำ มีคุณสมบัติเด่นคือ

เพิ่มการอุ้มน้ำที่ผิวหนังกำพร้า (Water holding capacity of epidermis)

ผลที่ตามมา คือ ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มขึ้น เต่งตึงและสดใสขึ้น

ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Induced desquamation)

ผลที่ตามมา คือ ทำให้ผิวเนียนเรียบ ใส ดูออร่าเหมือนสาวเกาหลีหน้าเซรามิค (Glass skin)

ปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังกำพร้าให้เรียงตัวดี และเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้สมบูรณ์ ใน 28 วัน (Normalizetion of epidermal differentiation, keratolytic effect)

หากดูรูปประกอบในสไลด์จะเห็นว่าเมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการนี้จะใช้เวลานานขึ้น ดังนั้นจึงเสมือนเป็นการปรับกระบวนการผิวให้ย้อนวัยนั่นเอง

ปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังแท้ (Dermal changes) จากผลการใช้ระยะยาวหลายเดือน

ผลที่ตามมา มีงานวิจัยยืนยันว่า มีการสร้าง collagen, hyarulonic acid และ glycosaminoglycans มากขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง มีความหนาขึ้น ริ้วรอยลดลง และดูอ่อนกว่าวัย (Youthful looking and antiaging effect)

💯ดังนั้น AHA เหมาะสำหรับคนที่ปัญหาผิว

▫️ผิวแห้ง (Xerosis)

▫️ผิวที่เป็นสิวอุดตันง่าย (Acne-prone skin)

▫️ปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่ขาวใส อยาก Rejuvenation

▫️ปัญหาผิวหนังที่เกิดจากความเสื่อมตามวัย (Aging skin) เช่น ริ้วรอย ฝ้า สีผิวไม่สม่ำเสมอ

▫️โรคผิวหนัง seborrheic keratosis, actinic keratosis, icthyosis, solar lentigine

🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸

BHA เช่น Salicylic acid, Lipohydroxy acid

ละลายได้ดีในไขมัน มีคุณสมบัติเด่นคือ

ซึมผ่านบริเวณรูขุมขนลงไปผิวหนังชั้นที่ลึกกว่าได้ (Deep penetration through the lipid barrier of epidermis) ซึ่งเป็นสิ่งที่ AHA ทำไม่ได้

ละลายสิวที่อุดตัน (Comedolytic effect)

ผลที่ตามมา คือ ทำให้สิวอุดตันลดลง

ลดการสร้าง sebum (Minimized sebum production)

ผลที่ตามมา คือ ควบคุมความมันของผิว

ออกฤทธิ์ลดการอักเสบได้ (Anti inflammatory effect)

ผลที่ตามมา คือ ช่วยลดการอักเสบของสิว ส่งผลให้เกิดรอยดำหลังการเกิดสิวลดลงตามมา

💯ดังนั้น BHA เหมาะสำหรับคนที่ปัญหาผิว

▫️สิวทุกชนิด ทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน (Inflammatory and comedonal acne)

▫️หน้ามัน (Oily skin)

ถึงตรงนี้น่าจะพอเข้าใจแล้วว่า AHA และ BHA แตกต่างกันอย่างไร และใครควรเลือกใช้อะไร

🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸

👩🏻‍⚕️ มาถึงช่วงตอบคำถามจากโพสค่ะ

💯 ความเข้มข้นที่เหมาะสมใน Skincare ควรเท่าไหร่ดี

: กรณีผสมในผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์ ความเข้มข้นที่ปลอดภัยและได้ผลของ AHA คือ 3-15% และ BHA คือ 1-2% โดยพบว่า 3% AHA ออกฤทธิ์ได้ 1-3 ชั้นของ epidermis และหากเพิ่มเข้มข้นขึ้นจนถึง 10% จะสามารถออกฤทธิ์ได้ลงลึกครบทุกชั้นของ epidermis

หากสูงกว่านั้นถือเป็นหัตถการที่ควรทำด้วยความระมัดระวังโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ

โดยที่ความเข้มข้นที่สูงขั้น จะให้ผลที่เร็วกว่า แต่อะไรก็ตามผลข้างเคียงที่ตามมาก็มากขึ้นด้วย

💯 AHA ที่ได้จากผลไม้แต่ละชนิด แตกต่างกันหรือไม่ ในการใช้ผลัดเซลล์ผิว

หากดูแล้วแต่ละตัวจะมีความต่างกันอย่างไรในแง่ของค่า pKa และ โมเลกุล

: หลักการของค่า pKa คือ ยิ่งต่ำ ยิ่งมีความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวได้มากกว่า (เมื่อเทียบความเข้มข้นเท่ากัน)

: หลักการของโมเลกุล ยิ่งเล็ก ยิ่งมี bioavailability ดี

🍍Citric acid มี pKa ต่ำที่สุด คือ 3.09 และนิยมนำมาใช้เป็น pH adjuster เพื่อปรับ pH ให้เหมาะสมกับการออกฤทธิ์ของสารต่าง ๆ

🍍Glycolic มีโมเลกุลเล็กสุดและไม่ซับซ้อนที่สุด ซึ่งมีผลให้ bioavailability ดีที่สุด จึงนิยมใช้เป็น gold standard ในการผลัดเซลล์ผิว รักษาริ้วรอยและความหมองคล้ำ superficial hyperpigmentation, fine line, mild to moderate photoaging skin

