Category Archives: Dermatology

Update CPG โรคผิวหนังน่ารู้

โพสนี้คุณหมอได้รวบรวม Update CPG Dermatology โดยสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย มาให้น้องๆ Extern และแพทย์ทั่วไป หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการใช้ดูแลรักษาคนไข้โรคผิวหนังทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ในเบื้องต้นนะคะ


⭐️ Acne: https://goo.gl/iaAjqQ
⭐️ Alopecia Areata: https://goo.gl/n4hhLv
⭐️ Anaphylaxis: https://goo.gl/hqbUu7
⭐️ Androgenetic Alopecia: https://goo.gl/LguGM8
⭐️ Atopic Dermatitis: https://goo.gl/YJHuJM
⭐️ Bullous Pemphigoid: https://goo.gl/15hbfW
⭐️ Drug eruption: https://goo.gl/aoxznp
⭐️ Exfoliative Dermatitis: https://goo.gl/Fcicnb
⭐️ Molluscum Contagiosum: https://goo.gl/Rhw6v7
⭐️ Pediatric Dermatology: https://goo.gl/LPVigK
⭐️ Psoriasis: https://goo.gl/HyGg6Z
⭐️ Scabies: https://goo.gl/e3SzJt
⭐️ Sunscreen usage: https://goo.gl/7mnM4e
⭐️ Superficial Fungal Infection: https://goo.gl/zPmQa8
⭐️ Topical corticosteroid Usage: https://goo.gl/WtEiqL
⭐️ Urticaria/Angioedema: https://goo.gl/u9pz6f

ไฟล์รวม (Medshare) https://www.scribd.com/document/416036796/CPG-Dermatology-Update-2019-Medshares-pdf

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

คู่มือดูแลแผลผ่าตัดคลอด S-Mom Club

ขอบคุณ S-Mom club ที่ชวนให้หมอเจี๊ยบเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนบทความให้ความรู้เรื่องการดูแลแผลผ่าคลอดเพื่อลดความเสี่ยงเกิดแผลเป็นหรือติดเชื้อค่ะ

สามารถดาวน์โหลดหนังสือทั้งเล่มได้ฟรีที่นี่เลย

Click to access S-Mom_C-Section_Guide.pdf

7 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Ketoconazole Shampoo

Ketoconazole Shampoo ใช้รักษาผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมนได้จริงหรือ ?

เป็นอีกคำถามที่หลายคนอยากรู้คำตอบ
ก่อนเข้าประเด็นเรื่องรักษาผมบาง จะขอเล่าให้ฟังก่อนว่า Ketoconazole shampoo สามารถใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง

7 ข้อน่ารู้ของ Ketoconazole Shampoo

1. Ketoconazole ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อราโดยการยับยั้งการสร้าง ergosterol ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในผนังเซลล์ของตัวเชื้อราหรือยีสต์ เมื่อการสร้างผนังเซลล์ผิดปกติไป จึงส่งผลให้เชื้อไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้

ดังนั้น จึงเป็นกลุ่มยาที่มีข้อบ่งชี้ในการรักษาภาวะติดเชื้อดังกล่าวเป็นหลัก

2. กรณีรังแคหรือหนังศีรษะอักเสบเซบเดิร์ม นอกจากเกิดจากปัจจัยเรื่องการอักเสบแล้ว ยังพบว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนเชื้อยีสต์ Malazzesia ที่บริเวณหนังศีรษะเพิ่มขึ้นกว่าคนทั่วไป

ดังนั้น จึงมีการนำ ketoconazole shampoo มาใช้ในการรักษาและป้องกันรังแคร่วมด้วย เพราะสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ และยังมีกลไกช่วยลดการอักเสบได้ดี

3. เมื่อเปรียบเทียบการรักษาภาวะรังแคหรือหนังศีรษะอักเสบเซบเดิร์มด้วย Ketoconazole shampoo, Selenium sulfide shampoo ทั้งสองตัวช่วยลดปริมาณยีสต์และลดอาการคันได้ดีกว่าแชมพูทั่วไป โดยพบว่า

• ประสิทธิภาพการลดเชื้อต่างกันเล็กน้อย : Ketoconazole shampoo > Selenium sulfide shampoo
• ประสิทธิภาพการขจัดขุยรังแค : Ketoconazole shampoo > Selenium sulfide shampoo
• ประสิทธิภาพป้องกันกลับเป็นซ้ำ : Ketoconazole shampoo > Zinc pyrithione
• ประสิทธิภาพการลดอาการคันไม่ต่างกันทั้งสามชนิด : Ketoconazole shampoo, Zinc pyrithione, Selenium sulfide
ดังนั้น สามารถพิจารณาเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

