Tag Archives: สกินแคร์

Cleansing Tips By Dermatologist ‼️

How to ล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี ‼️
Cleansing Tips by dermatologist

โพสนี้ขอเล่าเกี่ยวกับการล้างหน้าที่ถูกวิธีให้ทุกคนลองสำรวจดูว่า มีใครล้างหน้าไม่เหมาะสมก็ลองมาปรับกันดู แล้วจะรู้ว่าเพียงแค่ปรับการล้างหน้าให้ถูกวิธี ก็ทำให้หน้าใสและมีสุขภาพผิวดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

มาเริ่มกัน …

1. การล้างหน้าให้สะอาด ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดก่อนจะเริ่มทาครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไป เพราะสกินแคร์จะไม่สามารถซึมสู่ผิวและให้ประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ถ้าหากยังมีสิ่งสกปรกตกค้างขวางเอาไว้อยู่ คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามความสำคัญจุดนี้ไป
ดังนั้น เราควรปรับแนวคิด ให้ความสำคัญกับการล้างหน้าให้สะอาดมาเป็นอันดับต้น ๆ ของขั้นตอนในการดูแลผิว

2. มีงานวิจัยพบว่า การล้างหน้าวันละครั้งอาจไม่สามารถทำความสะอาดได้เพียงพอและทำให้เกิดสิวอักเสบมากขึ้นได้ ส่วนการล้างหน้ามากกว่า 2 ครั้งต่อวัน จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แห้งตึง อักเสบง่าย และก่อสิวอุดตันตามมาได้
ดังนั้น การล้างหน้า 2 ครั้งต่อวัน ถือว่าเพียงพอ ยกเว้นมีการสกปรกอาจล้างเสริมได้ และการล้างที่เหมาะสมคือ แนะนำใช้มือสะอาดนวดวนเบา ๆ ไปตามรูขุมขนนานประมาณ 15-20 วินาที ไม่เร็วหรือนานจนเกินไป

3. ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการล้างหน้า ควรมี pH ใกล้เคียงกับผิว คือ 4.5-5.75 หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ pH ต่ำเกินไป อาจก่อความระคายเคืองและผิวอักเสบได้ และหาก pH สูงกว่านี้ เช่น พวก soap ที่ฟองเยอะ หรือสบู่ก้อนล้างมือหรืออาบน้ำ เหล่านี้อาจทำให้ผิวแห้ง ตึง เกิดริ้วรอยก่อนวัยตามมาได้
ดังนั้น แนะนำ soap-free มีค่า pH เหมาะสม หลังล้างหน้าแล้วจะไม่รู้สึกแสบแดง แห้ง หรือตึงเอี๊ยด และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ

4. น้ำที่ใช้ล้างเพื่อทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติหรืออุ่นเล็กน้อย ไม่ควรใช้น้ำร้อน หรือ เย็นจนเกินไป และต้องรู้ว่าน้ำเปล่ามีค่าความเป็นด่างค่อนข้างสูง อาจทำลาย skin barrier ได้
ดังนั้น ไม่แนะนำให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียวโดยไม่ใช้ cleanser และไม่แนะนำใช้น้ำร้อนเพราะจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นหลังล้างหน้า

5. น้ำหอม อาจก่อการระคายเคืองหรือแพ้ได้
ดังนั้น แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีน้ำหอม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพ้และระคายเคืองตามมา

6. มีงานวิจัยพบว่า Cleanser และ Cleansing oil สามารถล้างครีมกันแดดชนิด Non-waterproof ออกได้หมด แต่การล้างด้วยน้ำเปล่าเดี่ยว ๆ ไม่สามารถชำระล้างส่วนผสมของน้ำมันในครีมกันแดดชนิดนี้ได้ ทำให้หลังล้างน้ำเปล่าเดี่ยว ๆ จะยังรู้สึกเหนียวที่ใบหน้าอยู่
ดังนั้น หากใช้ Non-waterproof sunscreen ควรล้างด้วย Cleanser หรือ Cleansing oil ก็ได้ แต่ไม่ควรล้างน้ำเปล่าอย่างเดียว

