All posts by Warayuwadee Amornpinyo, M.D.

Dermatologist's Blog written by Warayuwadee Amornpinyo, M.D.

ผื่นไข้เลือดออก (Dengue Skin Rash)

ทำความรู้จัก ผื่นไข้เลือดออก 🦟🦟🦟

พบได้ประมาณ 3 แบบ ดังนี้

Spectrum of dengue associated rashes

Reference : Clinical Medicine 2015;15(1):82–5.
  1. Maculopapular rash
    เป็นจุดแดงเล็ก ๆ คันได้นิดหน่อย บางคนมีมือเท้าบวมร่วมด้วย มักพบในช่วงมีไข้ (Febrile phase)
  2. Petechial rash
    จุดแดงคล้ายจุดเลือดออก มันพบที่แขนและขาโดยเฉพาะช่วงประมาณ 48 ชั่วโมงของโรค (Febrile/critical phase)
  3. Erythematous rash with ‘islands of white’
    จะเป็นปื้นแดงและมีจุดขาวกระจายอยู่ตรงกลาง จะพบในช่วงฟื้นตัว (Recovery phase) หรือที่มักเรียกกันว่า Convalescent rash

จุดเด่นของผื่นไข้เลือดออก คือ มักพบผื่นที่แขนขาบ่อยสุด รองลงมา คือ ลำตัว และมักไม่ค่อยพบผื่นที่ใบหน้า (Spare face)

ตัวอย่างรูปผื่น

A) Macule and papules B) Islands of white C) Petechiae
Island of whites

Reference :
Clinical Medicine 2015;15(1):82–5.

Kenzaka T, et al. BMJ Case Rep 2013. doi:10.1136/bcr-2013-201598


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

จำเป็นต้องมี AHA ในสกินแคร์รูทีนไหม

หากพูดถึง AHA ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีว่าเป็นกลุ่มสารผลัดเซลล์ผิว และเชื่อว่าหลายท่านมีความกลัวที่เริ่มใช้ หรือบางท่านอาจมีประสบการณ์ที่ทำให้ต้องหยุดทา เช่น หน้าแดงแสบลอก ฯลฯ ลองอ่านบทความนี้ช่วยคุณได้ค่ะ

บางคนเข้าใจว่า.. ต้องเป็นคนผิวมันเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่ผิดเลย ..!!!

อันที่จริง AHA สามารถใช้ได้ในคนที่มีผิวมันและผิวแห้ง เพราะ AHA มีคุณสมเพิ่มการอุ้มน้ำที่ผิวหนังกำพร้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มขึ้น เต่งตึงและสดใสขึ้น

บางคนเข้าใจว่า.. การใช้สกินแคร์ AHA ทาผิว จะทำให้ผิวบางลง นี่ก็เป็นความคิดที่ผิดอีกเช่นกัน !!!

เพราะการทำงานของสารผลัดเซลล์กลุ่ม AHA นั้นจะช่วยผลัดเซลล์ผิวบริเวณชั้นตื้นที่ตายแล้ว รวมทั้งสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิวให้หลุดออก โดยไม่ได้ทำให้โครงสร้างผิวหนังปกตินั้นบางลงอย่างที่หลายคนกังวลใจ นอกจากนั้นยังไปเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้สมบูรณ์ ใน 28 วัน ผลที่ได้ คือ ทำให้ผิวเนียน สีผิวสม่ำเสมอและแลดูโกลว์ดูน่ามองยิ่งขึ้น

บางคนเข้าใจว่า.. การใช้สกินแคร์ AHA จะทำให้สิวเห่อมากขึ้น จึงไม่กล้าใช้ !!!

ขออธิบายแบบนี้ค่ะ ทำความเข้าใจก่อนว่า ผิวคนที่มีแนวโน้มเป็นสิวอาจมีสิ่งที่เรียกว่า Microcomedone หรือสิวอุดตันใต้ผิวที่เรามองไม่เห็น และเมื่อเราทา AHA ลงไป สารตัวนี้จะมีคุณสมบัติไปปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังกำพร้าให้เรียงตัวดีและเป็นระเบียบมากขึ้น ส่งผลให้ช่วงแรกที่เริ่มใช้ในบางคนอาจจะมีสิวอุดตันที่ถูกผลัดให้หลุดออกมาไวขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปกดหรือบีบ และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำจะส่งผลให้สิวอุดตันที่ผิวลดลง และ รอยสิวก็จางลงได้ ดังนั้น AHA จึงเหมาะสำหรับคนที่ผิวเป็นสิวง่าย (Acne-proned skin) และการมีสิวเห่อช่วงแรกอาจไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคนเสมอไป

บางคนเข้าใจว่า.. ไม่ควรใช้ AHA นาน ๆ เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองง่ายและอ่อนแอมากขึ้น !!!

ขอแบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ ประเด็นใช้นาน และ ประเด็นระคายเคืองง่าย

  • AHA ใช้ต่อเนื่องยิ่งนานยิ่งได้ประโยชน์ เพราะช่วยปรับโครงสร้างผิวชั้นหนังแท้และมีงานวิจัยยืนยันว่า มีการสร้าง collagen, hyaluronic acid และ glycosaminoglycans มากขึ้น ทำให้ผิวแข็งแรง มีความหนาขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ที่ผิวได้อีกด้วย
  • ส่วนการระคายเคืองผิวนั้น อาจเป็นไปได้ในกรณีที่ใช้ไม่ถูกวิธี

ขอแนะนำการใช้ AHA ในคนที่ผิวระคายเคืองง่าย แบบนี้ค่ะ

  • แนะนำให้เริ่มด้วยความเข้มข้นต่ำ ประมาณ AHA 3-3.5% เพราะเป็นความเข้มข้นที่ได้ผลตามที่เล่ามาข้างต้น และระคายเคืองน้อย ใช้ได้ทุกสภาพผิว
  • เลือกยี่ห้อที่ปราศจากสารก่อแพ้ (Free form potential cosmetic allergens)
  • pH 4.5-5.5 ซึ่งมีความเป็นกรดอ่อนใกล้เคียงผิวปกติ (Mild acidic with balanced pH)
  • ปราศจากน้ำหอม สารแต่งสี สารกันเสีย เช่น paraben, MCI/MI, SLS โลหะหนักและสารก่อแพ้ระคายเคืองอื่น ๆ ตามมาตรฐานกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
  • กรณีเริ่มใช้ช่วงแรก อาจใช้วิธี short contact คือ ทาทิ้งไว้แล้วล้างออก และค่อยทิ้งไว้นานขึ้นจนไม่ต้องล้างออก

สรุปแล้วเราจำเป็นต้องมี AHA ในสกินแคร์รูทีนไหม ?

