Category Archives: Dermatosurgery

ดูแลแผลสดอย่างไรให้สมานไว

เชื่อว่าเวลาเกิดบาดแผล หลายคนมักจะนึกถึงการหายาฆ่าเชื้อมาทา เช่น Alcohol, Betadine, H2O2, Chlorhexidine โดยหารู้ไม่ว่าสารเหล่านี้อาจทำลายเนื้อเยื่อบริเวณแผลได้ และความจริงแล้วอาจไม่จำเป็นเท่าการล้างแผลให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อและการดูแลแผลให้สมานและหายเร็วโดยเกิดรอยดำหรือแผลเป็นนูน ให้น้อยที่สุด

บางคนยังมีความเข้าใจที่ยังไม่ถูกเท่าที่ควร โพสต์นี้จึงอยากเล่าให้ฟังถึงวิธีการดูแลแผลสดให้เข้าใจอย่างง่าย

แผลที่เกิดขึ้นภายในไม่เกิน 30 วันจัดเป็น แผลเฉียบพลัน (Acute wound) เช่น แผลจากอุบัติเหตุ หรือ แผลจากการผ่าตัด ซึ่งความรุนแรงแตกต่างกันไป บางคนอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนหรืออาจมีการสูญเสียเนื้อเยื่อผิวบางส่วนก็ได้

แผลสด

กรณีแผลสดที่ลึกไม่เกินชั้นหนังแท้ (dermis) จะสามารถสมานเองได้ โดยมีขั้นตอน 4 อย่าง ได้แก่

การสมานแผล

ขั้นตอน 1 กระบวนการหยุดเลือด

เส้นเลือดจะมีการหดตัว และมีการจับกลุ่มขอบเกล็ดเลือดบริเวณแผล เพื่อให้เลือดหยุด นอกจากนั้นยังมีการหลั่งสาร cytokines ต่าง ๆ มาช่วยในกระบวนการนี้

ขั้นตอน 2 กระบวนการอักเสบ

เกิดการกระตุ้นการเกิดอักเสบ ทำให้มีอาการปวด บวม แดง ร้อน ตามมาได้ ระยะนี้เซลล์เม็ดเลือดขาวต่าง ๆ จะออกมากระจุกที่แผลเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรคและเนื้อตาย

ขั้นตอน 3 กระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

ประกอบด้วย Ground substance, granulation tissue, เส้นเลือด มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาปกคลุมบริเวณแผล ซึ่งขั้นตอนนี้จะเกิดได้ดีเมื่อแผลอยู่สภาวะความชื้นที่เหมาะสม ไม่แห้ง ไม่มีสะเก็ดหรือเนื้อตายมาขวางอยู่

ขั้นตอน 4 กระบวนการปรับสมดุลโครงสร้างของแผล

จะมีการหดตัวของแผล และ เส้นใยคอลลาเจนมีการเรียงตัวสวยงาม ทำให้แผลแบนราบลง ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาช้าเร็วในแต่ละคนแตกต่างกัน

โดยปกติเมื่อเกิดบาดแผลเฉียบพลัน (Acute wound) ที่ไม่รุนแรงมาก แนะนำดังนี้ค่ะ

วิธีดูแลแผลสด
  1. ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำเกลือ ตรงนี้สามารถทำเองที่บ้านได้ ยกเว้นถ้าแผลใหญ่ รุนแรง สกปรก อาจต้องพบแพทย์เพื่อทำการ debridement ร่วมด้วยค่ะ
  2. หลังจากนั้นแนะนำให้ใช้ Wound Dressing ที่เหมาะสม แนะนำให้เลือกตามชนิดแผลและคุณสมบัติ แนะนำให้ใช้กลุ่มวัสดุที่ช่วยควบคุมความชื้นให้เหมาะสมได้ด้วย ยกตัวอย่าง

กรณีแผลมีน้ำเหลืองแฉะมาก

อาจเลือก Foams, alginates, hydrofibers เพราะช่วยดูดซับสารคัดหลั่งได้ดี

กรณีแผลเล็กน้อย ค่อนแห้ง

อาจเลือก Hydrocolloids, hydrogel กลุ่มนี้ยึดติดพื้นผิวดี และช่วยป้องกันแผลจากการปนเปื้อนของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคจากภายนอก

