Category Archives: Body care

Urea cream ใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์กับผิว

Urea (ยูเรีย) เป็น Hygroscopic molecule ส่วนประกอบหนึ่งในผิวหนัง

พบได้ประมาณ 7% ของ NMF (Natural Moisturizing Factor) ซึ่งอยู่ที่ผิวหนังชั้นกำพร้าของเรา ส่วนนี้จะทำหน้าที่ปกป้องผิว กักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้แก่ผิว

Urea cream
หน้าที่ของ Urea

ปริมาณของ urea ใน NMF จะลดลงไปตามอายุที่มากขึ้นเรื่อย ๆ

หาก NMF ไม่สมบูรณ์ ผลคือ สูญเสียน้ำ เสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวแห้งกร้าน ลอก ในที่สุด

ปัจจุบันที่การนำ urea มาผสมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ครีม, โลชั่น, โฟม, อิมัลชั่น ประมาณ 5-20%

รายงานผลข้างเคียงจากการใช้น้อยมาก เรียกได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย

บางทีอาจจู้สึกว่าได้กลิ่นเล็กน้อย ซึ่งเป็นกลิ่นของ voletile amine

อาจมีการระคายเคืองได้กรณีใช้ความเข้มข้นสูง แต่อาจการเหล่านี้เป็นชั่วคราวและหายเอง

Urea (ยูเรีย) ความเข้มข้นที่ต่างกันออกฤทธิ์ไม่เหมือนกัน

  • ความเข้มข้นต่ำ (2-10%) จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizing effect) เป็น Emoillient เติมน้ำให้ผิว และ Humectants ดึงน้ำเข้าสู่ผิว จึงช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งได้ เช่น Xerosis และยังช่วยในการรักษาผื่น Ichthyosis, Atopic dermatitis, Psoriasis นอกจากนั้นยังป้องกันผิวอักเสบจากการฉายแสง (Radiation-induced dermatitis)
  • ความเข้มข้นปานกลาง (10-30%) นอกจากเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หนาผิดปกติ (Keratolytic effect) มักใช้ในรอยโรคผิวหนังที่หนา เช่น Psoriasis ที่เป็นเยอะ หรือ และช่วยเพิ่มการดูดซึมยาได้
  • ความเข้มข้นมาก (30-50%) ออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวเป็นหลัก ใช้กับที่เล็บ, รักษาหูด, ตาปลา ส้นเท้าหนาแตกด้าน หรือใช้ทาเตรียมผิวก่อนการรักษา hyperkeratotic actinic keratosis

ดังนั้น การใช้ Urea cream ความเข้มข้นมากขึ้นไม่ได้แปลว่าจะต้องดีกว่าเสมอไป ควรเลือกให้ถูกวัตถุประสงค์ เช่น หากนำ 20% มาใช้กรณีผิวแห้ง ก็อาจทำให้รอยโรคแย่ลงได้จากการผลัดลอกเซลล์ผิวมากขึ้นกว่าเดิม

ปัจจุบันมีการนำ Urea มาใช้ในทางการแพทย์วงการผิวหนังมากขึ้น โรคทางผิวหนังหลายอย่างที่พบว่าได้ประโยชน์จากการทา Urea cream เช่น ภาวะที่มีผิวแห้งจากโรคต่าง ๆ เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวแห้งเกล็ดปลา ผิวแห้ง เซ็บเดิม สะเก็ดเงิน โรคอัมพฤกษ์ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น

Urea มีประโยชน์ในแง่ต่าง ๆ ดังนี้

  1. เพิ่มความแข็งแรงของกำแพงผิว
  2. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว ลดการสูญเสียน้ำจากผิว
  3. Keratolytic effects ช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวให้สมบูรณ์
  4. ช่วยเพิ่มการดูดซึมยาลงสู่ผิวหนังและเล็บ เช่น ทายาเชื้อรา ยาทาสเตอรอยด์ ยาฮอร์โมน
  5. ช่วยลดอาการคัน