ต้องอธิบายแบบนี้ค่ะ โดยปกติกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหนังจนกระทั่งผิวที่ตายแล้วหลุดออกไป (Skin turnover) ใช้เวลาประมาณ 28 วัน และจะใช้เวลานานขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้เซลล์ที่ตายแล้วรวมทั้งสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตกค้างที่ผิว เกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ สิวอุดตัน ผิวไม่เรียบใสเหมือนสมัยวัยเด็ก

ดังนั้น หากเราต้องการทำให้ผิวย้อนวัยกลับไปขาวเนียนใส เราจึงต้องอาศัยตัวช่วยที่สามารถเพิ่ม skin turnover rate ให้เร็วขึ้น เพื่อให้กลไลการผลัดเซลล์ผิวมีระยะเวลาใกล้เคียงเดิม ซึ่งหนึ่งในสารผลัดเซลล์ผิวที่ช่วยได้ดี ก็คือ AHA หรือ α-hydroxyacids

PRACTICAL POINT

นอกจากนั้น AHA ยังสามารถใช้ร่วมกับ active ingredients อื่น ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการดูแลผิวให้ดียิ่งขึ้นได้ เช่น

หากเน้นเรื่องริ้วรอย อาจใช้ AHA ร่วมกับ topical vitamin A, antioxidants ต่าง ๆ

หากเน้นเรื่องฝ้า หมองคล้ำ อาจใช้ AHA ร่วมกับ bleaching agents เช่น licorice, arbutin, kojic acid, ascorbic acid เป็นต้น

ใครเริ่มเร็ว คนนั้นสวยหล่อก่อนนะ

ด้วยความปรารถนาดี

—————————–

References

Clin Dermatol. 2009 Sep-Oct;27(5):495-501.

Am J Clin Dermatol 2010; 11: 95-102.

J Dtsch Dermatol Ges. 2012 Jul;10(7):488-91.

Postepy Hig Med Dosw (Online). 2015 Mar 22;69:374-83.

J Clin Aesthet Dermatol. 2016;9(11):40-43.

Molecules. 2018 Apr 10;23(4):863.

J Am Acad Dermatol 2019; 81: 313-24.

—————————–

In collaboration with Dr.Jak 3.5% swiss AHA

เจล AHA (Alpha Hydroxy Acid) คุณภาพสูงมาตรฐานยุโรป จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์

  •  ประกอบด้วย Hexa-acid กรดสกัดจากธรรมชาติ 6 ชนิดในสัดส่วนที่เห็นผลและไม่ระคายเคือง ได้แก่ citric acid, malic acid, glycolic acid, lactic acid, pyruvic acid, tartaric acid
  •  ปราศจากน้ำหอม สารแต่งสี สารกันเสีย เช่น paraben, MCI/MI, SLS
  •  ปราศจากโลหะหนักและสารก่อแพ้ระคายเคืองอื่น ๆ ตามมาตรฐานกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
  •  ปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly product)
  •  pH 4.5 เป็นกรดอ่อน ๆ เหมาะกับทุกสภาพผิว  

วิธีใช้ ทาเจลลงบนผิว เลี่ยงบริเวณรอบดวงตา

ไม่ควรใช้บริเวณที่มีผื่นแดง แห้งคัน แผลเปิด

สามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

https://shp.ee/jre9kka
https://s.lazada.co.th/s.8u88e

—————————–

รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

สรุปอัพเดทเรื่อง Azelaic acid กับ สิว ฝ้า กระ รอยดำ

Azelaic acid เป็น saturated, straight-chained dicarboxylic acid ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีข้อมูลว่ามีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ (ย้ำ..!! เฉพาะเม็ดสีผิวที่ผิดปกติ)

ดังนั้นจึงสามารถใช้รักษาภาวะที่เกิดจากเม็ดสีทำงานมากผิดปกติ เช่น ฝ้า รอยดำ และมะเร็งผิวหนังชนิด lentigo maligna ได้ด้วย แต่ในคนที่เซลล์สร้างเม็ดสีผิวปกติดี และหวังผลจากการขาวขึ้นจากการใช้ AzA ก็อาจจะไม่ได้ผลเท่าไรนัก

Azelaic acid คืออะไร

นอกจากนั้นยังพบว่าช่วยรักษาสิวอุดตันและสิวอักเสบได้หลายกลไก

เรื่องการทา Azelaic acid กับ การรักษาสิว

กลไก คือ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียหลายชนิด รวมถึง S.aureus, S.epidermidis และ Cutibacterium acnes ซึ่งมีบทบาทในการก่อสิว

AzA มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ จึงช่วยรักษาสิวอักเสบดีขึ้นได้

AzA มีฤทธิ์ anti keratinizing effects พบว่าการทา 20% azelaic acid cream นาน 3 เดือนทำให้ผิวมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดเรียงตัวดีขึ้น จึงลดการเกิดสิวอุดตันตามมาได้

AzA ไม่มีผลต่อการลดการหลั่งน้ำมันผิว ดังนั้น จึงไม่ได้ประโยชน์ในการใช้เพื่อการลดความมันผิว

Azelaic acid รักษาสิว skinoren

สิวที่ได้ผลการรักษาดี คือ สิวในระดับความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง หากสิวหัวหนองที่รุนแรง อาจได้ผลไม่ดีนักจึงควรพบแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนังเพื่อรักษาวิธีอื่นร่วมด้วย

การทา 20% AzA cream วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น จะเริ่มเห็นผลชัดเจนในการรักษาสิวเมื่อใช้ต่อเนื่อง 2 เดือน และหากทาต่อเนื่อง 4 เดือนขึ้นไปผลใกล้เคียงกับการทายาสิวชนิดอื่น

ผลการรักษาสิวอุดตันด้วย 20% AzA เทียบกับ topical 0.05% tretinoin (4 เดือน) พบว่าลดสิวอุดตันได้ใกล้เคียงกัน และผลข้างเคียงจาก AzA น้อยกว่า

ผลการรักษาสิวอักเสบด้วย 15% AzA เทียบกับ 5% benzyl peroxide (3-4 เดือน) พบว่าไม่ต่างกัน การใช้ BPO อาจทำให้สิวอักเสบยุบได้เร็วกว่าเล็กน้อย และพบว่ากลุ่ม BPO พบมีการระคายเคืองมากกว่า

ยังไม่มีรายงานเชื้อดื้อยาจากการรักษาสิวด้วย AzA จึงเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับการใช้ยาทากลุ่มยาทาฆ่าเชื้อ เช่น clindamycin, erythromycin ดังนั้น สามารถทาได้ต่อเนื่องยาวไปหากไม่มีผลข้างเคียงอะไร

เรื่องการทา Azelaic acid กับ การรักษารอยแดงรอยดำจากสิว

AzA มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวอ่อน ๆ จึงได้ผลดีในการช่วยลดรอยแดงและรอยดำตามหลังการเกิดสิวได้ และช่วยให้สีผิวเนียนสม่ำเสมอขึ้น

กรณีต้องการลดรอยดำ สามารถใช้ตั้งแต่ 15% AzA ขึ้นไป

Azelaic รอยดำรอยแดงสิว skinoren

เรื่องการทา Azelaic acid กับ การรักษาฝ้า

การทา 20% AzA ต่อเนื่อง 3-4 เดือน ทำให้ฝ้าจางลงได้ ใกล้เคียง 4% Hydroquinone และพบว่าได้ผลดีกว่า 2% Hydroquinone