กรณีแผลมีน้ำเหลืองนิดหน่อย

เช่น แผลหลังทำเลเซอร์กลุ่ม resurfacing แผลผิวหนังอักเสบจากการแพ้ระคายเคือง แผลมีดบาด แผลไฟไหม้หรือแผลถลอกตื้น ๆ (partial to full-thickness skin depth) เป็นต้น อาจเลือกเป็น Hydrogels ซึ่งเป็น semipermeable semitransparent polymer gel ช่วยดูดซับน้ำเหลืองได้นิดหน่อย ข้อดี คือ ช่วยเพิ่มความชื้นให้แผลที่แห้งได้ดี ซึ่งทำให้กระบวนการสมานแผลทำได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดอาการปวดได้ และช่วยทำให้รู้สึกเย็นที่แผล

Wound dressing
ชนิดของ wound dressing

Hydrogel มีทั้งแบบแผ่นแปะปิดแผล และ แบบเจลทา

แบบแผ่นแปะ สามารถระเหยได้ และหลุดง่าย แนะนำให้มีวัสดุปิดยึดและทำการเปลี่ยนเมื่อแผลแห้ง

แบบเจล ใช้ง่ายสะดวก ปัจจุบันมีขายตามท้องตลาด หาซื้อง่าย

BOTTOM LINE

ถึงแม้กระบวนการหายของแผลที่ไม่รุนแรงนั้นสามารถเกิดได้เองตามธรรมชาติ แต่หากเรารู้ว่าต้องดูแลแผลอย่างไรอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้แผลสมานไวขึ้น แผลหายเร็วและทิ้งร่อยรอยเอาไว้น้อยที่สุดหรือหายเนียนเหมือนผิวปกติเลยก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องขึ้นกับผิวแต่ละบุคคลซึ่งอาจแตกต่างกันไป

—————————–

References

J Int Med Res. 2009 Sep-Oct;37(5):1528-42.

Open Biol. 2020 Sep;10(9):200223.

Biomedicines. 2021 Sep 16;9(9):1235.

—————————–

[Advertorial]

Dermatix Wound Care หรือเรียกง่ายๆว่า ไฮโดรเจลสมานแผล

ส่วนประกอบสำคัญ

  • Carbomer Intelligent Hydrogel นวัตกรรมไฮโดรเจล ช่วยควบคุมระดับความชื้นให้เหมาะสมกับการสมานแผล
  • Carnosine กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ เส้นเลือด เส้นใยคอลลาเจน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • Emoillients ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ได้แก่ cetrearyl ethylhexanoate, isopropyl myristate stearyl heptonoate, stearyl caprylate

เหมาะกับใช้ทาแผลถลอก แผลอักเสบ แผลถูกบาด แผลไหม้ที่ไม่รุนแรง แผลน้ำร้อนลวก แผลมอเตอร์ไซค์ล้ม

ปราศจากพาราเบน

Dermatix wound care

—————————–

อ่านบทความย้อนหลังที่

รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

 

 

 

 

ซิลิโคนเจลชนิดทา..มีวิธีเลือกใช้อย่างไรดี

วันนี้มีคนไข้ที่ตัดไฝและนัดมาตัดไหมหลายคนเลย ทุกคนถามด้วยคำถามเดียวกันว่า ทาอะไรป้องกันแผลเป็นนูนได้บ้างคะ/ครับคุณหมอ ‼️

หมอเคยเขียนเรื่อง #การรักษาแผลเป็นนูนคีลอยด์ ไปแล้วก่อนนี้ สามารถกลับไปทบทวนได้ค่ะ ในลิ้งค์นี้เลย
https://www.facebook.com/476743752739537/posts/959204974493410/?extid=0&d=n

วันนี้เลยจะมาเล่าเพิ่มเติมนิดหน่อยว่า กรณีที่เกิดแผล แกะสิว หรือ หลังทำเลเซอร์ หลังผ่าตัด เราจะใช้ซิลโคนเจลอย่างไรดีเพื่อ ลดโอกาสการเกิดแผลเป็นนูนคีลอยด์ได้ในอนาคต

1. วิธีที่สามารถดูแลตัวเองเองเบื้องต้นที่บ้านได้สะดวกและปลอดภัยที่สุด คือ การทาหรือแปะแผ่นซิลิโคนเจล
ดังนั้น หากลองแล้วประมาณ 2-3 เดือน ไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อพิจารณาปรับการรักษาวิธีอื่นตามความเหมาะสม

2. ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาแผลเป็นนูนคีลอยด์ที่ได้ผลดีที่สุด การใช้หลายวิธีร่วมกันก็ยังคงเป็นสิ่งที่แนะนำเสมอ ร่วมกับ การรักษาแผลอย่างถูกวิธี
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ ระวังการเกิดบาดแผลโดยเฉพาะบริเวณที่มักเกิดแผลเป็นนูนได้บ่อย เช่น หน้าอก ไหล่ หลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นสิวและชอบแกะเกา เป็นต้น

3. ซิลิโคนเจล สามารถใช้แบบชนิดทา หรือ แบบแผ่นแปะก็ได้ หากใช้อย่างถูกวิธีจะได้ผลการรักษาใกล้เคียงกัน แบบชนิดทาจะช่วยลดอาการคันได้ดีกว่าแบบแปะนิดหน่อย แต่ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้น ใช้อะไรก็ได้ตามความสะดวก แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี

4. กลไกป้องกันและรักษาแผลเป็นนูนคีลอยด์ของซิลิโคนเจล คือ เพิ่มความชื้นและลดการระเหยน้ำจากแผลเป็นคีลอยด์ ช่วยลดการทำงานของไฟโบรบลาส ลดการสร้างคอลลาเจนที่ผิดปกติ ทำให้แผลเป็นนุ่มขึ้นและแบนราบขึ้น
ดังนั้น การใช้ซิลิโคนเจล จึงแนะนำให้ทาต่อเนื่องอย่างน้อย 6-12 เดือนหลังแผลหาย เพราะถึงแม้ผิวด้านบนดูสมานดี แต่ด้านล่างยังคงมีกระบวนการซ่อมแซมผิวอย่างต่อเนื่องอยู่

5. การใช้ซิลิโคนแบบแผ่นแปะให้ได้ผล ควรแปะแผ่นซิลิโคนเจลต่อเนื่อง อย่างน้อยวันละ 12 ชั่วโมง นานอย่างน้อย 6-12 เดือน ขึ้นกับงานวิจัย และเลือกแปะบริเวณที่สะดวก เลื่อนหลุดได้ยากหน่อย เช่น หลัง อก เป็นต้น
ดังนั้น บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น มือ เข่า ศอก หรือบริเวณใบหน้าที่ต้องคำนึงถึงความสวยงามร่วมด้วย ก็อาจไปใช้ชนิดทาจะเหมาะสมกว่า

6. การใช้ซิลิโคนเจลรูปแบบทา ให้เริ่มทาตั้งแต่ตอนที่แผลแห้งและปิดสนิทมีสีชมพู หรือหลังตัดไหมแล้ว โดยทาเช้าเย็น ปาดครั้งเดียว ไม่ต้องถูไปมา หลังทาแล้วจะแห้งเหมือนฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวไว้
ดังนั้น แนะนำว่าหลังทาแล้วควรปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง 3-5 นาที ก่อนจะแต่งหน้าหรือใส่เสื้อผ้าทับ เพื่อป้องกันการลอกหลุดของเจล และหากเวลารีบด่วนอาจใช้ไดร์หรือพัดลมเป่าช่วยแห้งเร็วขึ้นได้

7. ส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลแผลเป็นในซิลิโคนเจล ได้ก็อย่างเช่น
Vitamin C : ช่วยปรับสีของแผลเป็นให้จางลง
Vitamin E : ช่วยลดการอักเสบและสมานแผล แผลนุ่มชุ่มชื้น
Moisturizer : ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวเพื่อรักษารอยแผลเป็นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น glycerin, allantoin
ดังนั้น ลองเลือกดูตามความเหมาะสม

8. ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์กลุ่มที่เป็น ซิลิโคนเจลที่ใช้ได้มีหลายยี่ห้อ เช่น

Strataderm & Stratamed
มี Polydimethylsikoxanes, Slioxanas, Alkylmethyl Silicones
Hiruscar Silicone Pro
มี MPS, VitC
Smooth E Scar Silicone Gel
มี Cyclopentaxyloxane, dimethicone
Dermatix Ultra
มี Cyclopentaxyloxane, VitC
Provamed Scar Silicone
มี Cyclopentaxyloxane (CPX), vitC, vitE
Vitara Ultra Silicone gel
มี Cyclopentaxyloxane (CPX), vitC, vitE
Kelosil Silicone Scar gel
มี Dimethylpolysiloxane (DPX) และ Cydopentasiloxane (CPX), VitC
Actewound SI silicone gel
มี Cyclopentasiloxane, Polydimethylsiloxane
Clenascar silicone gel
มี Cyclopentaxyloxane (CPX), vitC

9. การทาซิลิโคนเจลเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการป้องกันและรักษาแผลเป็นนูนคีลอยด์ที่สามารถทำได้เองไม่ยากในระยะเริ่มแรก อาจลองเลือกผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ดูตามความชอบเนื้อสัมผัส, ส่วนผสมอื่นเพิ่มเติม รวมทั้งงบประมาณของแต่ละบุคคล และโดยส่วนใหญ่หากแผลเป็นมานานเกิน 6 เดือนขึ้นไป มักไม่ค่อยได้ผลกับการรักษาด้วยวิธีนี้
ดังนั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติมต่อไปค่ะ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในการดูแลสุขภาพผิวเวลาเกิดบาดแผล และโดยเฉพาะคนที่มีประวัติการเป็นแผลเป็นนูนมาก่อน ถ้าชอบบทความนี้อย่าลืม #พิมพ์หัวใจสีเขียว 💚 เป็นกำลังใจให้ตามระดับความชอบด้วยค่ะ

– No Sponsored Content –

Reference
J Clin Aesthet Dermatol. 2020;13(2):33–43.
J Cutan Aesthet Surg. 2009 Jul-Dec; 2(2): 104–106.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

12 วิธีรักษาแผลเป็นนูนคีลอยด์

Keloid prevention & treatment

♻️♻️♻️♻️♻️♻️♻️♻️♻️♻️♻️♻️

แผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์ สร้างความกังวลใจให้ผู้ป่วยไม่น้อย โพสนี้จะมาสรุปให้ฟังสั้น ๆ ว่าปัจจุบันมีวิธีการรักษาอะไร ที่ช่วยป้องกันและรักษาได้บ้าง

📣📣📣📣📣📣📣📣📣📣📣📣

  1. 📌 Silicone gel sheeting หรือ แผ่นแปะซิลิโคน หรือ มีในรูปแบบครีมเจลซิลิโคน เป็นวิธีที่ถือว่าง่ายและสะดวกสบายที่สุด
    กลไก: เพิ่มความชื้นและลดการระเหยน้ำจากแผลเป็นคีลอยด์ ช่วยลดการทำงานของไฟโบรบลาส ลดการสร้างคอลลาเจนที่ผิดปกติ

⭐️How to: ควรแปะแผ่นซิลิโคนเจลต่อเนื่อง อย่างน้อยวันละ 12 ชั่วโมง นานอย่างน้อย 6-12 เดือน ขึ้นกับงานวิจัย
ถ้าเป็นในรูปแบบเจลทา ให้เริ่มทาตั้งแต่ตอนที่แผลแห้งและปิดสนิทมีสีชมพู ทาเช้าเย็น ปาดครั้งเดียว ไม่ต้องถูไปมา

มีหลายยี่ห้อเท่าที่พอจะรู้จัก เช่น
🏳️‍🌈 Strataderm & Stratamed
[มี Polydimethylsikoxanes, Slioxanas, Alkylmethyl Silicones]
🏳️‍🌈 Hiruscar Silicone Pro
[มี MPS, VitC]
🏳️‍🌈 Smooth E Scar Silicone Gel
[มี Cyclopentaxyloxane, dimethicone]
🏳️‍🌈 Dermatix Ultra
[มี Cyclopentaxyloxane, VitC]
🏳️‍🌈 Kelosil Silicone Scar gel
[มี Cyclopentaxyloxane, VitC]
🏳️‍🌈 Clenascar gel
[มี Cyclopentaxyloxane, vitC]
🏳️‍🌈 Scar gel Cybele
[มี nanohydroxyprolisilane CN]

ยาทากลุ่มนี้หลังทาแล้วจะแห้งเหมือนฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวไว้ ควรปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง 3-5 นาที ก่อนจะแต่งหน้าหรือใส่เสื้อผ้าทับ เพื่อป้องกันการลอกหลุดของเจล

————————————————

  1. 📌 Compressive therapy หรือ การใช้อุปกรณ์เพิ่มแรงบีบอัดแผล เพื่อลดโอกาสการเกิดคีลอยด์ตามมา
    กลไก: ทำให้ fibroblast hypoxia ลดการสร้างคอลลาเจน