4. กรณีเกลื้อน พบว่าเชื้อก่อโรคส่วนใหญ่เป็นเชื้อ Pityrosporum ที่อยู่ตามรูขุมขนของเรา และกินไขมันเป็นอาหาร โดยมักทำให้ผู้ป่วยมีผื่นขุยเป็นวงสีขาว, แดงหรือน้ำตาลขึ้นที่บริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น หน้าอก หลัง โดยเฉพาะเวลาที่เหงื่อออกเยอะ ผิวมัน หลังเล่นกีฬา หรืออยู่ที่ร้อนอบอ้าว

ดังนั้น Ketoconazole shampoo สามารถใช้ในภาวะนี้ได้เช่นกัน และนอกจากการรักษาเกลื้อนด้วยยากิน ยาทา แชมพูฟอกแล้ว ยังต้องรักษาสุขอนามัยร่วมด้วย อย่าปล่อยเหงื่อหมักหมม หลังออกกำลังกายควรอาบน้ำให้สะอาด ไม่ใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น

5. กรณีผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน ก็มีบางงานวิจัยที่อธิบายไว้ว่า
• 2% ketoconazole shampoo ช่วยลดการอักเสบบริเวณหนังศีรษะ และลดการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชายบริเวณรากผม #ทำให้การหลุดร่วงของเส้นผมน้อยลงและรากผมแข็งแรงมากขึ้น
• 2% ketoconazole shampoo (ในงานวิจัยใช้ Nizoral shampoo) พบว่าเส้นผมมีความหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น จากตัดชิ้นเนื้อมาดูหลังการใช้สระต่อเนื่องเกิน 1-2 ปีขึ้นไป

ดังนั้น จึงอาจเห็นมีการใช้แบบ Off-label use เป็นการรักษาเสริมในผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน เพิ่มเติมจากการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน และการเห็นผลอาจต้องใช้เวลา และต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป

6. กรณีหนังศีรษะมัน มีงานวิจัยพบว่า ketoconazole shampoo สามารถออกฤทธิ์ลดการสร้าง sebum ที่หนังศีรษะได้ โดยควบคุมความมันได้หลังการใช้ประมาณ 36 ชั่วโมงจากการวัดด้วยเครื่องมือทางการวิจัย

ดังนั้น อาจใช้สระทุก 2-3 วัน เพื่อช่วยลดความมันบนหนังศีรษะได้

7. ยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยในการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร, ควรระวังการใช้ในคนที่แพ้ยาที่เป็นส่วนประกอบ และระวังเข้าตาอาจระคายเคืองได้

Tips

เคล็ดลับการใช้ ketoconazole shampoo ในโรคต่าง ๆ โดยใช้เป็นตัวเสริม ร่วมกับการรักษาโรคเหล่านี้ด้วยวิธีมาตรฐาน

กรณีรังแคหรือหนังศีรษะอักเสบเซบเดิร์ม

▫️ใช้แชมพูประมาณ 5 ml ผสมน้ำและสระฟอกบริเวณที่เป็นทิ้งไว้ 3-5 นาที ให้ยาออกฤทธิ์และล้างออก
▫️ช่วงโรคกำเริบ ควรสระ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ นานประมาณ 2-4 สัปดาห์ และหากโรคสงบแล้วแนะนำใช้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อป้องกัน
▫️ถ้าหลังสระแล้วผมแห้งหรือไม่ชอบกลิ่น อาจใช้ครีมนวดผมเพิ่มเติมบริเวณปลายผมได้

กรณีรักษาเกลื้อน

▫️ ให้อาบน้ำฟอกตัวด้วยสบู่ตามปกติ เมื่อเสร็จแล้วล้างสบู่แต่อย่าเพิ่งเช็ดน้ำที่ติดบนผิวหนังออก จากนั้นใช้แชมพูลูบไปทั่วบริเวณที่เป็น ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วจึงอาบน้ำล้างแชมพูออก
▫️ การรักษาควรทำทุกวัน ร่วมกับกินยาทายารักษามาตรฐาน
▫️ ไม่ควรฟอกตัวทิ้งไว้นานเกินไป และผสมน้ำเจือจางเสมอป้องกันการระคายเคืองผิว

กรณีหนังศีรษะและผมมัน

▫️ใช้แชมพูประมาณ 5 ml ผสมน้ำและสระฟอกบริเวณที่เป็นทิ้งไว้ 3-5 นาที ให้ยาออกฤทธิ์และล้างออก
▫️ความถี่ของการใช้ 1-3 วันต่อครั้ง ขึ้นกับความมันของแต่ละคน

กรณีผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน

▫️ยังไม่มีแนวทางชัดเจน และการเห็นผลต้องใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
▫️ข้อมูลจากงานวิจัย ใช้สระผม 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ นาน 1-2 ปี ขึ้นกับงานวิจัย

ในท้องตลาดมีแชมพูหลายยี่ห้อ อาจลองเลือกตามความพึงพอใจ แนะนำให้ความเข้มข้นประมาณ 2% และหากเป็นรูปแบบ micronized form ก็สามารถเพิ่มการดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น เท่าที่ทราบก็จะเป็นตัว Nizoral shampoo ซึ่งเป็นตัวออริจินอลที่หลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว

หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์และช่วยให้ทุกคนรู้จัก ketoconazole shampoo มากขึ้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองได้ดีขึ้น และหากไม่แน่ใจว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นสามารถใช้แชมพูตัวนี้ได้หรือไม่ แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางร่วมประเมิน

ใครเคยใช้บ้างมั้ยคะ

Reference
Int J of Woman’s Dermatol. 2018; 4: 203-211.
J Mycol Med. 2018; 28(4): 590–593.
Int. J. Cosmetic Science 1997; 19: 1-7.
Journal of Dermatological Treatment 1990; 1: 4, 177-179.
Dermatology. 198; 196(4): 474-7.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Osler Weber Rendu Disease

เคสน่าเรียนจาก NEJM ที่พบเจอได้เรื่อย ๆ และอาจนำมาสอบ long case ได้

“ผู้ป่วยหญิง 74 ปี มีแขนขาซีกซ้ายอ่อนแรง สาเหตุเป็นจาก acute Rt MCA infarction”
ตรวจร่างกายที่ปากและมือเจอดังภาพ

Osler Weber Rendu Disease OWR
Reference: https://nej.md/2Ku5WxD

เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ทำให้เรานึกถึง Hereditary hemorrhagic telangiectasia”

มาทำความรู้จักโรคนี้กันคร่าว ๆ ค่ะ

Hereditary hemorrhagic telangiectasia หรือ Osler Weber Rendu disease (OWR)

เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal dominant เกิดจากมีความผิดปกติของหลอดเลือดที่อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย

อาการแสดง

บางรายไม่มีอาการ บางรายมีอาการรุนแรงมากถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาการแรกเริ่มในวัยเด็ก

ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วย เลือดกำเดาไหล” (Earliest sign คือ epistaxis)
หลังจากนั้นเมื่ออายุมากขึ้น จะเริ่มมีอาการแสดงของอวัยวะที่ผิดปกติจากการมีหลอดเลือดโป่งพองในที่ต่าง ๆ (Visceral arteriovenous malformation) เช่น AVMs of liver, lung, brain

✔️ Epistaxis
เกิดจาก telangiectasia of nasal mucosa ซึ่งพบว่ามีปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญได้แก่ ท่าทาง, สภาพอากาศร้อนชื้น, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, อาหารเผ็ด, อาหารที่มี salicylate สูง, อาหารที่กระตุ้นไมเกรน

✔️ GI bleeding
เกิดจาก
1) telangiectasia along GI tract สามารถพบได้ทุกที่ บ่อยที่สุดที่ stomach, duodenum, colon เมื่อส่องกล้องจะพบ telangiectasia with surrounded anemic halos
2) AVMs ต้องอาศัยการวินิจฉัยด้วย angiography

✔️ Iron deficiency anemia
จาก blood loss

✔️ Characteristic telangiectasia
บริเวณ lip, oral mucosa, fingertips

✔️ Pulmonary AVMs พบ 50%
เริ่มพบเมื่อวัยรุ่น puberty อาจส่งผลให้เกิด systemic venous blood bypass ไปสู่ normal pulmonay circulation เป็นผลให้เกิด paradoxical embolic stoke, brain abscess, migraine

✔️ Hepatic AVMs พบ 30%
อาจทำให้เกิด high output heart failure

✔️ Cerebral AVMs พบ 10%
อาจทำให้เกิด hemorrhagic stroke ตามมา

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ

  • High output heart failure
  • Portal hypertention
  • Liver failure
  • Hemoptysis
  • Polycythemia
  • Cerebral abscess
  • Stroke : จากหลายสาเหตุ ได้แก่ intracranial bleeding from AVMs, Paradoxical embolic stoke

Criteria for Diagnosis

ตาม International consensus diagnostic criteria for HHT

  1. Spontaneous and recurrent nose bleeding
  2. Multiple mucocutaneous telangiectasia at characteristic sites
  3. Visceral involvement
  4. 1st degree relative with HHT
    โดยแบ่งเป็น
    Definite (3/4 ข้อ)
    Suspected (2/4 ข้อ)
    Unlikely (0/4 ข้อ)