7. มีงานวิจัยพบว่า Waterproof sunscreen หลังทาแล้วจะมีคุณสมบัติคล้ายครีมรองพื้นเคลือบผิวไว้เพื่อป้องกันน้ำและเหงื่อ จึงทำให้ไม่สามารถล้างออกให้สะอาดได้ด้วยน้ำเปล่าหรือ Cleanser ทั่วไป
ดังนั้น หากใช้ Waterproof sunscreen แนะนำให้ล้างด้วย Cleansing oil จึงจะสามารถชำระล้างออกได้หมดและป้องกันการเกิดสิวอุดตันตามมา ไม่แนะนำล้างด้วย Cleanser ธรรมดา

8. หากแต่งหน้า ก็คล้ายกับ Waterproof sunscreen ซึ่งไม่สามารถล้างออกด้วยน้ำเปล่าหรือ Cleanser ทั่วไป
ดังนั้น หากต้องการล้าง Makeup แนะนำให้ล้างด้วย Cleansing oil ดีกว่า Cleanser ธรรมดา

9. Double cleansing คือ การล้างหน้า 2 สเต็ป จะช่วยให้สามารถขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน เครื่องสำอาง หรือพวกครีมกันแดดชนิดกันน้ำได้ดี
วิธีการคือ

ขั้นตอนแรก อาจเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ

▫️Micellar water แนะนำในผิวแพ้ง่าย แต่ก็ใช้ได้ทุกสภาพผิว
▫️Cleansing oil แนะนำในคนแต่งหน้าหนา ใช้ครีมกันแดดหรือเครื่องสำอางชนิดกันน้ำ
▫️Cleansing balm แนะนำในคนผิวแห้งมาก เพราะไม่ระคายเคือง และยังเพิ่มความชุ่มชื้นผิว

จากนั้นตามด้วยขั้นตอนที่สอง คือ

▫️ล้างด้วย Cleanser ธรรมดา
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้วิธี double cleansing ทุกคน แนะนำเฉพาะคนที่แต่งหน้าจัดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ชนิดกันน้ำ และแนะนำให้ใช้วิธีนี้สำหรับล้างหน้าตอนเย็น ส่วนตอนเช้าอาจล้างด้วย Cleanser ธรรมดาพอ เพื่อลดการ overwashing

10. มีงานวิจัยพบว่า ในกรณีแต่งหน้าหรือผิวหน้าสกปรกมาก การใช้อุปกรณ์หรือแปรงล้างหน้าไฟฟ้า Cleansing gadget ต่างๆ ร่วมกับ Cleanser ที่เหมาะสม สามารถช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน สิวเสี้ยนได้ดี และทำความสะอาดผิวได้สะอาดมากกว่าการล้างหน้าด้วยมือเปล่า ส่งผลให้ครีมบำรุงที่ใช้สามารถออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ผิวหน้าจึงดีขึ้นตามมา แต่การใช้บ่อยเกินไปจะยิ่งก่อให้เกิดความระคายเคืองตามมาได้
ดังนั้น Cleansing gadget อาจเป็นอีกทางเลือกที่ใช้ได้ในคนที่แต่งหน้าหนาและสิวอุดตันเยอะ โดยแนะนำให้ใช้แค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนในกรณีอื่น ๆ ก็อาจจะยังไม่จำเป็น

11. พบว่าหากใช้ Cleansing gadget ขณะสิวอักเสบ มีแผล มีโรคผิวหนังอักเสบอื่น ๆ ร่วมด้วย อาจทำให้ยิ่งเกิดการอักเสบและระคายเคืองมากขึ้น ผิวหน้าจะยิ่งแย่ไปใหญ่
ดังนั้น ไม่แนะนำให้ใช้ใน คนที่กำลังมีสิวอักเสบ โรคผิวหนังอักเสบ มีแผล ผิวบอบบาง หรือ ผิวหลังทำเลเซอร์