🍍Lactic โครงสร้างคล้าย Glycolic และโมเลกุลใกล้เคียงกัน pKa ใกล้เคียงกัน จึงเป็นคู่แข่งสำคัญในการนำมาใช้เทียบกับ Glycolic

🍍Mandelic, Tartaric, Malic ค่อนข้างอ่อน นิยมใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น มากกว่าผลัดเซลล์ผิว

💯 AHA แต่ละตัวต่างกันหรือไม่ ในการใช้ในระยะยาว

: มีงานวิจัยรับรองว่า ทุกตัวออกฤทธิ์คล้ายกันดังที่กล่าวไปข้างต้น

แต่การใช้อย่างต่อเนื่องระยะยาว จะมีความโดดเด่นในการกระตุ้นโครงสร้างในชั้นผิวหนังแท้ต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อฤทธิ์ในการทำให้ผิวอ่อนเยาว์ (antiaging effect) ได้แก่

🍓Lactic acid เด่นเรื่อง Ceramide synthesis

🍋Glycolic acid เด่นเรื่อง Collagen synthesis, fibroblast proliferation

🍊Citric acid เด่นเรื่อง GAGs synthesis, antiaging effect, pH adjuster

ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ใดมีส่วนประกอบครบถ้วน ในปริมาณที่เหมาะสม และในรูปแบบที่เสถียรและ slow release ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า

💯 ใช้ AHA และ BHA ร่วมกันได้หรือไม่ และหากไม่เคยใช้ควรเริ่มต้นอย่างไร

: ใช้ร่วมกันได้ค่ะ แนะนำว่าควรเลือกตามสภาพปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข บางท่านอาจจำเป็นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ปัญหาผิวของบางท่านจำเป็นต้องใช้ทั้งสองอย่างค่ะ

: สิ่งที่แนะนำที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิวและช่วยดูว่าต้องแก้ไขอะไรบ้าง หากเริ่มใช้อาจลองในความเข้มข้นต่ำ ทดสอบอาการแพ้ระคายเคืองที่ผิวหนังบางจุดก่อน เช่น ไรผม หน้าหู เป็นต้น

💯 AHA และ BHA จะออกฤทธิ์เสริม (synergistic effect) กับการทาร่วมกับยาทาหรือครีมอื่นอะไรได้บ้าง

🦠 การใช้ lactic acid and its ammonium salt คู่กับ topical corticosteroids ช่วยป้องกัน dermal atrophy ได้

🦠 การเริ่มทา topical retinoids นำไปก่อน 2 สัปดาห์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AHA, BHA มากขึ้น

🦠 การทา AHA จะทำให้ pH ที่ผิวต่ำลง ทำให้ topical ascorbic acid ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น แต่ในทางกลับกัน อาจต้องเว้นระยะอย่างน้อย 10-15 นาทีก่อนการทาสกินแคร์ตัวอื่นต่อ ทั้งนี้เพื่อรอให้ pH ที่ผิวกลับมาเป็นปกติก่อน

💯 หากทา AHA แล้วเกิดการระคายเคือง แสบ แดง ลอก ทำอย่างไร

อันดับแรกควรหยุดใช้ และไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา

: หากเป็นจากการแพ้ ควรหยุดใช้

: หากเป็นจากการระคายเคือง ทำได้โดยลดความเข้มข้น, ลองทาเฉพาะบางบริเวณ, ใช้รูปแบบที่เป็น slow release เพื่อลดการระคายเคืองได้ ทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นร่วมด้วย และควรทาครีมกันแดดในทุกเช้าเพื่อลดการระคายเคืองและผิวหมองคล้ำจากแสงแดด

💯 ยี่ห้อไหนดี

: การตัดสินใจซื้อครีมสักชิ้นคงต้องขึ้นกับหลายปัจจัยรวมทั้งความพึงพอใจส่วนบุคคล เช่น ต้องการประสิทธิภาพดีที่สุดตามหลักการทุกอย่าง ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน มีชื่อเสียงยอมรับ บรรจุภัณฑ์ดี ชนิดของเนื้อครีมที่เหมาะกับผิว เช่น เจล ซีรั่ม โลชั่น ครีม รวมทั้งราคา โดยผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ๆ ก็มักจะมีการปรับในเรื่องของเทคโนโลยีการลดระคายเคืองให้น้อยที่สุด เนื้อครีมเสถียรคงตัวมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพให้ได้ตามหลักการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงราคาที่ต้องมากขึ้นไปด้วยตามลำดับ

วันนี้ทุกคนก็ได้ทราบหลักการแล้ว สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความเหมาะสมของสภาพปัญหาผิวที่มี หากมีประเด็นที่สงสัยสามารถคอมเม้นต์ถามได้ แล้วหมอจะมาตอบในโพสหน้านะคะ

💯 อยากทราบผลิตภัณฑ์ AHA BHA ที่คุณหมอใช้

: ตอนนี้ใช้อยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งคิดว่าโอเคมาก ๆ ไว้จะมาเล่าให้ฟังในช่วง Skincare Battle ขอเวลาเขียนสองวันนะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

References

Australasian Journal of Dermatology (2017) doi: 10.1111/ajd.12715

Molecules 2018; 23, 863 doi: 10.3390/molecules23040863

J Am Acad Dermatol 2019; 81: 313-24.

Am J Clin Dermatol 2010; 11: 95-102.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.