
ในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 กำลังสร้างปัญหามากมายกับผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นผิวระคายเคือง อักเสบ ผื่นแพ้ ความหมองคล้ำ ฝ้า กระและรอยด่างดำที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น นอกจากการป้องกันมลภาวะต่อผิวหนังแล้ว การล้างหน้าให้สะอาดจึงมีส่วนสำคัญมากไม่แพ้กันในแง่ของการขจัดสิ่งสกปรกไม่ให้ตกค้างต่อผิวหนัง
จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า การใช้เครื่องล้างหน้าหรือแปรงล้างหน้าไฟฟ้า (Electronic Cleansing Brush) มีความจำเป็นหรือไม่ และทำให้หน้าสะอาดขึ้นกว่าการล้างด้วยมือธรรมดาหรือเปล่า จึงได้ไปทำการรีวิวงานวิจัยต่าง ๆ และหาข้อเท็จจริงมาให้อ่านกัน
🌈 เทคโนโลยีของ Sonic technology brush ที่นำมาสร้างแปรงล้างหน้าไฟฟ้านั้น ได้คอนเซปมาจากแปรงสีฟันไฟฟ้า เริ่มคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปี 2006 โดยหลักการทางฟิสิกส์ของการสร้างหัวแปรง 2 ชั้น โดยชั้นนอกทำให้เกิดการหมุนวนด้วย amplitude และ frequency ที่เหมาะสมจนเกิดแรงมากพอที่ทำให้ comedone และสิ่งสกปรกทั้งหลายหลุดออกมาจากรูขุมขน พูดง่าย ๆ ก็คือ คล้ายกับหลักการของ Mechanical Exfoliant นั่นเอง
🌈 มีหลายงานวิจัยที่ทำขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบการล้างหน้าด้วย Cleansing brush กับการล้างหน้าด้วยมือเปล่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทต่าง ๆ ที่ผลิตเครื่องมือเหล่านี้ออกมา ดังนั้น ควรมีวิจารณญาณในการตัดสินใจ
⭐️ #ผลในด้านบวก
▫️การใช้ Cleansing brush ในกรณีที่มีการแต่งหน้า สามารถล้างหน้าได้สะอาดกว่า และลดสิ่งตกค้างที่ผิวได้ดีกว่าการล้างด้วยมือเปล่า
▫️การใช้ Cleansing brush+ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า สามารถล้างหน้าได้สะอาดกว่า การใช้ Cleansing brush อย่างเดียว
▫️การใช้ Cleansing brush ช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน สิวเสี้ยนได้
▫️การใช้ Cleansing brush ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้หน้าใสและริ้วรอยลดลงจากการที่ไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างที่ผิว ส่งผลให้การทาครีมบำรุงผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่สร้างมาแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี 100% สำหรับมนุษย์ทุกคน
⭐️ #มีรายงานผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ Cleansing brush ซึ่งมักไม่ค่อยมีการเอ่ยถึง ได้แก่
▫️ผิวแห้งตึงจากการขาดน้ำ และเกิดริ้วรอยแห่งวัยตามมา
▫️ผิวระคายเคือง บวมแดง จากการใช้เครื่องมือไม่เหมาะสม
▫️ผิวหนังอักเสบและมีการกำเริบของโรคผิวหนังบางชนิด เช่น เซบเดิร์ม สิวอักเสบ ภูมิแพ้ผิวหนัง
▫️ผิวหนังติดเชื้อจากสิ่งสกปรกที่สะสมที่ขนแปรง
🌈 เมื่อมองในแง่ของหลักการผลัดเซลล์ผิวนั้น เราสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
- Physical Exfoliants เช่น การขัดด้วยเครื่องมือ แปรง หรือสครับต่าง ๆ วิธีนี้อาจต้องทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการ overuse จะสามารถทำร้ายโครงสร้างผิวได้ง่าย เพราะการควบคุมแรงในการใช้นั้นค่อนข้างยาก
- Chemical Exfoliants เช่น การผลัดผิวด้วยสารผลัดเซลล์ผิว ที่นิยมผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในท้องตลาดก็อย่างเช่น AHA, BHA, PHA วิธีนี้ก็ต้องระวังหากใช้สารที่มีความเข้มข้นหรือระยะเวลาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งความเห็นส่วนตัวชอบวิธี chemical มากกว่าเพราะเราสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ขจัดสิ่งสกปรกเฉพาะเซลล์ผิวหนังกำพร้าที่ตายแล้ว โดยทำลายผิวที่ดีน้อยที่สุด
💦เมื่อมองอย่างเป็นกลางกับคำถามที่ว่า ใช้ Cleansing brush ดีไหม ?
คำตอบ คือ #โดยหลักการจัดว่าดี หากใช้แบบ Optimal amplitude and frequency range
💦แต่ถามว่าจำเป็นต้องมีไหม ?