Urea ถึงแม้จะค่อนข้างปลอดภัยไม่ค่อยมีรายงานผลข้างเคียง แต่มีข้อควรระวัง

1. ระคายเคืองได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการทาในที่ผิวบอบบาง เช่น เปลือกตา ริมฝีปาก อวัยวะเพศ รวมทั้งใบหน้า ยกเว้นหากรอยโรคหนาที่หน้าอาจใช้ได้ชั่วคราว และควรใช้ความเข้มข้นต่ำ ไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องนาน และหยุดทาเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว

2. หญิงตั้งครรภ์ เลี่ยงการทาบริเวณหน้าอก ป้องกันเวลาลูกกินนม เพราะยังไม่มีรายงานชัดเจนถึงความปลอดภัยในระหว่างให้นมบุตร

3. หลีกเลี่ยงการทาในแผลเปิด

4. บางรายสามารถแพ้ Urea ได้ หากใช้แล้วมีผื่นคัน หรืออาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์

Urea มีประโยชน์มากมายและใช้ได้ผลค่อนข้างดี แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีก็เกิดผลเสียตามมา โรคผิวหนังนั้นอาจแย่ลง ก่อนซื้อมาใช้เองควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอว่ารอยโรคนั้น ๆ มีข้อบ่งชี้สำหรับ Urea หรือไม่

ด้วยความปรารถนาดี

—————————–

Reference

Dermatol Ther (Heidelb). 2021 Dec;11(6):1905-1915.

J Cosmet Dermatol. 2021 Apr;20 Suppl 1(Suppl 1):5-8.

Int J Clin Pract. 2020 Dec;74 Suppl 187:e13621.

Topical urea in skincare: A review Dermatology Therapy 2018; e12690.

—————————–

[Advertorial]

Urearepair plus
UreaRepair Plus

UREA Repair Plus โลชั่นบำรุงผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแห้ง – แห้งมาก

ส่วนผสมเอกสิทธิ์นวัตกรรม Urea+

(1) UREA 5% + NMFs 7 ชนิด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว

(2) Ceramides ไขมันจำเป็นภายในผิว ช่วยเสริมความแข็งแรงผิวและลดการเสียน้ำออกจากผิว

(3) Gluco-Glycerol ช่วยเพิ่มการส่งผ่านโมกุลน้ำไปยังผิวชั้นลึก เพิ่มความชุ่มชื้นยาวนาน 48 ชั่วโมง

เนื้อโลชั่นซึมสู่ผิวได้รวดเร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะบนผิว

น้ำหอมสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแห้งโดยเฉพาะ

พิกัด : ร้าน Boots ทุกสาขาหรือช้อปออนไลน์ได้ที่

Urea Repair Plus 250ml :  https://universal.brtmobile.com/product_1023374

Urea Repair Plus 400ml : https://universal.brtmobile.com/product_1083973

—————————–

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

หน้าท้องแตกลายระหว่างตั้งครรภ์ (Striae Gravidarum)

1. สาเหตุของหน้าท้องแตกลายตอนตั้งครรภ์ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเป็นอิทธิพลของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเส้นในคอลลาเจนในผิวหนัง
🤰🏻ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมบางคนเป็นทั้งที่ดูแลผิวดีมากแล้ว แต่บางคนไม่เป็นทั้งที่ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะส่วนหนึ่งมีเรื่องฮอร์โมนซึ่งแตกต่างกันในแต่ละคน

2. นอกจากปัจจัยฮอร์โมนแล้ว ยังมีเรื่องของการยืดตัวของผิวหนังในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เกิดรอยแตกลายที่อาจเกิดจากฉีกขาดของโครงสร้างต่าง ๆ ในผิวหนังได้
🤰🏻ดังนั้น หากเราดูแลผิวอย่างถูกวิธี ก็อาจช่วยลดการเกิดรอยแตกลายจากสาเหตุนี้ได้

3. กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดหน้าท้องแตกลายตอนตั้งครรภ์ ได้แก่
✔️ ตั้งครรภ์ตอนอายุน้อย
✔️ น้ำหนักตัวระหว่างตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเร็ว
✔️ ตั้งครรภ์เด็กตัวโต หรือ ครรภ์แฝด
✔️ มีพันธุกรรมหน้าท้องแตกลายตอนตั้งครรภ์
🤰🏻ดังนั้น ปัจจัยที่ควบคุมได้คือ ควรดูแลการเพิ่มน้ำหนักระหว่างตั้งครรภ์ และระมัดระวังการเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์