การทา AzA ร่วมกับ Retinoic acid สามารถเสริมฤทธิ์ช่วยลดรอยดำได้ดีกว่าการทา AzA เดี่ยว ๆ แต่ต้องระวังการระคายเคือง

แนะนำให้ทาครีมกันแดดร่วมด้วยสม่ำเสมอจะทำให้ผลการรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพดีขึ้น

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้เมื่อเริ่มทา AzA

ผลข้างเคียงไม่ค่อยมาก และ ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น จึงสามารถทาได้ทั้ง เช้าหรือเย็น

อาจมีการระคายเคือง ยุบยิบ แสบได้เล็กน้อย ในผู้ที่เริ่มใช้ช่วงแรก อาการเหล่านี้จะค่อยดีขึ้นและหายไปหลังจากผิวมีการปรับสภาพ หากแสบมากแนะนำให้เริ่มทาเป็นบางบริเวณ หรือทาแล้วล้างออก ค่อยเพิ่มระยะเวลามากขึ้น จนสามารถทาทิ้งไว้ได้

AzA สามารถใช้ต่อเนื่องได้ยาว ๆ หากไม่มีข้อห้ามหรือผลข้างเคียงจากการใช้ และสามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ เพียงระวังเรื่องการระคายเคืองที่อาจมากขึ้น และเว้นระยะห่างการทาจากกลุ่ม Vitamin C หรือ AHA, BHA เนื่องด้วยเรื่องของ pH

Azelaic acid, skinoren

Azelaic acid กับ คนท้อง

พบว่ามีการดูดซึมน้อย มีความปลอดภัยและสามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

BOTTOM LINE

บางคนบอกว่า Azelaic acid เหมือนครอบจักรวาล ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หมด ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ รอยแดง รอยดำ ฝ้า หน้าแดง หน้าก็ใส คนท้องก็ใช้ได้ ต้องบอกว่า การออกฤทธิ์ที่ค่อนข้างครอบคลุมหลายภาวะหลายกลไกของ AzA จะไม่แรงมาก จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหลายอย่างปะปนกันในความรุนแรงเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ข้อดี คือ ผลข้างเคียงน้อย ค่อนข้างปลอดภัย

Azelaic acid, skinoren

อย่างไรหากอาการไม่ดีขึ้น หรือไม่แน่ใจว่าเป็นสิว ฝ้า จริงหรือไม่ ควรพบแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง (Board-certified Dermatologist) เพื่อร่วมดูแล

ด้วยความปรารถนาดี

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

References

J Clin Aesthet Dermatol. 2018; 11(2): 28-37.

Br J Dermatol. 2013; 169 Suppl 3:4-56.

J Cosmet Dermatol. 2011; 10(4): 282-287.

J Drugs Dermatol. 2011; 10(6): 586-90.

Drugs. 1991 May;41(5):780-98.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

ดูแลแผลสดอย่างไรให้สมานไว

เชื่อว่าเวลาเกิดบาดแผล หลายคนมักจะนึกถึงการหายาฆ่าเชื้อมาทา เช่น Alcohol, Betadine, H2O2, Chlorhexidine โดยหารู้ไม่ว่าสารเหล่านี้อาจทำลายเนื้อเยื่อบริเวณแผลได้ และความจริงแล้วอาจไม่จำเป็นเท่าการล้างแผลให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อและการดูแลแผลให้สมานและหายเร็วโดยเกิดรอยดำหรือแผลเป็นนูน ให้น้อยที่สุด

บางคนยังมีความเข้าใจที่ยังไม่ถูกเท่าที่ควร โพสต์นี้จึงอยากเล่าให้ฟังถึงวิธีการดูแลแผลสดให้เข้าใจอย่างง่าย

แผลที่เกิดขึ้นภายในไม่เกิน 30 วันจัดเป็น แผลเฉียบพลัน (Acute wound) เช่น แผลจากอุบัติเหตุ หรือ แผลจากการผ่าตัด ซึ่งความรุนแรงแตกต่างกันไป บางคนอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนหรืออาจมีการสูญเสียเนื้อเยื่อผิวบางส่วนก็ได้

แผลสด

กรณีแผลสดที่ลึกไม่เกินชั้นหนังแท้ (dermis) จะสามารถสมานเองได้ โดยมีขั้นตอน 4 อย่าง ได้แก่

การสมานแผล

ขั้นตอน 1 กระบวนการหยุดเลือด

เส้นเลือดจะมีการหดตัว และมีการจับกลุ่มขอบเกล็ดเลือดบริเวณแผล เพื่อให้เลือดหยุด นอกจากนั้นยังมีการหลั่งสาร cytokines ต่าง ๆ มาช่วยในกระบวนการนี้

ขั้นตอน 2 กระบวนการอักเสบ

เกิดการกระตุ้นการเกิดอักเสบ ทำให้มีอาการปวด บวม แดง ร้อน ตามมาได้ ระยะนี้เซลล์เม็ดเลือดขาวต่าง ๆ จะออกมากระจุกที่แผลเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรคและเนื้อตาย

ขั้นตอน 3 กระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

ประกอบด้วย Ground substance, granulation tissue, เส้นเลือด มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาปกคลุมบริเวณแผล ซึ่งขั้นตอนนี้จะเกิดได้ดีเมื่อแผลอยู่สภาวะความชื้นที่เหมาะสม ไม่แห้ง ไม่มีสะเก็ดหรือเนื้อตายมาขวางอยู่

ขั้นตอน 4 กระบวนการปรับสมดุลโครงสร้างของแผล

จะมีการหดตัวของแผล และ เส้นใยคอลลาเจนมีการเรียงตัวสวยงาม ทำให้แผลแบนราบลง ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาช้าเร็วในแต่ละคนแตกต่างกัน

โดยปกติเมื่อเกิดบาดแผลเฉียบพลัน (Acute wound) ที่ไม่รุนแรงมาก แนะนำดังนี้ค่ะ

วิธีดูแลแผลสด
  1. ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำเกลือ ตรงนี้สามารถทำเองที่บ้านได้ ยกเว้นถ้าแผลใหญ่ รุนแรง สกปรก อาจต้องพบแพทย์เพื่อทำการ debridement ร่วมด้วยค่ะ
  2. หลังจากนั้นแนะนำให้ใช้ Wound Dressing ที่เหมาะสม แนะนำให้เลือกตามชนิดแผลและคุณสมบัติ แนะนำให้ใช้กลุ่มวัสดุที่ช่วยควบคุมความชื้นให้เหมาะสมได้ด้วย ยกตัวอย่าง

กรณีแผลมีน้ำเหลืองแฉะมาก

อาจเลือก Foams, alginates, hydrofibers เพราะช่วยดูดซับสารคัดหลั่งได้ดี

กรณีแผลเล็กน้อย ค่อนแห้ง

อาจเลือก Hydrocolloids, hydrogel กลุ่มนี้ยึดติดพื้นผิวดี และช่วยป้องกันแผลจากการปนเปื้อนของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคจากภายนอก

กรณีแผลมีน้ำเหลืองนิดหน่อย

เช่น แผลหลังทำเลเซอร์กลุ่ม resurfacing แผลผิวหนังอักเสบจากการแพ้ระคายเคือง แผลมีดบาด แผลไฟไหม้หรือแผลถลอกตื้น ๆ (partial to full-thickness skin depth) เป็นต้น อาจเลือกเป็น Hydrogels ซึ่งเป็น semipermeable semitransparent polymer gel ช่วยดูดซับน้ำเหลืองได้นิดหน่อย ข้อดี คือ ช่วยเพิ่มความชื้นให้แผลที่แห้งได้ดี ซึ่งทำให้กระบวนการสมานแผลทำได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดอาการปวดได้ และช่วยทำให้รู้สึกเย็นที่แผล

Wound dressing
ชนิดของ wound dressing

Hydrogel มีทั้งแบบแผ่นแปะปิดแผล และ แบบเจลทา

แบบแผ่นแปะ สามารถระเหยได้ และหลุดง่าย แนะนำให้มีวัสดุปิดยึดและทำการเปลี่ยนเมื่อแผลแห้ง

แบบเจล ใช้ง่ายสะดวก ปัจจุบันมีขายตามท้องตลาด หาซื้อง่าย

BOTTOM LINE

ถึงแม้กระบวนการหายของแผลที่ไม่รุนแรงนั้นสามารถเกิดได้เองตามธรรมชาติ แต่หากเรารู้ว่าต้องดูแลแผลอย่างไรอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้แผลสมานไวขึ้น แผลหายเร็วและทิ้งร่อยรอยเอาไว้น้อยที่สุดหรือหายเนียนเหมือนผิวปกติเลยก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องขึ้นกับผิวแต่ละบุคคลซึ่งอาจแตกต่างกันไป

—————————–

References

J Int Med Res. 2009 Sep-Oct;37(5):1528-42.

Open Biol. 2020 Sep;10(9):200223.

Biomedicines. 2021 Sep 16;9(9):1235.

—————————–

[Advertorial]

Dermatix Wound Care หรือเรียกง่ายๆว่า ไฮโดรเจลสมานแผล

ส่วนประกอบสำคัญ

  • Carbomer Intelligent Hydrogel นวัตกรรมไฮโดรเจล ช่วยควบคุมระดับความชื้นให้เหมาะสมกับการสมานแผล
  • Carnosine กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ เส้นเลือด เส้นใยคอลลาเจน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • Emoillients ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ได้แก่ cetrearyl ethylhexanoate, isopropyl myristate stearyl heptonoate, stearyl caprylate

เหมาะกับใช้ทาแผลถลอก แผลอักเสบ แผลถูกบาด แผลไหม้ที่ไม่รุนแรง แผลน้ำร้อนลวก แผลมอเตอร์ไซค์ล้ม

ปราศจากพาราเบน

Dermatix wound care

—————————–

อ่านบทความย้อนหลังที่

รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

 

 

 

 

สรุป Step รักษา Atopic dermatitis จาก EuroGuiDerm Guideline 2022 ในงาน #wcd2023

จะเห็นว่าพื้นฐานการรักษาที่คนไข้ทุกคนต้องปฏิบัติ คือ

✔️ Emoillient ทาครีมบำรุงปรับสภาพผิวให้เหมาะสมสม่ำเสมอ แม้โรคสงบแล้วก็ยังต้องทาต่อไป

✔️ เลี่ยง allergens ที่กระตุ้นให้ผื่นกำเริบ

✔️ ความรู้เกี่ยวกับตัวโรคและแผนการรักษา

หากมีผื่นเห่อช่วงเฉียบพลัน :

ใช้ยาทาสเตอรอยด์

หรือ ยากินสเตอรอยด์ เพื่อช่วย rescue ในระยะสั้น 1-2 สัปดาห์เท่านั้น

❌ยังไม่มีคำแนะนำให้กินยาวยาวๆๆ

ช่วง Maintenance:

พอผื่นเริ่มดีขึ้นแล้วจะเริ่มลดยาทาสเตอรอย์ โดยอาจเริ่มลดทาสลับกับ topical calcineurin inhibitors และค่อย ๆหยุดในที่สุด

การฉายแสงก็ช่วยได้ , wet wrap พอช่วยได้

บางคนเครียด

อาจต้อง psychosomatic counseling ร่วมด้วย

หากเป็นเยอะ

อาจให้ immunosuppressant ร่วม ที่ approved มี cyclosporin แต่ตัวที่มีข้อมูลใช้ได้อื่น ๆ คือ azathioprine, methotrexate

ปัจจุบันมีการรักษาใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพดีและผลข้างเคียงน้อย คือ

▫️ยากลุ่ม biologics เช่น dupilumab, abrocitinib, tralokinumab, upadacitinib

ซึ่งประเทศไทยตอนนี้เท่าที่ทราบมีตัวเดียวคือ dupilumab เป็นยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ซึ่งแพทย์เฉพาะทางผิวหนังจะเป็นคนพิจารณาตรวจเลือดและเอกซเรย์ปอดก่อนเริ่มฉีดว่าไม่มีข้อห้ามใด

▫️ยากลุ่ม JAKi เช่น baricitinib

ปล. ช่วงนี้รอติดตามสรุปความรู้จากงาน #wcd2023 กำลังทยอยสรุปลงให้ค่ะ

——————————————

รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

รู้หรือไม่..Shampoo, Conditioner, Hair serum มีประโยชน์ต่างกันอย่างไร

มาเริ่มกันที่ประโยชน์ของ Shampoo ก่อนค่ะ

แชมพูสระผม ไม่เพียงแต่ทำความสะอาดหนังศีรษะ ขจัดเหงื่อและน้ำมันส่วนเกิน ชำระล้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ตกแต่งผม แล้วยังช่วยให้เส้นผมแข็งแรงได้อีกด้วย

แชมพูบางอย่างมีการผสม active ingredients ที่ช่วยเสริมการรักษาโรคบางชนิดได้ เช่น หนังศีรษะอักเสบ รังแค ผมร่วง ผมบาง สะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ เป็นต้น

ประโยชน์ของแชมพู​
ประโยชน์ของแชมพู

ส่วนผสมของ Shampoo

  • Detergents คือ สารชำระล้างหรือสารทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ จะช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต่าง ๆ มักมีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิว (surfactants) เช่น Sodium Lauryl Sulfate (SLS) ซึ่งทำให้ผิวหนังแห้งระคายเคืองได้ หากใครผิวระคายเคืองง่ายหรือเป็นโรคหนังศีรษะอักเสบบ่อย ๆ ควรเลี่ยง SLS และอาจใช้เป็น Sodium Laureth Sulfate (SLES) แทน
  • Conditioning and active ingredients for hair manageability คือ สารปรับสภาพผม กลุ่มนี้มักเป็น Hydrolyzed protein (collagen, silk, animal proteins),, fatty substances เช่น vegetable oils, wax, lecithin, lanolin derivatives ที่สามารถซึมผ่าน hair shaft ได้ เพื่อช่วยบำรุงหนังศีรษะเพื่อให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมต่อการเกิดเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงสุขภาพดี แชมพูที่ได้มาตรฐานมักมี conditional effects ร่วมด้วยในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดี แข็งแรงและเงางาม หวีจัดทรงง่าย
  • Additives สารเติมแต่งอื่น ๆ เช่น