สามารถยืนยันการวินิจฉัยด้วย genetic testing ตรวจหา Mutation of ENG, ACVRL1, SMAD4

การรักษา

ขึ้นกับอวัยวะที่แสดงอาการผิดปกติ
ในรายที่ยังไม่แสดงอาการ แนะนำให้ตรวจ screening for Pulmonary AVMs

กรณีหญิงตั้งครรภ์

พบมี 1% risk of death จากสาเหตุดังนี้
PAVM hemorrhage
Cerebral hemorrhage
Thrombotic complication

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Skin Signs in Tuberous Sclerosis

มองผิวหนัง .. ทะลุถึง Tuberous Sclerosis Complex 🧐🧐🧐

จำภาพนี้ไว้ใช้ได้ตลอดกาล

Reference: Fitzpatrick text book of Dermatology

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Erythema gyratum repens (EGR)

Photo credited : JAAD

สำหรับประชาชนทั่วไป

หากพบเจอผื่นที่มีลายคล้ายหนุมานหรือลายไม้แบบในรูป ควรต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาโรคที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น โรคมะเร็งของอวัยวะภายใน โรควัณโรค เป็นต้น

สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

อ่านต่อค่ะ

เห็นภาพนี้จากวารสารโรคผิวหนัง JAAD เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อดไม่ได้ที่จะนำมาให้เรียนกัน จำได้ว่าเป็นโรคที่เคยออกสอบทั้งบอร์ดอายุรศาสตร์และบอร์ดตจวิทยาค่ะ

Diagnosis

Erythema gyratum repens (EGR)

Clinical feature

สิ่งที่เห็นคือ ผื่นที่ดูคล้าย หนุมาน หรือ เหมือนลายไม้ ซึ่งบรรยายเป็นภาษาทางการแพทย์ได้ว่า multiple, annular or polycyclic, erythematous lesions with scale at their edges in “wood-grain or zebra-liked” pattern ซึ่งผื่นนี้จะสามารถขยายตัวลามออกได้เร็วถึง 1 cm/day เลยทีเดียว

Pathogenesis

เชื่อว่าเกิดจาก cross reaction ระหว่าง tumor กับ antigen ที่บริเวณ basement membrane zone ที่ผิวหนัง

Association

โรคนี้ถือเป็น cutaneous paraneoplastic syndrome โดย 70% มักพบ CA lung มากที่สุด, CA breast, CA esophagus และ CA stomach ตามลำดับ
โดยรอยโรคนี้อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ 1 ปีก่อนและหลังจากการวินิจฉัยมะเร็งข้างต้น

นอกจากนั้น ยังอาจพบในภาวะที่ไม่ใช่มะเร็ง ได้แก่ Pulmonary tuberculosis หรืออาจยังไม่พบสาเหตุใดๆในขณะนั้นก็ได้

EGR-liked lesion

ผื่นในโรคอื่นที่คล้ายกันที่ต้อง diffential diagnosis กับโรคนี้ ได้แก่
• Erythrokeratodermia variabilis
• Resolving pityriasis rubra pilaris
• Autoimmune bullous diseases, in particular bullous pemphigoid (both paraneoplastic and classic)
• Epidermolysis bullosa acquisita
• Mycosis fungoides
• Resolving psoriasis
• Hypersensitivity reactions to azathioprine
• Urticarial vasculitis
• Autoimmune connective tissue diseases, primarily lupus erythematosus
• Sjogren syndrome
• Tinea imbricata

Treatment

ผื่นมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับมะเร็งที่เป็นเหตุ (parallel course)โดยหากได้รับการรักษาจนมะเร็งต้นเหตุหาย ผื่นก็จะสามารถหายไปได้เอง และในทางกลับกันการเกิดขึ้นใหม่ของผื่น อาจทำให้ต้องสงสัยว่ามีการกลับเป็นซ้ำ (recurrent) หรือมีการลุกลาม (metastasis) ของมะเร็งนั้นหรือไม่

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Reference
• ภาพจาก https://www.jaad.org/article/S0190-9622(10)02157-2/fulltext
• Bolognia 4th edition p.329-330

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Necrolytic Acral Erythema (NAE)

มักพบในผู้ป่วย HCV infection พบได้ทั้งเพศชายและหญิง ช่วงอายุ 20-60 ปี

กลไลการเกิด

ไม่แน่ชัด เชื่อว่า multifactorial

• Hepatic dysfunction
• Hypoalbuminemia
• Hypoglucagonemia
• Hypoaminoacidemia
• Zinc deficiency
• Diabetes with or without an underlying HCV infection

Reference: Clin Cosmet Investig Dermatol. 2020;13:275‐281.