4. ส่วนมากเริ่มพบเมื่ออายุครรภ์ที่มากขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ขึ้นไป และส่วนใหญ่มักจะหายไปหลังคลอดหากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
🤰🏻ดังนั้น ควรเริ่มดูแลผิวไปตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ และหากเลยตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ขึ้นไปอาจต้องดูแลใส่ใจให้มากขึ้นเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงขยายตัวของผิว

5. รอยแตกลายนี้ ไม่มีผลต่อสุขภาพร่างกายของมารดาและทารกในครรภ์ แต่อาจมีผลต่อสุขภาพทางจิตใจได้ในบางคน โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีความจำเป็นต้องใช้เรือนร่างในการปฏิบัติงาน
🤰🏻 ดังนั้น คุณแม่สบายใจเรื่องความปลอดภัยได้ค่ะ แต่กรณีหลังอาจต้องดูแลผิวพิเศษหน่อย

6. ในเรื่องครีมที่ใช้ได้ แนะนำเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว จะทำให้ผิวมีความ ยืดหยุ่นรอบรับการขยายตัวมากขึ้นได้ดี และต้องเป็นตัวที่ปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์
🤰🏻 ดังนั้น อาจเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่ได้มาตรฐาน เช่น Coco butter, Shea butter, Centella asiatica extract, α-tocopherol, collagen–elastin hydrolysates และที่สำคัญต้องไม่มีส่วนผสมของวิตามินเอหรืออนุพันธ์ของวิตามินเอ

7. ในแง่บอดี้ออยล์ สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีเช่นกัน เช่นกันคือ แนะนำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า
🤰🏻ดังนั้น อาจเลือกเป็น Almond oil, Centella extract, Rosehip oil, Sesame oil

8. มีงานวิจัยชัดเจน พบว่าการนวดเบา ๆ บำรุงผิวบ่อย ๆ ด้วย Almond oil หรือสารสกัดจาก Centella tree สามารถช่วยลดการเกิดรอยแตกลายจากการยืดของผิวหนังได้
🤰🏻ดังนั้น Almond oil และ Centella จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดี แต่ต้องนวดร่วมด้วยค่ะ

9. ส่วน Olive oil, Coco butter lotion ทาเช้าเย็น ก็สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ แต่พบว่าผลการลดการเกิดรอยแตกลายไม่ชัดเจนนัก มีบางงานวิจัยพบว่าใช้ Olive oil massage อาจช่วยลดการเกิดรอยแตกได้บ้าง
🤰🏻ดังนั้น ก็อาจลองพิจารณา Olive oil massge แต่ข้อมูลน้อยมาก อาจต้องรอข้อมูลในอนาคตต่อไป

10. ในเรื่องการนวดผิว พบว่าการใช้ออยล์นวดเบา ๆ 15 นาที สามารถลดโอกาสการเกิดรอยแตกลายได้มากกว่าการทาเฉยๆ โดยไม่นวดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
🤰🏻 ดังนั้น หากใช้ออยล์ควรนวดด้วยอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

11. ปัจจุบันยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ก็คือว่า จริง ๆ แล้วผิวแตกลายในระหว่างการตั้งครรภ์นี้เป็นผลจากสกินแคร์ หรือ ผลจากการนวด หรือ เป็นผลร่วมกัน เพราะมีรายงานบางตัวที่ควบคู่กับการนวดแล้วเห็นผล แต่บางตัวก็ไม่เห็นผลต่าง
🤰🏻 ดังนั้น เรื่องนี้ก็อาจต้องติดตามข้อมูลต่อไปในอนาคตค่ะ

