SCARs ย่อมาจาก Severe Cutaneous Adverse Drug Reactions
คือ ภาวะแพ้ยารุนแรง เป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบรักษา หากสามารถวินิจฉัยได้เร็ว หยุดยาต้นเหตุ และรีบให้การรักษาจะสามารถลดอัตราการตายได้

เมื่อผู้ป่วยมีประวัติได้รับยา + มีอาการดังต่อไปนี้ “ไข้ มีแผลที่เยื่อบุตาปากอวัยวะเพศ ตุ่มน้ำตามตัว หน้าบวม ตุ่มหนองตามตัว มีความผิดปกติของการทำงานตับ ไต” ควรต้องสงสัยว่าแพ้ยารุนแรงหรือไม่

หากเป็นตุ่มน้ำ
แยกคร่าว ๆ เบื้องต้น
▫️ไม่มีแผลที่เยื่อบุ >> เบื้องต้นควรสงสัย Bullous Fixed drug eruption (FDE), Linear IgA Bullous Dermatosis (LABD)
▫️มีแผลที่เยื่อบุ >> มาดูต่อว่าผิวลอกที่ตัวเป็นกี่ %BSA เพื่อแยก SJS, SJS/TEN overlap, TEN
หากมีไข้ หน้าบวม Eosinophilia AKI hepatitis
ควรต้องสงสัย DRESS syndrome สิ่งที่ต้องทำคือ ตรวจหาว่ามีสาเหตุอื่นนอกเหนือจากยาหรือไม่ และทำการคำนวณ DRESS score
หากมีไข้ ผื่นตุ่มน้ำเล็ก ๆ กระจายตามตัว
ควรต้องสงสัย AGEP สิ่งที่ต้องทำคือ ตรวจหาว่าไม่มีสาเหตุอื่นโดยเฉพาะการติดเชื้อ โดยการย้อม fluid content for Gram stain, KOH เบื้องต้น และทำการคำนวณ AGEP score


เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หากไม่แน่ใจควรหยุดยาที่สงสัยทันที และส่งผู้ป่วยเพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งที่ต้องมีเพื่อประกอบการวินิจฉัย คือ ประวัติการทบทวนยาที่ผู้ป่วยได้รับ เพราะ Druglist Timeline เป็นเครื่องมือสำคัญในการดูว่า มียาที่อธิบายถึงอาการเหล่านี้ได้หรือไม่
About Druglist Timeline
ข้อมูลที่จำเป็นต้องสืบหามามีอะไรบ้าง
• ประวัติยาย้อนหลัง 3 เดือน ร่วมกับเช็คเสมอว่าเป็นการได้ยาครั้งแรก (Primary sensitization) หรือเคยได้มาแล้ว (Secondary sensitization)
• หากเคยได้รับยาตัวใดมาก่อนนี้ ควรเช็คเพิ่มเติมว่า เคยได้กี่ครั้ง ครั้งละนานกี่วัน ประกอบการพิจารณาว่าเป็น Secondary sensitization หรือไม่
• ประวัติยาทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น ยากิน ยาฉีด ยาหยอด ยาทา อาหารเสริม สมุนไพร ต่าง ๆ หรือแม้แต่วิตามิน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งหมด
• ประวัติยาที่เคยแพ้
• ระบุวันที่มีอาการผิดปกติต่าง ๆ ได้แก่ ผื่น เยื่อบุมีแผล ไข้
• ระบุวันที่ผื่นเพิ่มขึ้น หรือ ผื่นเริ่มดีขึ้น
• ค่าการทำงานของตับและไต เพื่อประกอบการคำนวณ T1/2 ยาในกระแสเลือด
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จำเป็นต้องทราบให้เร็วที่สุด เพื่อรีบให้การรักษาเนื่องจากเป็นภาวะเร่งด่วนที่ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ การจะดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะแพ้ยารุนแรงให้ได้ดี ต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรทางการแพทย์หลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักโภชนาการ ผู้ป่วยและญาติ

ปัจจุบันนี้ กว่าผู้ป่วยจะถูกส่งตัวมารักษาใน รพ. ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็มักจะมีอาการหนักมากแล้ว
- หากไม่แน่ใจควรรีบปรึกษาผู้รู้มากกว่า
- หาข้อมูลเบื้องต้นอย่างรวดเร็วเพื่อลดความล่าช้าในการวินิจฉัยและเริ่มให้การรักษา
- ให้ข้อมูลตามความจริงเกี่ยวกับรายละเอียดยา ไม่ควรปิดบังเพราะความกลัว เนื่องจากชีวิตคนสำคัญกว่า อย่างอื่นค่อยว่ากัน
โพสนี้อยากให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันจากทุกฝ่าย เพราะทุกคนมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยและรักษา
หากใครมีญาติที่สงสัยภาวะนี้ก็คงจะร้อนใจไม่น้อย คิดแบบนี้แล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องรีบเร่ง
Reference
http://www.thelancet.com
Published online May 2, 2017
http://dx.doi.org/10.1016S0140-6736(16)30378-6
▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ helloskinderm.com
บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.