⭐️How to: ใช้ pressure garments ทันทีหลังจากแผลหายสนิท หรือหลังทำการผ่าตัดคีลอยด์ สามารถป้องกันการเกิดคีลอยด์ซ้ำได้ 70-95% โดยใช้ต่อเนื่อง อย่างน้อยวันละ 12 ชั่วโมง นาน 6 เดือน และใช้ pressure ขั้นต่ำ 24 mmHg แต่ไม่ควรเกิน 30 mmHg เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดได้

————————————————

  1. 📌 Intralesional corticosteroids หรือ การฉีดสารสเตอรอยด์เข้าที่คีลอยด์
    กลไก: fibroblast apoptosis

⭐️How to: ใช้ความเข้มข้น 2.5-20 mg (กรณีที่หน้า) หรือ 20-40 mg (กรณีไม่ใช่ที่หน้า)
การตอบสนองดีหรือไม่ขึ้นกับแต่ละคน ส่วนในกรณีที่ยังเป็นคีลอยด์มาไม่นาน อาจใช้รูปแบบทาด้วย High potency corticosteroids with occlusion ก็ได้ผล

ผลข้างเคียง ผิวบาง เส้นเลือดขยายตัว สีผิวด่าง

————————————————

  1. 📌 ยาทา imiquimod
    กลไก: ลด local IFN-α ผลให้ fibroblast activity ลดลง (dose-dependent manner), ลด GAG production, เพิ่ม collagenase enzyme ทำลายคอลลาเจน

⭐️How to: ใช้ 5% imiquimod cream ทาวันละครั้ง ตามหลังจากการผ่าตัดคีลอยด์
พบว่าการกลับเป็นซ้ำใน 5-6 เดือน จะมากน้อย ขึ้นกับ wound tension (ที่หูเป็นซ้ำน้อยกว่าที่ไหล่ หลัง)

ผลข้างเคียง แดง คัน ระคายเคือง ติดเชื้อ

————————————————

  1. 📌 Topical mitomycin
    มักใช้ตามหลังการผ่าตัดแผลที่แถวตา หรือ ผ่าตัดกล่องเสียง
    กลไก: decrease fibroblast proliferation

⭐️How to: ประคบแผลด้วยก๊อซชุบ 1mg/mL of mitomycin C นาน 3-5 นาทีที่แผล ทำซ้ำอีกครั้งห่างกัน 3 สัปดาห์

ผลข้างเคียง รอยด่าง ปวดแผล

————————————————

  1. 📌 Intralesional 5-FU
    มักใช้ฉีดผสมกับ corticosteroid วิธีนี้อาจได้ผลลดลงกรณีที่เป็นคีลอยด์มานานเกิน 2 ปี
    กลไก: fibroblast apoptosis, ลด TGF-β-driven collagen synthesis

⭐️How to: low dose therapy(1.4-3.5 mg/ml) หรือ ผสม 5FU กับ KA 10 mg/ml

ผลข้างเคียง ปวด บวม แดง ผิวบาง

————————————————

  1. 📌 Intralesional Interferon alpha-2b
    กลไก: antifibrotic, anti proliferation

⭐️How to: ฉีดที่ผิวหนังหลังผ่าตัดคีลอยด์ มีหลายขนาดขึ้นกับงานวิจัย 500,000-6,000,000 unit ทุก 1-2 สัปดาห์ นาน 3-10 สัปดาห์

ผลข้างเคียง flu-liked symptom
วิธีนี้บางงานวิจัยบอกไม่ได้ผล และ เป็นซ้ำบ่อย ผลข้างเคียงรุนแรงได้ จึงยังไม่นิยม

————————————————

  1. 📌 Bleomycin
    กลไก: suppress collagen synthesis by dermal fibroblasts, increase collagen turnover, and decrease the levels of lysyl-oxidase required for collagen maturation

⭐️How to: หลายวิธี tattooing, dermojet intralesional injection และ intralesional injection หรืออาจใช้ร่วมกับ electroporation therapy

————————————————

  1. 📌 Cryotherapy หรือ จี้เย็นด้วยอุณหภูมิต่ำกว่า -22°C
    กลไล: cell anoxia, cryonecrosis,
    and coagulative necrosis

⭐️How to: มีหลายแบบ spray, contact หรือ intralesional (การตอบสนองแตกต่างกัน) นิยมทำครั้งละ 2 รอบ ๆ ละ 15-20 วินาที ห่างกันทุก 3-4 สัปดาห์ อาจใช้วิธีนี้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น ฉีด ILKA