⭐️⭐️⭐️ HELLO SKIN Tips ⭐️⭐️⭐️

สุดท้าย อยากแนะนำเคล็ดลับดูแลผิวลดการแตกลายในระหว่างตั้งครรภ์

✔️ คนท้องอาจไม่จำเป็นต้องเกิดท้องลายทุกคน เสมอไปเพราะมีหลายปัจจัย
✔️ การทาครีม,โลชั่นหรือออยล์ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ร่วมกับการนวดเบาๆร่วมด้วย 15-30 นาที สามารถช่วยลดโอกาสเกิดหน้าท้องลายจากการตั้งครรภ์ได้
✔️ รูปแบบออยล์เป็นรูปแบบที่กักเก็บและเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีที่สุด แต่อาจมีความเหนอะผิวหว่าแบบครีมหรือโลชั่น สามารถเลือกได้ตามความชอบ
✔️ แนะนำให้ทาผิว หลังอาบน้ำทันทีหลังจากเช็ดตัวให้หมาด และสามารถทาซ้ำได้บ่อย ๆ ระหว่างวันขึ้นกับผิวแต่ละบุคคล
✔️ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นผิว
✔️ เลี่ยงการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เลี่ยงการเกา เพราะจะทำให้ผิวแห้งแตกลายได้ง่ายขึ้น
✔️ หลังคลอดไปแล้วและหากยังมีปัญหาด้านรอยแตกลายที่ไม่จางลง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางให้การดูแลรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ยาทาในกลุ่มวิตามินเอ, การใช้เลเซอร์ต่าง ๆ เป็นต้น แต่ผลการรักษาอาจไม่ดีมากนัก ดังนั้นแนะนำให้ป้องกันไว้จะดีที่สุดค่ะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References
Harefuah. 2018 Dec; 157(12): 787-790.
J Clin Nurs. 2012 Jun; 21(11-12): 1570-6.
International Journal of Women’s Dermatology 2017; 3: 77–85.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

7 ข้อน่ารู้ เรื่องการอาบน้ำเด็ก

Baby Bathing Regimen 🧸🧸🧸

ผิวเด็กทารกยังไม่แข็งแรงและสมดุลเหมือนวัยผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นอีกเรื่องที่ก็ต้องดูแลและให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าผิวของผู้ใหญ่เลย

7 ข้อสรุปเกี่ยวกับการอาบน้ำเด็ก ‼️

1. โครงสร้างผิวเด็กทารกแตกต่างจากผิวผู้ใหญ่ ในส่วนของ Epidermis จะบางกว่า 20% และ S.corneum บางกว่า 30% ทำให้มีแนวโน้มสูญเสียน้ำมากกว่าและกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยกว่า เมื่อเทียบกับผิวผู้ใหญ่
🌟 ดังนั้น กำแพงผิวของทารกจึงบอบบางมาก และมีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี

2. ไขมันสีขาวเคลือบผิวทารกที่เราเห็นหลังคลอด เรียกว่า Vernix caseosa ตอนอยู่ในครรภ์จะทำหน้าที่ปกป้องผิวทารกน้อยจากน้ำคร่ำ และตอนคลอดออกมาแล้ว ก็ยังทำหน้าที่ช่วยลดการสูญเสียน้ำทางผิว ช่วยลด pH ผิวให้อยู่ในระดับสมดุลต่อการทำงาน และยังมีคุณสมบัติ antioxidant & antimicrobial effect อีกด้วย
🌟 ดังนั้น แนะนำให้อาบน้ำอย่างอ่อนโยน (Gentle bathing) ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องถูหรือเช็ดไขสีขาวนี้ออก

3. ทารกแรกเกิดยังไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดีนัก การอาบน้ำไม่ถูกวิธีจึงอาจทำให้อุณหภูมิในร่างกายต่ำเกินไปได้
🌟 ดังนั้น แนะนำให้ delay การอาบน้ำครั้งแรกออกไปประมาณ 12-24 ชั่วโมง ทั้งนี้นอกจากรอให้ทารกมีการปรับตัวแล้ว ยังช่วยเรื่อง breastfeeding และกระตุ้นความผูกพันของแม่และลูกอีกด้วย และอาบน้ำ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ก็เพียงพอ

4. มีงานวิจัยพบว่า Skin barrier parameter ของทารกในกลุ่มที่อาบน้ำในอ่าง ดีกว่ากลุ่มที่เช็ดด้วยฟองน้ำ และพบว่า ทารกมีความรู้สึกสบายตัวเมื่ออาบน้ำในอ่างมากกว่าด้วยฟองน้ำ
🌟 ดังนั้น แนะนำอาบในอ่างจะดีกว่า และระดับน้ำไม่ควรสูงเกินเอว (ประมาณ 5 เซนติเมตร)