อาการแสดง และ ลักษณะทางพยาธิวิทยา คล้ายกับ Necrolytic Migratory Erythema (NME) บางรายงานตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็น entity เดียวกัน เพียงแต่ NAE มักมีผื่นค่อนข้างจำเพาะคือ เด่นที่ acral area

อาการแสดง

แบ่งเป็น 3 ระยะ

Initial stage :
ลักษณะตุ่มหรือปื้นถลอกสีแดงคล้ำ มีขุย
บรรยายว่า scaly erythematous papules/plaques appear with characteristic dusky or eroded centre (Figure 2)

In the well-developed stage :
ผื่นรวมตัวกันเป็นปื้นใหญ่และหนา ขุยติดแน่น อาจมีคล้ายตุ่มหนอง
บรรยายว่า demarcated thick hyperpigmented plaque with adherent scales, occasional pustules (Figure 3)

Late stage :
ผื่นเห็นขอบเขตชัดขึ้น สีคล้ำขึ้น
บรรยายว่า more circumscribed, thin and hyperpigmented in late stage (Figure 4)

Figure 2
Figure 3
Figure 4

หากดูตามระยะเวลาแบ่งเป็น

Acute lesions : ลักษณะผื่นแดง ตุ่มน้ำขนาดใหญ่ ขอบลอก (erythema, flaccid blisters and erosions at the margins)

Chronic lesions : ลัษณะปื้นหนา ลอกเป็นขุย ขอบแดงหรือน้ำตาลคล้ำ (hyperkeratotic surface, mild erythema and dark red margin)

การดำเนินโรค

Disease duration 2-120 เดือน
Spontaneous remission and relapse

Relationship to HCV

พบว่าผู้ป่วยที่มีผื่นชนิดนี้ >75% ตรวจพบมี HCV infection ร่วมด้วย ดังนั้นแนะนำให้ตรวจ HCV serology ทุกราย
หากไม่แน่ใจภาวะ NME อาจตรวจ glucagon level เพื่อแยกโรค

Dermoscopy

อาจช่วยในการแยกโรคตามตารางแนบ

Reference: Clin Cosmet Investig Dermatol. 2020;13:275‐281.

การรักษา

• Mainstay คือ รักษาการติดเชื้อ HCV ด้วย antiviral therapy
• Oral zinc supplement พบว่าได้ผลดีที่สุด โดยผลการตอบสนองไม่ขึ้นกับ HCV viral load และภาวะ Zn deficiency ทั้งนี้เพราะการให้ zinc สามารถช่วยในแง่ของ anti-inflammatory, immunomodulatory, antiviral and anti-oxidant effects
• Dose 220 mg twice daily นาน 8 weeks พบว่า complete clearance
• Other treatment modalities :
Intralesional and topical corticosteroids
Topical tacrolimus
Phototherapy

Reference: Clin Cosmet Investig Dermatol. 2020;13:275‐281.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Reference

Inamadar AC, Shivanna R, Ankad BS. Necrolytic Acral Erythema: Current Insights. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2020;13:275‐281. Published 2020 Apr 5. U:10.2147/CCID.S189175

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Cherry angioma หรือ ไฝแดง (คล้ายผลเชอร์รี่)ใครมีบ้างยกมือขึ้น

Cherry angioma

ชื่ออื่นๆ เช่น Campbell De Morgan spots, Senile angioma

เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังและขดตัวรวมกันเป็นกระจุก ทำให้เห็นลักษณะเป็นจุดสีแดงสด ขนาดไม่ใหญ่ (1-2 มิลลิเมตร) พบที่บริเวณใดของร่างกายก็ได้

เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้เอง พบได้ทุกวัย แต่พบบ่อยกว่าในกลุ่มอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป

ไม่มีอันตราย ไม่กลายเป็นมะเร็ง หากไม่มีอาการใดๆก็ไม่จำเป็นต้องรักษา และอาจมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น

การรักษาจะทำในกรณีมีภาวะแทรกซ้อนมีเลือดออกจากรอยโรค หรือกรณีที่ผู้ป่วยมีความกังวลด้านความสวยงาม ได้แก่
• การจี้ไฟฟ้า แต่อาจมีรอยแผลตามมาได้
• Pulsed dye Laser
• Intense Pulsed light
• ยาที่อาจใช้ได้ผล เช่น Natural MEK1 inhibitor (Myricetin)

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.