Category Archives: Dermatology

CPG Anaphylaxis 2016

อัพเดทแนวทางการรักษาภาวะ Anaphylaxis เบื้องต้น โดยสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย (ฉบับเต็มตามลิ้งค์)

http://allergy.or.th/2016/pdf/Thai_CPG_Anaphylaxis_2017_Full_version.pdf

HELLO SKIN

โรคเซบเดิร์มหรือโรครังแคบนหนังศีรษะ รักษาอย่างไรให้ถูกวิธี ‼️

Seborrheic dermatitis or Dandruff

ไม่มีวันไหนที่เดินออกจากบ้านแล้วไม่เจอคนเป็นโรคนี้แน่นอนค่ะ มาทำความรู้จักกัน

โรคเซบเดิร์มเกิดจากอะไร

👩🏻‍⚕️: ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่ามีหลายปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะผิวหนังอักเสบชนิดนี้ ได้แก่
📌 ผิวมัน จึงเห็นได้ว่า มักเกิดผื่นบริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น ร่องแก้ม หัวคิ้ว หนังศีรษะ อก หลัง เป็นต้น
📌 เชื้อรา Malassezia ซึ่งชอบไขมัน
📌 สภาพอากาศ โดยเฉพาะอากาศเย็น ความชื้นต่ำ ผิวแห้ง จะทำให้ผื่นเห่อมากขึ้น
📌 ความเครียด นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้มีอาการกำเริบของผื่นได้
📌 การดื่มสุรา
📌 การเสียดสี แกะเกาผิวหนัง เป็นการกระตุ้นอีกทางที่ทำให้ผื่นเห่อมากขึ้น
📌 ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ ที่มี Mutation of ZNF750

ใครมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้บ้าง

👩🏻‍⚕️: ผู้ที่ผิวมัน, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เอชไอวี (CD4 200-500 cell/mm3), ผู้ป่วยระบบประสาท เช่น อัมพฤกษ์อัมพาต พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ ลมชัก
***ดังนั้นควรนึกถึงและตรวจหาภาวะเอชไอวีร่วมด้วยเสมอถ้าหากมีลักษณะของเซบเดิร์มที่น่าสงสัย คือ
🔥 อาการรุนแรง ผื่นลามบริเวณกว้าง (Severe, extensive disease)
🔥 ไม่ตอบสนองการรักษา (Refractory disease)


มีภาวะขาดวิตามินอะไรบ้างที่แสดงอาการเช่นนี้ได้

👩🏻‍⚕️: B2, B6, Zinc deficiency


โรคนี้หายขาดหรือไม่และรักษาอย่างไร

👩🏻‍⚕️: โรคเซบเดิร์มเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด การรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาให้ภาวะกำเริบหายเร็วขึ้น ส่วนมากใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ต่อการรักษาในแต่ละครั้งของการกำเริบ

🌈 ยาในกลุ่มยาทา
☘️ ยาทากลุ่มสเตอรอยด์
☘️ ยาทาฆ่าเชื้อรา 2% Ketoconazole cream
☘️ ยาทากลุ่ม Calcineurin inhibitor เช่น Tacrolimus, Pimecrolimus
☘️ แชมพูสระผมที่มีส่วนผสมของ Selenium sulfide, Ketoconazole, Zinc, Tar เพื่อลดอาการรังแคที่หนังศีรษะ
☘️ กรณีผื่นที่ลำตัว อาจใช้แชมพูดังกล่าว ผสมน้ำฟอกทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกตามด้วยการอาบน้ำปกติ

🌈 ยาในกลุ่มรับประทาน (กรณีโรครุนแรง ดื้อต่อการรักษา ควรได้รับการรักษาควบคุมโดยแพทย์)
☘️ ยากินฆ่าเชื้อรา Itraconazole 200 mg/day นาน 1 สัปดาห์
☘️ ยากินกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ Isotretinoin 10 mg AD นาน 3-4 เดือน ขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละราย

🌈 การฉายแสง Narrow Band UVB สัปดาห์ละ 3 ครั้ง จนหาย

การปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคเซบเดิร์ม

👩🏻‍⚕️: ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่หายขาด การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นเป็นการป้องกันการกำเริบของโรคที่ดีที่สุดค่ะ และหากมีการกำเริบ ควรมาพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี

สุดท้ายนี้เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยมักถามเสมอถึงการใช้ครีมต่างๆในช่วงที่มีอาการกำเริบ ดังนี้นะคะ

🎭 ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันผิวแห้ง
🎭 เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้ผื่นกำเริบ เช่น After shave, Toner, Hair spray
🎭 หลีกเลี่ยงการแกะเกาบริเวณผื่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนค่ะ


References

• Fitzpatrick 8th edition
• Bolognia 4th edition
• ภาพถ่ายได้รับการขออนุญาตจากผู้ป่วยเพื่อการเรียนรู้ ห้ามมิให้มีการนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเพจค่ะ

บทความลิขสิทธิ์ © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง

ช่วยด้วย..ผมคอเหี่ยวทำยังไงดี

🙄 คุณหมอครับ บริเวณคอและท้ายทอยของผมทำไมเหี่ยวย่นคล้ำลงคล้ายเบาะหนังเป็นแบบนี้ ???