5. ผิวทารกและเด็กเล็ก เป็นผิวที่ระคายเคืองต่อสิ่งต่าง ๆ ง่ายมาก รวมทั้งน้ำ ครีม หรือ แชมพูต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
🌟 ดังนั้น การอาบน้ำจึงควรใช้ Cleanser ที่อ่อนโยน แนะนำ soap-free (synthetic detergent based), ค่า pH อยู่ในช่วง 5.5–7.0 เนื่องจากความเป็นด่างจะทำให้กำแพงผิวถูกทำลายได้มากขึ้น

6. Cleanser ที่เหมาะสมสำหรับผิวเด็ก ควรปราศจากสารลดแรงตึงผิวที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอักเสบได้ แนะนำว่าไม่ควรมี Sodium lauryl sulfate (SLS)
🌟 ดังนั้น อาจมองหาตัวอื่น ๆ ที่มีงานวิจัยรับรองผลว่าอ่อนโยนและเหมาะสมสำหรับผิวเด็ก
ยกตัวอย่าง เช่น Amisoft หรือ Disodium Cocoyl Glutamate มีงานวิจัยพบว่าอ่อนโยนกว่า 0.5% SLS ถึง 3 เท่า เป็นต้น

7. มีงานวิจัยพบว่าการอาบน้ำทารกด้วยน้ำเปล่าร่วมกับ cleanser ที่เหมาะสม ไม่ได้มีการทำลายสมดุลของกำแพงผิวทารกแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการอาบด้วยน้ำอย่างเดียว
🌟 ดังนั้น สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล แต่ถ้าอยากใช้ Cleanser ร่วมด้วยก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหาอะไร

โดยสรุปการใช้ Cleanser สำหรับทำความสะอาดผิวทารกหรือเด็กเล็กไม่ผิดอะไร ขอเพียงเลือกใช้ให้ถูกวิธี
✔️ Soap-free (synthetic detergent based)
✔️ ค่า pH อยู่ในช่วง 5.5–7.0
✔️ อ่อนโยน ปราศจากสาร SLS

ลองนำไปปรับใช้กับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวกันดูนะคะ

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References:
Skin care for healthy babies at term: A systematic review of the evidence. Midwifery. 2018 Jan;56:29-43.

Infant skin care: updates and recommendations
Curr Opin Pediatr 2019;31:476-481.

Recommendations from a European Roundtable Meeting on Best Practice Healthy Infant Skin Care. Pediatr Dermatol. 2016 May;33(3):311-21.

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

Product mentioned:
🧸 Ezerra Gentle Cleanser
✔️ เหมาะสำหรับ Baby skin & Sensitive Skin
✔️ ปรับ pH ให้ใกล้เคียงผิวปกติ
✔️ มี Moisturizing effect
✔️ ช่วยลดอาการคัน แสบ แดง
✔️ Soap-free, no SLS/SLES, no paraben

Disclaimer: Content Sponsored by Ezzera

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

10 Favorite Body Moisturizers for Dry, Itchy Skin, According to Dermatologist

คุณหมอดูแลผิวช่วงหน้าหนาวอย่างไรบ้างคะ ⁉️

คำถามยอดฮิตในสัปดาห์นี้
วันนี้เลยจะมาแนะนำวิธีการดูแลผิวหน้าหนาวสั้น ๆ
10 ข้อ ให้นำไปปรับใช้กันได้ไม่ยากเลยค่ะ

อย่าลืมว่าพออากาศเย็นลง ความชื้นที่รอบตัวลดลง จะทำให้ผิวแห้ง แตก ระคายเคืองอักเสบตามมา และหากเราไม่ดูแลเอาใจใส่ สิ่งที่ตามมาก็คือ ริ้วรอยและความเหี่ยวก่อนวัยนั่นเอง