    สารที่ช่วยทำให้ข้นหนืด (Viscosity control agents), สารที่ทำให้เกิดฟอง (foam stabilizers), สารกันเสีย (preservatives) หากเป็นได้ควรเลี่ยง paraben เพราะมักก่อให้เกิดการแพ้สัมผัสได้บ่อย, น้ำหอม (fragrances)

ส่วนประกอบของแชมพู
ส่วนประกอบของแชมพู

ส่วนกลุ่มที่มีสารที่ช่วยเสริมการรักษาโรคบางชนิดได้ เช่น หนังศีรษะอักเสบ รังแค ผมร่วง ผมบาง สะเก็ดเงินที่หนังศีรษะ เราจะเรียกว่าเป็น Medicated Shampoo เช่น Tar, Salicylic acid, Sulfur, Selenium sulfide, Ketoconazole, Zinc pyrithione เป็นต้น

ในขณะที่ครีมนวดผม (Hair Conditioners)

เป็นอีก options ที่เข้ามาเติมจุดบกพร่องที่แชมพูทำไม่ได้ คือ ช่วยเรื่องความสวยงามของเส้นผม ช่วยบำรุงให้ผมนุ่ม เงางาม และเคลือบไม่ให้ผมชี้ฟู และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผมในกรณีผมดัด ย้อม ทำสี

ปกติจะแนะนำให้ใช้ครีมนวดหลังการสระผมด้วยแชมพู แล้วล้างออก หรือ กรณีผมแห้งเสียมาก อาจจะใช้ชนิดหมัก นวดปลายผมและทิ้งไว้ 20-30 นาทีก่อนล้างออก

ครีมนวดผม ประโยชน์ conditioner
ประโยชน์ของครีมนวดผม

ส่วนกรณี Leave-On Hair Serum

คือ การใช้เซรั่มบำรุงผมชนิดทาทิ้งไว้ ไม่ต้องล้างออก (หลักการคล้ายกับ Skin serum ที่ใช้บำรุงผิว) เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเช่นกัน อาจใช้แทนครีมนวดผมก็ได้ หรือถ้าจะให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควรใช้ร่วมกับการสระด้วย Shampoo และ นวดผมด้วย Conditioners

Leave-On Hair Serum
Leave-On Hair Serum

ประโยชน์ของ Leave-On Hair Serum

คือ ช่วยบำรุงเส้นผม เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม ป้องกันการทำร้ายผมจาก pollutions รอบตัว และยังช่วยให้ผมนุ่มและเงางาม

ส่วนผสมใน Leave-On Hair Serum มักเป็นส่วนผสมที่มี oil เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม หรือ กรณีที่ผมแห้งเสียชี้ฟูขาดการบำรุงมาก

แนะนำให้เลือกส่วนผสมที่มีสารบำรุงเข้มข้น และกลุ่ม protein ร่วมด้วย หรือ เทคโนโลยี Biocellular complex ใน Dove Hair Therapy ตัวใหม่ก็เน้นช่วยบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ในกลุ่มคนที่ผมแห้งเสีย และสามารถใช้หลังสระผมขณะผมหมาด ก่อนไดร์ผมเพื่อช่วยปกป้องผมจากความร้อนได้ด้วย

เทคนิกการใช้ Leave-On hair serum

  • แนะนำให้ทาลูบเบา ๆ เน้นบริเวณเส้นผมที่มีปัญหาโดยเฉพาะปลายผม โดยสามารถทาได้ทั้งผมแห้ง ผมเปียกหลังการสระ หรือ รอให้ผมหมาดก่อนจึงค่อยทาบำรุงก็ได้ทั้งนั้นค่ะ
  • Hair serum ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกคน แต่แนะนำให้ใช้ร่วมด้วยกรณีหากใครที่ผมแห้ง แข็งกระด้าง ชี้ฟู แตกปลาย
  • คนที่ไดร์ผมด้วยความร้อนบ่อย ๆ แนะนำให้เลือกทา Hair serum ที่ช่วยปกป้องผมจากความร้อน ก่อนไดร์ผม
  • Hair serum ให้ทาที่บริเวณเส้นผม ไม่ควรทาที่โคนผมหรือหนังศีรษะ
  • ใช้ Hair serum บ่อยแค่ไหน ขึ้นกับปัญหาเส้นผมแต่ละคน โดยปกติแนะนำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
เทคนิคการใช้ Leave-On Hair Serum​
เทคนิคการใช้ Leave-On Hair Serum

การมีเส้นผมที่สวย แข็งแรง เงางาม ถือเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเสริมบุคคลิกภาพให้น่ามองและชวนหลงใหลได้เลยทีเดียว ดังนั้นการให้ความใส่ใจกับการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ 

—————————–

References

Int J Trichology. 2015 Jan-Mar;7(1):2-15.

Recent Pat Inflamm Allergy Drug Discov. 2014;8:48–58.  

J Dtsch Dermatol Ges. 2007 May;5(5):356-65.

Clin Dermatol. 1996;14:123–8.  

—————————–

[Advertorial] DOVE Hair Therapy

เซรั่มบำรุงผม Leave on Hair Serum

Dove hair therapy
  • เทคโนโลยี ไบโอเซลลูล่า คอมเพล็กซ์ บำรุงลึกถึงระดับเซลล์ผม
  • เหมาะสำหรับผมแห้งเสีย ชี้ฟู ลดการขาดหลุดร่วง เนื้อเบาบางซึมเร็วไม่เหนอะหนะ ไม่ทำให้ผมมัน
  • ใช้ได้หลังจากผมหมาดก่อนไดร์ เพื่อปกป้องผมจากความร้อน หรือพกใช้ระหว่างวันช่วยให้ผมจัดทรงง่าย
  • แนะนำใช้คู่กับแชมพูและครีมนวดสูตรสีทอง BREAKAGE REMEDY เพื่อเพิ่มการบำรุงให้ล้ำลึกไปอีกขั้น
  • ไบโอ เซลล์ลูล่า คอมเพล็กซ์ + vitamin C ช่วยให้ผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง
  • ครีมนวดผมมี 2 หัว เป็น 2-in-1 เซรั่มวิตามิน + คอนดิชันเนอร์เข้มข้น ที่ผสมสดใหม่ทุกครั้ง เพื่อประสิทธิภาพที่ดี

หาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าทั่วไป และ Tops Watsons และทางออนไลน์ Shopee Lazada

#DoveHairTherapy #จบปัญหาผมเรื้อรังที่ระดับเซลล์

—————————–

‍⚕️อ่านบทความย้อนหลังที่ 

รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

เซรั่มวิตามินซี .. How to เลือกให้ดี เพื่อผิวปัง

หากจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เมื่อทาวิตามินซีแล้วควรซึมผ่านชั้นผิวหนังกำพร้าลงไปและยังคงตัวอยู่ในสภาพที่ออกฤทธิ์ที่ชั้นหนังแท้ได้ดี เรียกได้ว่าต้องมีความเสถียรและระคายเคืองต่อผิวน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แล้วตัวไหนล่ะที่เหมาะกับเรา มาทำความรู้จักกันค่ะ