🌈 การที่ผิวหนังบริเวณหลังคอเกิดการหนาตัวและมีรอยย่นมากขึ้น จนดูคล้ายเบาะหนัง (leather-liked wrinkled skin) และมีสีอมเหลือง (yellowish discoloration) ดังภาพนี้ เราเรียกว่า Cutis Rhomboidalis Nuchae เป็นสัญญาณบ่งว่าผิวเกิดความชรามากขึ้นจากการถูกแดดเป็นประจำนั่นเอง โดยเฉพาะเพศชายที่ผมสั้น และมองข้ามการปกป้องแสงแดดให้กับผิวบริเวณนี้

🌈 หากปล่อยไว้นานๆ จะเป็นอย่างไร


A: รอยเหี่ยวย่นและหมองคล้ำจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และ หากมีจุดหรือรอยโรคที่เกิดตามมาอาจต้องระวังการเกิดมะเร็งผิวหนังในบริเวณนี้ได้ค่ะ

🌈 หากตอนนี้ยังไม่เป็นแบบนี้ มีวิธีการป้องกันหรือไม่


A: การปกป้องแสงแดดอย่างถูกวิธีสามารถช่วยป้องกันได้ค่ะ เช่น ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป ปกป้องทั้ง UVA UVB VL, ใส่หมวกปีกกว้าง กางร่มเป็นประจำหากต้องออกกลางแจ้ง หากเป็นไปได้ควรเลี่ยงแสงแดดช่วง 10.00 – 15.00 น. สวมเสื้อผ้าที่มิดชิดมีคอปก

🌈 มีวิธีการรักษาหรือไม่


A: ภาวะนี้จะรักษาหากเมื่อผู้ป่วยมีความกังวลเรื่องความสวยงาม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการที่ช่วยให้รักษาได้ผล มีรายงานการใช้ยาทาในกลุ่มสเตอรอยด์ วิตามินเอและ calcineurin inhibitor อาจช่วยทุเลาอาการได้บ้างในบางราย

นอกจากผิวที่บริเวณต้นคอแล้ว ความเสื่อมของผิวจากการทำลายจากแสงแดดยังสามารถเกิดได้ทุกส่วนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น การปกป้องผิวให้ถูกวิธีจะช่วยชะลอความแก่ของผิวได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังในอนาคตได้ค่ะ

อ่านจบแล้วอย่าลืมส่องกระจกดูคอของตัวเองและคนที่คุณรักนะคะ

❤️❤️❤️
▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิงวรายุวดี อมรภิญโญ อายุรแพทย์โรคผิวหนัง

ซีม่าโลชั่น..ทาแล้วผิวขาวขึ้นจริงหรือไม่

💭 คุณหมอคะ เพื่อนแนะนำให้ไปซื้อซีม่าโลชั่นมาทาให้ศอกเข่าขาวใส หนูเห็นคนบอกว่าเป็นยาฆ่าเชื้อรา.. หนูควรซื้อมาทาให้ขาวดีมั้ยคะ ?

👩🏻‍⚕️: ก่อนอื่นหมอต้องแก้ไขความเข้าใจด้วยการอธิบายก่อนว่า ซีม่าครีม และซีม่าโลชั่น มีส่วนประกอบต่างกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดในการเลือกใช้ได้
🔹 ซีม่าครีม คือ 1% Clotrimazole
🔹 ซีม่าโลชั่น คือ 11.8% Salicylic acid + 3.8% Resorcinol + 0.825% Phenol

👩🏻‍⚕️: ทาซีม่าโลชั่นแล้วแสบ แต่ครีมไม่แสบ ?