ผลข้างเคียง ปวด บวม ผิวด่าง ไม่แนะนำในคนผิวเข้ม

————————————————

  1. 📌 Radiation หรือการฉายแสง
    นิยมใช้ตามหลังการผ่าตัดคีลอยด์ ไม่แนะนำในเด็ก
    High dose rate Brachytherapy ได้ผลดีกว่า Low dose หรืออาจใช้ X-ray and electron-beam radiation therapy (EBRT)

⭐️How to: 15-20 Gy ประมาณ 5-6 ครั้ง

————————————————

  1. 📌 Laser therapy
    How to:
    มีเลเซอร์หลายชนิดที่ช่วยได้

🔰Pulsed dye laser 585-595 nm ต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผล ห่างกันทุก 4-8 สัปดาห์
ผลข้างเคียง temporary purpura, blistering, crusting, and postinflammatory pigmentary
🔰CO2 and Er:YAG lasers ก็ได้ผล ไม่นิยมมากนัก และมีรายงานการเป็นซ้ำได้บ่อยกว่า
🔰นอกจากนั้นอาจะใช้เลเซอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาวิธีอื่น เรียกว่า Laser-assisted drug delivery (LADD)

————————————————

  1. 📌 การผ่าตัด
    วิธีนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เนื่องจากต้องใช้เทคนิกและความชำนาญ และการผ่าตัดอย่างเดียวมีโอกาสเกิดคีลอยด์กลับเป็นซ้ำได้บ่อย

⭐️How to: มักต้องรักษาร่วมกับวิธีอื่น เช่น ฉีดยาสเตอรอยด์ จี้เย็น จึงจะได้ผลการรักษาดี

————————————————

👑👑👑 สรุป 👑👑👑

🚩 วิธีที่สามารถรักษาเองที่บ้านได้สะดวกและปลอดภัยที่สุด คือ การทาหรือแปะแผ่นซิลิโคนเจล หากลองแล้วประมาณ 2-3 เดือน ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ พบแพทย์เพื่อพิจารณาปรับการรักษาวิธีอื่นตามความเหมาะสม

🚩 ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาแผลเป็นนูนคีลอยด์ที่ได้ผลดีที่สุด การใช้หลายวิธีร่วมกันก็ยังคงเป็นสิ่งที่แนะนำเสมอ ร่วมกับ การรักษาแผลอย่างถูกวิธี และที่สำคัญคือ ระวังการเกิดบาดแผลโดยเฉพาะบริเวณที่มักเกิดแผลเป็นนูนได้บ่อย เช่น หน้าอก ไหล่ หลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นสิวและชอบแกะเกา เป็นต้น

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️


Reference

Keloids: A Review of Etiology, Prevention, and Treatment
J Clin Aesthet Dermatol. 2020;13(2):33–43

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

แนะนำวิธีลดการเกิดแผลกดทับที่หลังหูจากการใส่ N95 เป็นเวลานาน

จากงานวิจัย “Wear N95 Mask With Plastic Handle Reduce Pressure Injury” ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of American Academy of Dermatology ทำที่ประเทศจีน พบว่าการใช้ N95 ชนิดสายคล้องหูเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการบาดเจ็บและมีแผลกดทับที่หู ส่งผลให้อาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมา เช่น การติดเชื้อ

จึงได้มีการใช้ พลาสติกเพิ่มเป็นตัวเกาะด้านหลัง ดังรูป หลังจากนั้นทำการเช็คให้เรียบร้อยว่าแน่นพอดี ไม่มีลมรั่ว พบว่าข้อดีนอกจากลดแผลกดทับแล้ว ยังเป็นวิธีที่ทำได้ไม่ยาก และสามารถนำพลาสติกไปทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ 75% หรือน้ำยาฆ่าเชื้อก็สามารถนำมา reused ใช้ได้อีก

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️


Reference
Jiang W, Cao W, Liu Q, Wear N95 Mask With Plastic Handle Reduce
Pressure Injury, Journal of the American Academy of Dermatology (2020), doi: https://doi.org/10.1016/j.jaad.2020.04.001.