12. มีงานวิจัยพบว่าอุปกรณ์ล้างหน้าที่ใช้ระบบ T-Sonic pulsation 8,000 ครั้งต่อนาที สามารถขจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกินและเครื่องสำอางที่ตกค้างได้ถึง 99.5% และหากขนแปรงผลิตจาก Medical grade Silicone จะช่วยป้องกันการสะสมก่อตัวของเชื้อโรคได้ดีกว่ากลุ่มที่ผลิตจากไนลอน และขนแปรงที่ใช้ก็ควรนุ่มนวลเพื่อลดการระคายเคือง ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อใหม่ ๆ บางรุ่นสามารถปรับระดับความสั่นได้ เลือกระดับความนุ่มให้เหมาะกับสภาพผิวได้ เช่น LUNA3
ดังนั้น หากไม่มีข้อห้ามและอยากลองใช้ Cleansing gadget แนะนำเลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐานผ่านการรับรอง, ผลิตจาก Medical-grade silicone, ขนแปรงนุ่มไม่ระคายเคือง กันน้ำได้ เพื่อลดการก่อตัวของเชื้อโรคอันเป็นบ่อเกิดการติดเชื้อตามมา และไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น

เป็นอย่างไรบ้างคะ มีใครที่ยังล้างหน้าไม่สะอาดบ้างไหม หวังว่าบทความจะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนได้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันนะคะ อ้อ..ที่สำคัญ อย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนล้างหน้าด้วยและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำร้ายผิวนะคะ

References
J Dermatolog Treat. 2018 Nov; 29(7): 688-693.
J Cosmet Dermatol. 2019; 00: 1-5.
J Cosmet Dermatol. 2019; 1-6.
J Am Acad Dermatol. 2017; 76(6): Supp1,AB233.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
Product mentioned
🌟 LUNA3 by Foreo Sweden 🌟
✔️ 2-in-1 : Cleansing & Firming mode
✔️ ขนแปรงนุ่ม ผลิตจาก Medical-grade Silicone มีให้เลือกตามสภาพผิว : สีชมพู (ผิวธรรมดา ผิวแห้ง), สีฟ้า (ผิวมัน ผิวผสม), สีม่วง (ผิวแพ้ง่าย)
✔️ ระบบ T-sonic pulsation 8,000 ครั้งต่อนาที ปรับได้ 16 ระดับ
✔️ Medical Claim มี User test study conducted at the Svetech Laboratory
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://foreo.se/w0q

Disclaimer: Content Sponsored by Foreo

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง & MEET FOREO Sweden
All rights reserved.

ครีมยูเรีย..ทาหน้าได้ไหม ?

ครีมยูเรีย พูดชื่อแล้วบางคนอาจจะงง แต่ถ้าบอกว่า ครีมไดอะบีเดิร์ม, ศิริราชซอฟแคร์, ยูเซอรีนยูเรียรีแพร์ บลาๆๆ.. หลายคนคงร้องอ๋อออ

อีกคำถามที่ถูกถามมาเยอะว่า “ครีมยูเรีย..ใช้ทาที่หน้าได้มั้ย” สรุปง่าย ๆ ตามนี้เลย

ครีมยูเรีย urea cream moisturizer

ยูเรียเป็นส่วนประกอบหนึ่งในผิวหนัง

พบได้ประมาณ 7% ของ NMF (Natural Moisturizing Factor) ซึ่งอยู่ที่ผิวหนังชั้นกำพร้าของเรา ส่วนนี้จะทำหน้าที่ปกป้องผิว กักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้แก่ผิว

ปริมาณของ urea ใน NMF จะลดลงไปตามอายุ ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ

• หาก NMF ไม่สมบูรณ์ ผลคือ สูญเสียน้ำ เสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวแห้งกร้าน ลอก ในที่สุด