🔹 เพราะซีม่าโลชั่นมีส่วนประกอบของกรดอ่อนๆ อาจทำให้มีการระคายเคืองผิว แสบร้อน มีการหลุดลอกของผิว ทำให้ขาวขึ้นได้ หากเป็นรุนแรงอาจมีอาการไหม้ของผิวและเกิดแผล รอยดำ ตามมาได้
ส่วนแบบครีมนั้น ไม่มีส่วนผสมดังกล่าว จึงทาแล้วไม่แสบ ความคิดที่ว่าซีม่าครีมดีกว่า อ่อนกว่า ทาแล้วไม่แสบไม่ไหม้ เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง

👩🏻‍⚕️: สามารถใช้ทากรณีใดบ้าง


🔹 ซีม่าครีม ใช้รักษาภาวะติดเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน ฮ่องกงฟุต
🔹 ซีม่าโลชั่น ใช้รักษาภาวะผิวอักเสบหรือเชื้อรา ในบริเวณที่มีผิวหนาด้าน เช่น ศอก เข่า เท้า

👩🏻‍⚕️: ที่มาของซีม่าโลชั่นห้ามทาไข่


🔹 เพราะมีส่วนประกอบของสารที่เป็นกรดอ่อนๆ อย่างที่กล่าวไป การทาในบริเวณที่บอบบาง เช่น ไข่ จะทำให้มีอาการแสบร้อน ไหม้ ทุรนทุรายได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า #ซีม่าโลชั่นห้ามทาไข่

🔘🔘🔘🔘🔘🔘🔘🔘🔘🔘


🏳️‍🌈 ซีม่าครีมทาสังคังได้ เพราะมียาฆ่าเชื้อรา
🏳️‍🌈 ซีม่าโลชั่นห้ามทาไข่ เพราะมีความเป็นกรด
🏳️‍🌈 ภาพถ่ายนำมาจาก google ขออนุญาตผู้ประกอบการใช้เพื่อการเรียนรู้
🏳️‍🌈 หากเจอผู้ป่วย อย่าลืมถามว่าทาชนิดครีมหรือโลชั่น และเลือกใช้ให้ถูกวิธีนะคะ

เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิงวรายุวดี อมรภิญโญ อายุรแพทย์โรคผิวหนัง ‍⚕️ HELLO SKIN

ภาวะขาดสังกะสี (Zinc deficiency)

ภาวะนี้สามารถพบได้ตั้งแต่ทารกหรือวัยผู้ใหญ่ก็ได้

สาเหตุ

  1. Inherited อาจเรียกว่า Acrodermatitis enteropathica มักมีสาเหตุจาก deficiency of the enterocyte zinc transporter ต้องสงสัยในทารกที่มีอาการในช่วงหย่านมแม่ เปลี่ยนมาทานนม formula-fed แทน เนื่องจากการดูดซึมสังกะสีจากนมผงนั้นไม่ดีเท่าการดูดซึมสังกะสีจากนมแม่ ทำให้เกิดภาวะขาดสังกะสีตามมา ภาวะนี้มักเกิดใน 2-3 สัปดาห์แรก
  2. Acquired เกิดจากการได้รับสังกะสีจากอาหารไม่เพียงพอ พบบ่อยในกลุ่มเสี่ยง คือ คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกคลอดน้อย ได้สารอาหารทางเส้นเลือด มีภาวะเจ็บป่วยหรือมีโรคที่ทำให้การดูดซึมสังกะสีผิดปกติ

อาการแสดง

✅ ผื่นลักษณะดังภาพ บริเวณรอบปากรอบทวาร และแขนขา (periorificial and acral dermatitis)
✅ ท้องเสียถ่ายเหลว (diarrhea)
✅ ผมร่วง (alopecia)
พบว่าผู้ป่วยจะมีอาการแสดงครบทั้งสามอย่างเพียง 20% เท่านั้น จึงควรต้องสงสัยหากบริบทเข้าได้และเริ่มแสดงอาการข้างต้น แม้อาจยังไม่ครบ triad ก็ตาม

ภาวะที่ต้องวินิจฉัยแยกโรค

🔹 Psoriasis
🔹 Atopic dermatitis
🔹 Seborrheic dermatitis
🔹 Langerhan cell histiocytosis
🔹 Nutritional dermatoses เช่น biotin and essential fatty acid deficiency, pellagra, cystic fibrosis, and organic acidurias

การรักษา

ผู้ป่วยมักมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วใน 1-2 สัปดาห์หลังจากให้ Zinc supplementation

🏳️‍🌈 กรณี Hereditary ผู้ป่วยมักต้องการการรักษาไปตลอดเนื่องจากเป็นความบกพร่องของระบบร่างกาย โดยให้เริ่มต้นที่ 3 mg/kg/d ของ elemental zinc ตรวจติดตาม serum zinc levels และ zinc-dependent enzymes (alkaline phosphatase) ทุก 3-6 เดือน
🏳️‍🌈 กรณี acquired casesให้การชดเชยสังกะสีในช่วงที่มีอาการและสามารถหยุดการรักษาเมื่อสามารถรักษาแก้ไขปัจจัยสาเหตุได้แล้ว โดยให้ 0.5-1 mg/kg/d of elemental zinc

ที่มา KKUJM 2015;1:12-19.