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

วิธีป้องกันแผลกดทับที่สันจมูกจากการใส่หน้ากาก N95

[ การบาดเจ็บของผิวหนังของบุคลากรทางการแพทย์จากการดูแลผู้ป่วยCOVID19 ]

ล่าสุดเมื่อมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา Journal of American Academy of Dermatology ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการรวบรวมปัญหาทางผิวหนังที่พบในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งบางท่านอาจมองข้ามไป แต่อย่าลืมว่า เมื่อไหร่ที่ผิวหนังเกิดการอักเสบ บาดเจ็บ มีแผล ไม่ว่าจะเกิดที่บริเวณใดของร่างกาย ล้วนเป็นช่องทางการนำพาเชื้อทุกชนิดเข้าสู่ร่างกายได้ในที่สุด

งานวิจัยนี้พบว่า ภาวะทางผิวหนังที่เจอได้บ่อยมีดังนี้ [ตาราง 1]
🚫 อาการที่พบ : ผิวแห้งตึง เจ็บ คัน ปวด แสบร้อน
🚫 ผื่นที่พบ : ผิวลอก แดง แตกเป็นแผล มีน้ำเหลือง เป็นตุ่มน้ำ มีอาการบวมนูน เป็นตุ่ม
🚫 บริเวณที่พบได้บ่อย คือ
✔️ สันจมูก จากการเสียดสีกดทับของหน้ากาก N95
✔️ แก้ม จากการเสียดสีกดทับของหน้ากาก N95
✔️ มือ จากภาวะมือแห้งจากการล้างมือบ่อย
✔️ หน้าผาก จากการเสียดสีกดทับของ Face shield

ตาราง 1

ซึ่งพบว่า ภาวะแทรกซ้อนทางผิวหนังจากเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อ
📍ใส่หน้ากาก N95 และ แว่น goggles นานเกิน 6 ชั่วโมง (ส่วนระยะเวลาการใส่ face shield นานนั้นไม่ค่อยมีผล)
📍ล้างมือบ่อยเกิน 10 ครั้งต่อวัน

งานวิจัยนี้บอกอะไรกับเรา
นอกจากการที่บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านจะตั้งใจดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดีแล้ว อาจต้องเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดตามมาได้ จากข้อมูลนี้สิ่งที่จะสามารถไปปรับใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น

🔔 ดูแลผิวที่มือให้ถูกวิธี

สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในโพสก่อนนี้ { https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=923957344684840&id=476743752739537 }
🔔 หากอยู่คนเดียวคิดว่าที่ไม่สัมผัสความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาจถอดหน้ากากหรือแว่น ให้ลดการกดทับผิวบริเวณเดิมซ้ำ ๆ หรือหากไม่สามารถถอดได้ อาจใช้วิธีแปะแผ่นทำแผลป้องการการเกิดแผลกดทับ

จากการรวบรวมข้อมูล มีงานวิจัยศึกษาในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิด noninvasive เช่น CPAP พบว่า กลุ่ม Hydrocolloid dressing ได้ผลในการป้องกันการเกิดแผลกดทับบริเวณสันจมูก แก้ม ได้ดีที่สุด ซึ่งมีหลายยี่ห้อ ในรูปลองหามาแปะให้บางส่วนที่พอจะหาได้ [ตาราง2,3 ]

ตาราง 2
ตาราง 3

นอกจากนั้นยังมีการศึกษาเปรียบเทียบพบว่า การใช้ HOFA (Hyperoxygenated Fatty acid) ทาบริเวณที่จะกดทับก่อนการใส่อุปกรณ์ CPAP จากงานวิจัยนี้ใช้ Linovera พบว่าช่วยลดโอกาสการเกิดแผลกดทับและลดความรุนแรงของการเกิดได้ดีกว่าวิธีอื่นในงานวิจัยนี้ คือ การใส่อุปกรณ์อย่างเดียว, การใช้ Allervyn thin และ Askina foam อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ [ตาราง 4]

โดยกลไลของ HOFA คือ เพิ่ม oxygen ให้แก่เนื้อเยื่อ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรงมีความทนต่อการเสียดสีได้มากขึ้น

ตาราง 4

หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านนะคะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Reference

Preventing facial pressure ulcers in patients under non-invasive mechanical ventilation: a randomised control trial.
J Wound Care. 2017 Mar 2;26(3):128-136.
Skin Damage Among Healthcare Workers Managing Coronavirus Disease-2019
J Am Acad Dermatol 2020 Mar 18;[EPub Ahead of Print]

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
When in doubt,
Ask your Board-certified Dermatologist


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.