คำตอบ คือ #ไม่จำเป็นสำหรับผิวของทุกคน
RECOMMENDATION for Face Cleansing brush use
✅ ใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เฉพาะเวลาก่อนนอนก็เพียงพอ ครั้งละไม่เกิน 3-4 นาที
การใช้ทุกวันนั้นถือว่า Overuse กล่าวคือ บ่อยเกินไปสำหรับหลักการดูแลผิวให้มีสุขภาพดี เนื่องจากจะทำลายชั้นไขมันตามธรรมชาติที่สร้างความชุ่มชื้นและปกป้องผิว (impair lipid barrier) และทำลาย pH balance ผลที่ตามมา คือ ผิวแห้งกร้าน ตึง เกิดความระคายเคืองง่าย มีการอักเสบตามมาในที่สุด
✅ ควรเช็ดและล้างเครื่องสำอางออกด้วย makeup remover ก่อนทำการล้างหน้าด้วย Cleansing brush เสมอ
เนื่องจากการไม่ล้างเครื่องสำอางก่อนจะทำให้แปรงไม่สามารถทำความสะอาดได้ดีที่ควร และยังเพิ่มโอกาสการระคายเคืองจากเครื่องสำอางที่อยู่บนผิวหน้าได้
✅ หลีกเลี่ยงการใช้ Facial Cleansing Brush ร่วมกับการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีอื่น เช่น scrub เม็ดบีด หรือสารผลัดเซลล์ในกลุ่ม chemical exfoliant เนื่องจากจะก่อความระคายเคืองมากเกินไป
✅ ควรใช้ Facial Cleansing Brush ร่วมกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน
โดยหลักการแล้วเครื่องมือนี้จะได้ผลดีหากใช้กับ cleanser ชนิด Foam แต่จะได้ผลน้อยกว่ากับ cleanser ชนิด cream, gel หรือ lotion
อันนี้เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ไม่เลือกใช้แปรงล้าง เพราะต้องใช้กับ Foam cleanser แต่ขัดหลักการใช้คลีนเซอร์ที่ดีต่อผิวนั้นควรเป็นกลุ่ม Foam-free cleanser ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการดึงน้ำออกจากผิว และในระยะยาวส่งผลดีคือ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงและเกิดริ้วรอยก่อนวัย
✅ ทาครีมบำรุงผิวตามหลังการทำความสะอาดผิวด้วย Facial Cleansing Brush ทันที เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการดูดซึมสารต่าง ๆ
✅ เปลี่ยนหัวแปรงสม่ำเสมอ และทำความสะอาดให้ดีทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการเพาะเชื้อโรคที่เกิดขึ้นได้ที่แปรงในทุกวัน
✅ หยุดใช้เมื่อมีสัญญาณของการทำร้ายผิว ได้แก่ แสบ แดง ลอก คัน
✅ เลี่ยงการใช้บริเวณผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา
✅ Facial Cleansing Brush ไม่เหมาะสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้
❌ ผิวบอบบาง sensitive skin
❌ หน้าแดง
❌ สิวอักเสบ
❌ ผิวหนังอักเสบทุกชนิด เช่น เซบเดิร์ม สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ผิวหนัง atopic
❌ ผิวไหม้แดด Sunburn
❌ ผิวหลังการทำเลเซอร์หรือทรีทเม้นท์ หัตถการต่าง ๆ
โดยสรุป
DERMATOLOGIST_RECOMMENDATION
👩🏻⚕️การล้างหน้าที่ดีที่สุด คือ การล้างหน้าให้สะอาดด้วย non-foaming cleanser โดยใช้น้ำสะอาด ไม่ใช้น้ำเย็นหรือน้ำร้อน ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง (ไม่เช็ดหรือถู) ตามด้วย alcohol-free toner เป็นอันจบพิธีก่อนทาครีมบำรุงผิว
👩🏻⚕️การใช้ Facial Cleansing Brush นั้น สามารถเลือกใช้ตามความสมัครใจ แต่ก็คงไม่จำเป็นถึงขนาดต้องมี เพราะตัวหมอเองก็ไม่ได้ใช้เหมือนกันค่ะ ถ้ามีโอกาสได้ลองก็จะมาเล่าให้ฟัง
👩🏻⚕️ถ้าหากใครเป็นสาวกของแปรงล้างหน้าไฟฟ้า ลองดูว่าเหมาะกับสภาพผิวของตัวเองหรือไม่ ใช้ให้ถูกวิธีตามหลักการ ไม่ควรเลือกตามเพื่อนบอกหรือคำโฆษณา
👩🏻⚕️ส่วนยี่ห้อไหนนั้น ประเด็นที่ต้องดูคือ ความนุ่มของแปรง การสะสมเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคที่ขนแปรง ความแรงที่ไม่มากเกินไป รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ต้อง maintenance ในการซื้อถ่าน ชาร์ตแบต เปลี่ยนหัวต่าง ๆ โดย ณ ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยเทียบชัดเจนว่ายี่ห้อไหนดีกว่ายี่ห้อไหนค่ะ คงต้องติดตามต่อไป
As always, when in doubt, Ask your BOARD-CERTIFIED DERMATOLOGIST
เรียบเรียงโดย แพทย์หญิงวรายุวดี อมรภิญโญ อายุรแพทย์โรคผิวหนัง
©👩🏻⚕️HELLO SKIN by หมอผิวหนัง