วิตามินซีชนิดทา มี 2 แบบ คือ

ชนิดของวิตามินซีแบบทา​
ชนิดของวิตามินซีแบบทา
  1. Pure Vitamin C (L-ascorbic acid)
  2. อนุพันธ์ของวิตามินซี (Vitamin C derivatives) เช่น MAP, SAP, Ascorbyl Tetraisopalmitate, Ascorbyl 2-Glucoside, 3-O-Ethyl Ascorbic Acid เป็นต้น

L-ascorbic acid ถือว่ายืนหนึ่งเหนือกว่าอนุพันธ์ของวิตามินซีตัวอื่น เพราะมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ประการ คือ

คุณสมบัติของวิตามินซีทาผิว​
คุณสมบัติของวิตามินซีทาผิว
  • ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว (Collagen boost)
  • ยับยั้งในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว (anti pigmentation)

ในขณะที่อนุพันธ์ของวิตามินซีต่างๆ มักจะมีคุณสมบัติเบื้องต้นแค่ 1-2 ประการ เท่านั้น ส่วนใหญ่มักไม่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้

แต่ข้อด้อยของ L-ascorbic acid คือ สลายง่ายที่ค่า pH ปกติที่ผิวหนังเรา เพราะถ้าจะให้ออกฤทธิ์ดีต้อง pH < 3.5 และยังมีการระคายเคืองค่อนข้างมาก บางคนจึงมีอาการแสบระคายเคืองได้

ปัจจุบันมีการพัฒนาสกินแคร์ L-ascorbic acid

เพื่อให้มีความคงตัวและออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

L-Ascorbic Acid แบบทาที่ดี​
L-Ascorbic Acid แบบทาที่ดี
  • การผสม Vitamin E, Ferulic acid
  • การทำให้อยู่ในค่า pH < 3.5 โดยไม่ระคายเคือง
  • การทำบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม คือ สุญญากาศหัวปั๊ม ทึบแสง
  • การทำเป็น serum-based พบว่าคงตัวกว่า cream-based หรือ แยกผงวิตามินซีออกจากเซรั่มเพื่อความคงตัว

ความเข้มข้นเท่าไหร่ดี

มีงานวิจัยจากการดูชิ้นเนื้อและกล้องที่ผิวหนัง พบว่า

ความเข้มข้นของ L-Ascorbic Acid​
ความเข้มข้นของ L-Ascorbic Acid

ความเข้มข้นน้อยกว่านี้

ยังไม่มีข้อมูลสรุปว่ามีคุณสมบัตินี้ได้จริงหรือไม่ มีเพียงการศึกษาที่พบว่าไม่ได้ผล แต่บางครั้งเราอาจเห็นความเปลี่ยนแปลงจากผิวหลังการทาวิตามินซีความเข้มข้นต่ำจากรีวิวสินค้าหรือโฆษณาต่าง ๆ เช่น ขาวขึ้น รอยลดลง ทั้งนี้อาจเป็นเรื่องของปัจจัยอื่น เช่น การบำรุงจากส่วนผสมอื่น ๆ เทคนิคการกระเจิงแสง การอุ้มน้ำในผิว เป็นต้น

ความเข้มข้นมากกว่านี้

มีการศึกษาชัดเจนว่า ไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นมากนัก แต่สิ่งที่มากขึ้นคือ ผลข้างเคียงจากการระคายเคืองผิว และราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน

แบรนด์ที่ได้มาตรฐาน มักระบุคุณสมบัติข้างต้นไว้ชัดเจน เพื่อการันตีถึงความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค และผู้บริโภคควรสอบถามข้อมูลเบื้องต้นต่าง ๆ เพื่อเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุด

ปัจจุบันมีวิตามินซี L-ascorbic acid ชนิดทาหลายแบรนด์ในท้องตลาด ราคาแตกต่างกันออกไป ทั้งราคาจับต้องได้ เช่น ไปจนถึงแพงหลายพันบาทเลยก็มี แนะนำให้เลือกตามคุณสมบัติที่กล่าวข้างต้น และราคาที่เหมาะสมกับกำลังจ่ายของตัวเองค่ะ

—————————–

References

J Cosmet Dermatol. 2022 Jun;21(6):2349-2359. 

J Cosmet Dermatol. 2020 Mar;19(3):671-676. 

Nutrients. 2017 Aug 12;9(8):866.

J Clin Aesthet Dermatol. 2017 Jul;10(7):14-17.

Skin Res Technol. 2008 Aug;14(3):376-80.

J Am Acad Dermatol. 2003 Jun;48(6):866-74.

—————————–

In collaboration with HERBITAGE C-Signature 27.5

เซรั่มวิตามินซีผสมสด เหมาะสำหรับผิวที่มีฝ้า กระ รอยดำ ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส

แยกผงวิตามินซีออกจากเซรั่ม เพื่อความคงตัว และมีค่า pH 3.5

Active Ingredients

15% L-Ascorbic Acid กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ลดรอยดำ ผิวดูกระจ่างใส

Oxyresveratrol สารสกัดแก่นมหาดเข้มข้น (Artocarpus Lakoocha Heartwood Extract) ช่วยฝ้า กระ รอยดำ แลดูจางลง

AOX Complex Solution ประกอบด้วย Ferulic Acid + Tocopheryl Acetate + Glutathione + Fullerene สารต้านอนุมูลอิสระรางวัลโนเบล

2% Brightenyl ลดการสร้างเม็ดสีผิว

1% CICA Complex ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง

เนื้อเซรั่ม บางเบา ซึมไว

*ข้อมูลจาก HERBITAGE ทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการวิจัยโดยสถาบัน Dermscan Asia ในคนเอเชียอายุ 23 – 58 ปี และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ

ทดสอบการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยใช้ human skin model พบว่า

  • ผิวดูใสขึ้นใน 10 วัน
  • ฝ้า และรอยดำ ดูจางลง 23% (เมื่อทาต่อเนื่อง 28 วัน)
  • สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ใกล้เคียงกับ 0.5% Retinol

ข้อมูลเพิ่มเติม และ Link ร้านค้าอย่างเป็นทางการ (ป้องกันของปลอม)

Shopee : https://bit.ly/2PmOxy7

Lazada : https://bit.ly/3fzwrUy
Tiktok Shop : https://bit.ly/3v0pO49

—————————–

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

สิวที่มองไม่เห็น .. รู้จักไหม ?

เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมพอเริ่มทายาหรือสกินแคร์สิว แล้วอยู่ดี ๆ กลายเป็น สิวผุดมากขึ้นกว่าเดิม นั่นเป็นเพราะใต้ผิวที่แลดูเหมือนเรียบเนียน ยังมีสิวอุดตันเล็ก ๆ ที่ก่อตัวอยู่ด้านล่างและรอผุดขึ้นมานั่นเอง

เรามักจะพูดถึงสิวในระยะที่ปรากฎเห็นขึ้นมาที่ผิวหนัง (Visible acne) ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตันหัวดำ สิวอุดตันหัวขาว สิวอักเสบ สิวหัวหนอง
แต่ความจริงแล้ว การก่อตัวของสิวมีระยะก่อนหน้านั้นอีก เรียกว่า สิวที่มองไม่เห็น (Invisible acne) หรือบางทีเรียกว่า microcomedone

Microcomedone

สาเหตุของการเกิด microcomedone

ก็เหมือนกับการเกิดสิวทั่วไป คือ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่ามีปัจจัยที่กระตุ้น เช่น

Microcomedone

• ฮอร์โมนและความเครียด
• ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ผิว
• การหลั่งน้ำมันผิวมากขึ้น
• การอุดตันของรูขุมขน
• พันธุกรรม
• ยาบางชนิด
• การอุดตันของส่วนผสมในเครื่องสำอาง
เป็นต้น

วงจรสิวที่มองไม่เห็น

ถ้าหากดูแลผิวถูกวิธีก็อาจทำให้ microcomedone นี้หายไปได้ แต่หากดูแลผิวไม่ดีพอ หรือ ยังมีปัจจัยกระตุ้นอยู่ ก็จะส่งผลให้กลายเป็นสิวที่โผล่ขึ้นมาให้เราเห็นเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบได้ในที่สุด หรืออาจจะกลายเป็นรอยดำรอยแดงโดยที่ยังไม่เห็นสิวโผล่ขึ้นมาก็ได้เช่นกัน

รวมทั้งหลังการรักษา หากสิวยุบลงไปหมดจนไม่เห็นด้วยตาเปล่าอีกรอบแล้ว แต่กลไกการเกิดสิวยังคงดำเนินต่อไป เราจึงต้องมีการปรับยาและสกินแคร์ให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการเกิดรอยดำรอยแดงสิว และลดการกลับมาเป็นซ้ำของสิวได้อีก

วิธีการที่แนะนำเพื่อจัดการสิวที่มองไม่เห็น ได้แก่

• ล้างหน้าให้สะอาด
• งดบีบหรือเจาะบริเวณที่คลำมีเม็ดใต้ผิว
• เลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับผิว โดยเน้นสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติช่วยได้ตามกลไกของการเกิดสิว ได้แก่

  1. ลดการอุดตันของรูขุมขน
  2. ลดการทำงานของต่อมไขมัน
  3. ลดการอักเสบ
  4. ปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ที่ผิว

ยกตัวอย่าง KENE Acnelix Series ซึ่งมี 5 ส่วนผสมหลัก ที่มีข้อมูลว่าออกฤทธิ์ช่วยได้ครบกลไกทั้ง 4 อย่างของการเกิดสิว ได้แก่
Encapsulated salicylic acid, bakuchiol, niacinamide, EGCG, resveratrol
[อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมท้ายบทความ]

อย่างไรก็ตามการตอบสนองต่อยาและส่วนผสมแต่ละชนิดในแต่ละบุคคลนั้นไม่เหมือนกัน แนะนำให้ลองเลือกและปรับตามสภาพผิวของตัวเอง

หากไม่แน่ใจว่าเป็นสิวหรือไม่ หรือเป็นสิวรุนแรงเรื้อรัง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดค่ะ

ด้วยความปรารถนาดี

——————————

KENE Acnelix Concentrate Acne Serum

เซรั่มสำหรับผู้มีปัญหาสิว
เหมาะสำหรับผิวที่เป็นสิว สามารถใช้ต่อเนื่องระยะยาวเพื่อลดการกลับเป็นซ้ำของสิว
ACTIONs
✔️ 6.6% Encapsulated salicylic acid ลดการอุดตันรูขุมขน ลดการหลั่งน้ำมันผิว
✔️ 1% Resveratrol ลดการอักเสบ ลดการหลั่งน้ำมันผิว
✔️ 1% Bakuchiol ลดการอุดตันรูขุมขน ลดการอักเสบและลดการเจริญเติบโตของ C.acne
✔️ 5% Niacinamide ลดการอักเสบ ลดการสร้างเม็ดสีผิว
✔️ 1% EGCG, Zinc PCA ลดความมันผิว ลดการอักเสบ

KENE Acne Clearing Gel

เจลแต้มสิว ลดการอักเสบรวดเร็ว และลดการเกิดรอยหลังการเกิดสิว
ACTIONs
✔️ 6.6% Encapsulated salicylic acid ลดการอุดตันรูขุมขน ลดการหลั่งน้ำมันผิว
✔️ 1% Resveratrol ลดการอักเสบ ลดการหลั่งน้ำมันผิว
✔️ 5% Niacinamide ลดการอักเสบ ลดการสร้างเม็ดสีผิว
✔️ Tea trea oil ลดการอักเสบ ยับยั้งเชื้อ C.acne
✔️ 1% EGCG, Zinc PCA ลดความมันผิว ลดการอักเสบ
✔️ Potassium azeloyl diglycinate ลดการสร้างเม็ดสี ลดการอักเสบ

KENE Acnelix Series

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Retinol ก่อนเริ่มต้องรู้

หลายคนทราบดีว่า นอกจากครีมกันแดด antioxidants ดี ๆ แล้ว ถ้าอยากชะลออายุผิวต้องมีวิตามินเอชนิดทาร่วมด้วยใน skincare checklists

วิตามินเอตัวที่มีข้อมูลวิจัยทางการแพทย์สนับสนุนว่าช่วยเรื่อง anti aging ได้มากสุด คือ retinoic acid (ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นยา) และพบผลข้างเคียงได้บ่อย

ส่วนกรณีชนิดที่เป็นเวชสำอางค์ (ไม่ใช่ยา) ก็มีข้อมูลว่ากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอที่ช่วยเรื่อง anti aging ได้คล้ายคลึงกันแต่ต้องมีการเปลี่ยนเป็น retinoic acid ในร่างกายก่อนจะออกฤทธิ์ได้ แต่ข้อได้เปรียบ คือ ผลข้างเคียงเรื่องการระคายเคืองน้อยกว่ายา ทำให้หลายคนเลือกที่จะเริ่มด้วยกลุ่มนี้ และที่สำคัญสามารถใช้ในระยะยาวได้ด้วย

หากไม่เคยทาอนุพันธ์วิตามินเอมาก่อนเลย สามารถเริ่มในกลุ่ม Retinol ได้ไหม ⁉️

คำตอบ คือ ได้ค่ะ

Retinol ไม่ได้ถูกจัดเป็นยา สามารถหาซื้อได้เอง เป็นตัวที่ถูกนำมาผสมในสกินแคร์ over-the-counter อย่างแพร่หลาย 

Retinol จะถูกเปลี่ยนเป็น Retinoic acid ก่อนออกฤทธิ์ที่ผิว ทำให้ประสิทธิภาพน้อยกว่าการทากรดวิตามินเอโดยตรง (เพราะไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงก่อนออกฤทธิ์)