1️⃣🌟 การอาบน้ำ
✔️ ใช้น้ำอุ่น ไม่ควรร้อนเกินไป
✔️ ไม่อาบน้ำนานเกิน 5-10 นาที
✔️ หากไม่สกปรกมาก อาบน้ำวันละครั้งถือว่าเพียงพอ

2️⃣🌟 ครีมอาบน้ำ
✔️ ไม่แนะนำสบู่ก้อน หรือ ครีมอาบน้ำที่เป็นด่างเกินไป สังเกตได้ว่าหลังอาบแล้วผิวจะตึงเอี๊ยด
✔️ แนะนำ gentle cleanser ค่า pH 5-5.5

3️⃣🌟 ครีมบำรุงผิวกาย
✔️ ทาครีมหลังอาบน้ำภายใน 3 นาที ช่วงที่ผิวยังหมาดหลังซับด้วยผ้าขนหนู จะเป็นช่วงที่ได้ประสิทธิภาพของการทาครีมมากสุด
✔️ หากผิวแห้งมาก แนะนำรูปแบบ Ointment หรือ Cream จะช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้นผิวได้ดีกว่าแบบ Lotion
✔️ มองหาส่วนผสมเหล่านี้ ได้แก่ Jojoba oil, Dimethicone, Glycerin, Hyaluronic acid, Lactic acid, Lanolin, Mineral oil, Petrolatum, Shea butter
✔️ หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจก่อการแพ้หรือระคายเคือง เช่น Fragrance แต่หากใครใช้แล้วไม่มีปัญหา ก็ไม่ได้เป็นข้อห้ามอะไร

4️⃣🌟 บำรุงผิวริมฝีปาก
✔️ ทาด้วย Lip balm บ่อย ๆ

5️⃣🌟 บำรุงผิวมือและเล็บ
✔️ ทามือด้วยโลชั่น และอย่ามองข้ามบริเวณจมูกเล็บ อาจทาด้วยวาสลีนช่วยลดการแห้งลอกเป็นขุยได้ดี

6️⃣🌟 เลือกเสื้อผ้า
✔️ แนะนำผ้า cotton หรือ silk ที่เนื้อผ้าไม่ระคายเคืองผิว เนื่องจากผิวที่แห้งจะยิ่งระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้น บางครั้งหากใส่เสื้อขนสัตว์บางคนระคายเคืองจนเกิดผิวอักเสบตามมาได้

7️⃣🌟 ใช้ Humidifier ในห้อง สามารถเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์โดยรอบ ทำให้ความชื้นผิวเพิ่มขึ้นได้

8️⃣🌟 หากใครที่ดูแลผิวตามนี้แล้ว เราจะสังเกตได้เลยว่า
💧 ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
💧 ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง
💧 ผิวระคายเคืองต่อสิ่งต่าง ๆ น้อยลง เช่น ฝุ่น, เสื้อผ้า
โดยรวมจะรู้สึกเลยว่าหากผิวชุ่มชื้นแล้ว เราจะสบายผิวมากกว่าเดิม #และส่วนใหญ่ผิวจะดีขึ้นไม่เกิน 1-2 สัปดาห์

9️⃣🌟 หากหากผิวยังแห้งคันมากอยู่หลังจากปรับการดูแลผิวไป 1-2 สัปดาห์แล้ว ก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผิวแห้งได้ เช่น
💯 โรคผิวหนังอักเสบ, ภูมิแพ้ผิวหนัง
💯 โรคตับ, ไต, ไทรอยด์, มะเร็งบางชนิด
💯 ขาดวิตามินหรือสารอาหารบางอย่าง
💯 ยาบางชนิด, อาหารบางอย่าง
💯 อายุ เป็นต้น

🔟🌟 สุดท้าย ได้คัดเลือก Body Moisturizers สำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง มาเป็นตัวอย่าง 10 แบบ ลองดูในรูปนะคะ แต่ละคนเหมาะกับผลิตภัณฑ์ต่างกัน คงต้องมองหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง

หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหลายคนในช่วงที่อากาศหนาวเย็นในช่วงนี้ค่ะ

-No Sponsored Content-
▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References:
J Am Acad Dermatol 2019;81:963-9.
J Dtsch Dermatol Ges. 2019;17 Suppl 7:3-33.

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.