• ปัจจุบันที่การนำ urea มาผสมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ครีม, โลชั่น, โฟม, อิมัลชั่น ประมาณ 5-20%

รายงานผลข้างเคียงจากการใช้น้อยมาก เรียกได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย

ความเข้มข้นที่ต่างกันออกฤทธิ์ไม่เหมือนกัน

• หากต่ำกว่า 10% จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizing effect) จึงมักใช้ในพวกผิวแห้ง เช่น Xerosis, Ictyosis, Atopic dermatitis, Psoriasis
• หากเกิน 10% ขึ้นไป จะออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว (Keratolytic effect) มักใช้ในรอยโรคผิวหนังที่หนา เช่น Psoriasis ที่เป็นเยอะ หรือ ใช้กับที่เล็บ, รักษาหูด, ตาปลา ส้นเท้าหนาแตกด้าน

ดังนั้น การที่ครีมบางชนิดมี ความเข้มข้นมากขึ้นไม่ได้แปลว่าจะต้องดีกว่าเสมอไป ควรเลือกให้ถูกวัตถุประสงค์ เช่น หากนำ 20% มาใช้กรณีผิวแห้ง ก็อาจทำให้รอยโรคแย่ลงได้จากการผลัดลอกเซลล์ผิวมากขึ้นกว่าเดิม

ครีมยูเรียสามารถใช้ทาเดี่ยว ๆ เพื่อรักษาโรคทางผิวหนัง หรือทาเพื่อเพิ่มการดูดซึมของยาตัวอื่นได้

เช่น
• 10% urea ร่วมกับ hydrocortisone หรือ betamethasone-17-valerate ในการรักษาโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
• 10% urea ร่วมกับ 1% hydrocotisone, 2% salicylic acid ในการรักษาโรคผิวแห้ง Ictyosis vulgaris
• 10-40% urea ร่วมกับ dithranol หรือ bifonazole ในการรักษาโรคสะเก็ดเงิน
• 40% urea ร่วมกับ 1% fluconazole ในการรักษาเชื้อราที่เล็บ

สรุปยูเรียถึงแม้จะค่อนข้างปลอดภัยไม่ค่อยมีรายงานผลข้างเคียง แต่มีข้อควรระวัง

• ใช้กับโรคผิวหนังเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวและช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอกออก ไม่ควรซื้อมาทาเล่นโดยไม่มีข้อบ่งชี้
• ระคายเคืองได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการทาในที่ผิวบอบบาง เช่น เปลือกตา ริมฝีปาก อวัยวะเพศ รวมทั้งใบหน้า ยกเว้นหากรอยโรคหนาที่หน้าอาจใช้ได้ชั่วคราว และควรใช้ความเข้มข้นต่ำ ไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องนาน และหยุดทาเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว
• หญิงตั้งครรภ์ เลี่ยงการทาบริเวณหน้าอก ป้องกันเวลาลูกกินนม เพราะยังไม่มีรายงานชัดเจนถึงความปลอดภัยในระหว่างให้นมบุตร
• หลีกเลี่ยงการทาในแผลเปิด
• บางรายสามารถแพ้ยูเรียได้ หากใช้แล้วมีผื่นคัน หรืออาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์

ครีมยูเรีย ประโยชน์มากมายและใช้ได้ผลค่อนข้างดี แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีก็เกิดผลเสียตามมา โรคผิวหนังนั้นอาจแย่ลง ก่อนซื้อมาใช้เองควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอว่ารอยโรคนั้น ๆ มีข้อบ่งชี้สำหรับครีมยูเรียหรือไม่ อย่าลืมว่า..เหรียญมีสองด้านนะคะ

ด้วยความปรารถนาดี

——————————————

Reference
Topical urea in skincare: A review
Dermatilogy Therapy 2018; e12690.

——————————————

อ่านบทความที่ www.helloskinderm.com

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.