พื้นฐานเรตินอล retinol

มีข้อมูลหลังการทาสกินแคร์ Retinol พบว่า

ทา Retinol 0.075-0.1% นาน 2-12 เดือน (แล้วแต่งานวิจัย) พบว่า สภาพผิวจากการประเมินภาพถ่ายผิวดีขึ้นชัดเจน คือ

✔️ ริ้วรอยตื้น (fine wrinkle) ดูดีขึ้น

✔️ จุดด่างดำจากแสงแดด (photo damaged spot) ดูจางลง

ทา Retinol 0.4% และตัดชิ้นเนื้อผิวหนังและย้อมพิเศษ พบว่า

✔️ ผิวชั้นบนหนาขึ้น (Epidermal thickness)

✔️ เส้นเลือดที่ผิวชั้นหนังแท้เพิ่มขึ้น (Dermal vascularity)

✔️ เซลล์ไฟโบรบลาสต์ทำงานเพิ่มขึ้น (Dermal fibroblast activation)

อยากชะลออายุผิว

ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อได้ว่า ถึงแม้ topical retinol จะประสิทธิภาพไม่เท่ายาทากรดวิตามินเอ แต่ข้อมูลพบว่ามีผล antiaging ต่อผิวมนุษย์ได้จริง แต่ข้อดีของ retinol คือ ผลข้างเคียงน้อย เหมาะกับผู้เริ่มต้น ผู้มีผิวระคายเคืองง่าย

คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มใช้ retinol skincare

  1. ล้างหน้าให้สะอาดด้วย gentle cleanser แนะนำเลี่ยงการสครับผิวในช่วงที่ใช้เรตินอล
  2. เริ่มทาบาง ๆ เว้นบริเวณที่ระคายเคืองง่าย เช่น รอบตา รอบปาก ซอกจมูก 
  3. เริ่มที่ความเข้มข้นต่ำก่อน เช่น 0.3% —> 1% Retinol
  4. เริ่มปริมาณน้อย pea-sized ประมาณถั่วลันเตาทั่วหน้า 
  5. เริ่มความถี่ต่ำ เช่น 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และค่อยเพิ่มถี่ขึ้นหากไม่มีการระคายเคือง เช่น วันเว้นวัน ทุกวัน
  6. ใช้ moisturizer ที่เสริมความแข็งแรงผิว และลดการระคายเคือง และ ครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอ
วิธีการทา retinol

❌ เลี่ยงการใช้ Retinol ในช่วงที่ออกแดดจัด, ผิวอักเสบ มีแผล 

❌ หยุดใช้เมื่อมีการระคายเคือง แสบ แดง ลอก

❌ ควรเลี่ยงการใช้ Retinol ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

PRACTICAL POINTs

สามารถใช้ Retinol ร่วมกับ สกินแคร์อื่นที่เสริมการดูแลผิวได้ บางเว้นบางกรณีควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เช่น

Retinol & Glycolic acid

เสริมการดูแลผิวกันได้ดี ทั้งรอยดำ สิว ริ้วรอยเล็ก แต่อาจระคายเคืองได้ อาจใช้สลับวันกัน

Retinol & Hyaluronic acid, Ceramide

เสริมกันได้ดี ทาร่วมกันได้ แนะนำลง Hya ก่อน เพื่อเติมความชุ่มชื้นผิว หรือ ลง Ceramide ก่อนหรือหลัง เพื่อลดการระคายเคืองจาก Retinol

Retinol & Niacinamide

เสริมกันได้ดีเรื่องสิว ทาร่วมกันได้ และ niacinamide ยังช่วยลดการอักเสบผิวจาก retinol ได้ด้วย

Retinol & Vitamin C

เสริมกันได้ดีในเรื่อง skin texture, ริ้วรอยเล็ก, รอยดำ แต่อาจระคายเคืองได้บางคน แนะนำทาสลับวันกัน หรือ อาจทา vitamin C เช้า + retinol เย็น ก็ได้เช่นกัน

Retinol & Salicylic acid

เสริมกันได้ดีเรื่อง สิว และ คุมมัน คู่นี้เหมาะสำหรับคนผิวมันเป็นสิว แต่อาจระคายเคืองได้บางคน แนะนำทาสลับวันกัน หรือ อาจทา salicylic acid เช้า + retinol เย็น

Retinol & Peptides

เสริมกันได้ดีมากเรื่อง antiaging ลดริ้วรอย 

Retinol เรตินอล

ยกตัวอย่าง นัมเบอร์เซเว่น เรตินอล ได้ค้นพบสูตร No7 Advanced technologies เอกสิทธิ์เฉพาะจากแบรนด์นัมเบอร์เซเว่น มี Matrixyl3000 plusTM ซึ่งเป็น peptide ทรงประสิทธิภาพสามารถซึมผ่านผิวชั้นบนได้ดี ไปกระตุ้นการผลิต collagen ในผิวชั้นหนังแท้ และยังเป็นส่วนประกอบของคอลลาเจนได้อีก ส่งผลให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง ผิวเรียบขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใช้ต่อเนื่องระยะยาว

[อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมท้ายบทความ]

BOTTOM LINE

การเลือกสกินแคร์ไม่มีสูตรตายตัว ดีที่สุด คือ ต้องเลือกให้เหมาะกับผิวของแต่ละคน เพราะสิ่งหนึ่งดีกับผิวเพื่อน อาจไม่ใช่สำหรับผิวของเรา

ด้วยความปรารถนาดี

——————————————

References

Int J Cosmet Sci. 2017 Feb;39(1):56-65.

Clin Dermatol. 2019 Jul-Aug;37(4):365-372.

——————————————

สนับสนุนบทความโดย No7 Retinol

No7 pure retinol

No7 Advanced Retinol 1.5% Complex Night Concentrate *

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าสูตรกลางคืน สูตรอ่อนโยน

มี Pure retinol 0.3% แนะนำสูตรนี้สำหรับผู้เริ่มต้นใช้  

No7 Pure Retinol 1% Serum *

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าสูตรกลางคืน สูตรเข้มข้น

มี Pure retinol 1% เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผิวมากขึ้น 

No7 Post Retinol Soother

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 

แนะนำให้ใช้ หลังใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอล เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการระคายจากการใช้เรตินอล

เทคโนโลยี No7 Advanced technologies เอกสิทธิ์เฉพาะจากแบรนด์นัมเบอร์เซเว่น

▫️ Retinol Optimizer ช่วยให้เรตินอลเสถียรและซึมได้ดี

▫️ Retinol Soother ได้แก่ Niacinamide, Bisabolol และ Ceramides ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง

▫️ Metrixyl 3000plusTM เปปไทด์ช่วยเสริมการกระตุ้นการผลิต collagen ในผิวชั้นหนังแท้

*ข้อมูลจากแบรนด์ No7 พบว่า ช่วยลดสัญญาณการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ดี 

  • ริ้วรอยแลดูเรียบเนียนขึ้น
  • สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอแลดูลดลง
  • ผิวแลดูใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • รูขุมขนดูดีขึ้น
  • สภาพผิวโดยรวมดูดีขึ้นอย่างชัดเจน

ปราศจากน้ำหอม อ่อนโยนต่อผิวที่บอบบาง

การตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละบุคคล

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.