สรุปประเด็นสำคัญ

💯 Zinc is more bioavailable in breast milk than in other sources
💯 In infancy, this is self-limited and related to insufficient maternal zinc levels
💯 Acquired cases result from dietary deficiency

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
ที่มาของเนื้อหาและรูปผู้ป่วยจาก
JAMA Dermatol. 2019;155(11):1305.
Zinc in Clinical Uses, KKUJM 2015;1:12-19
Pediatr Dermatol. 2002;19(5):426-431.
J Am Acad Dermatol. 2007;56(1):116-124.
Rev Med Chil. 2013;141(11):1480-1483.
Medicine (Baltimore). 2016;95(20):e3553.

เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิงวรายุวดี อมรภิญโญ อายุรแพทย์โรคผิวหนัง⚕️

รู้จัก Burrow’s Solution หรือไม่

🧴🧴🧴🧴🧴🧴🧴🧴🧴🧴🧴🧴

มีคำถามมากมายว่าสิ่งนี้คืออะไร ความจริงแล้วเบอโร่วโซลูชั่น เป็นน้ำยาที่ดีงาม ราคาย่อมเยาว์ ใช้ได้ผลดีมากในการประคบแผลเปียก ที่เกิดจากการอักเสบเฉียบพลัน (Acute Eczema) ที่แพทย์หลายๆท่านชอบใช้กัน

HELLO SKIN by หมอผิวหนัง

💊 Burrow’s Solution คืออะไร

A: สารละลายที่นิยมเตรียมไว้ใช้สำหรับประคบทำแผลเปียก​ บางที่เรียกว่า​ Aluminium acetate Solution
มีส่วนประกอบ​ของสารหลักๆในปริมาณแล้วแต่ตำรับยาของแต่ละ รพ.​ได้แก่

  • Aluminium sulfate
  • Acetic acid
  • Precipitated Calcium Carbonate
  • Purified Water
  • Boric acid (อาจมีหรือไม่มีแล้วแต่ตำรับยา)
    โดยก่อนใช้ทำแผล​ นิยมผสมในสัดส่วน​ 1:10 ถึง​ 1:40

💊 มีวิธีการใช้ในการทำแผลเปียกเป็นอย่างไร

A: หมอมีวิธีแนะนำง่ายๆสามารถทำให้ผู้ป่วยที่บ้านได้เองดังนี้

  1. ใช้ผ้าสะอาดบางๆ​ เช่น​ ผ้าก๊อซ​ ผ้าฝ้าย​ ปลอกหมอน​ หรือเสื้อยืดบางๆ​ ชุบ​ Burrow​ แล้วบิดผ้าให้หมาดๆ
  2. วางผ้าที่ชุบ​ Burrow​ แล้วลงบนรอยโรคให้คลุมทั้งหมด​ ทิ้งไว้​ 5-10​ นาที​ แล้วชุบใหม่​ ทำซ้ำ​ 2-3 รอบในการทำแผลแต่ละครั้ง​ แนะนำให้ทำ​ 3-5 ครั้งต่อวัน​ โดยความถี่ในการทำแผลเปียกนั้นอาจเพิ่มลดได้ขึ้นกับความรุนแรงของแผล
  3. ทาด้วยครีมสเตอรอย์แล้วปิดแผล

💊 มีคำแนะนำและข้อควรระวังในการใช้อย่างไรบ้าง

🚫 ไม่ควรเท Burrow​ ลงที่แผลโดยตรง​ หรือเทเพิ่มลงในผ้า​ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองแผลและผิวหนังบริเวณรอบ
🚫 ทำทุกวันและหยุดเมื่อแผลแห้งแล้ว
🚫 หากไม่มี​ Burrow’s​ Solution สามารถใช้​น้ำเกลือ​ NSS แทนได้​ โดยวิธีการทำแผลเหมือนกัน

💊 นอกจากการใช้ประคบทำแผลเปียกแล้วสามารถใช้ทำอย่างอื่นได้หรือไม่

A: มีรายงานว่าใช้ได้ผลในการประคบร่วมกับประคบอุ่น​ ช่วยลดอาการบวมและปวดจากภาวะเล็บขบ​ (Ingrowing Nail) และมีรายงานการใช้ทำความสะอาดหูใน​เคส otitis แต่อย่างไรก็ตาม​ เป็น​ off-label use ทั้งสองกรณี

การทำแผลที่ถูกวิธีเป็นปัจจัยที่สำคัญในการช่วยให้แผลหายได้เร็ว และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นที่อาจเกิดตามมา เช่น การติดเชื้อ การเกิดแผลเป็นรอยด่าง รอยดำ จึงอยากให้เล็งเห็นประเด็นเล็กน้อยที่ในบางครั้งหลาย ๆ คนอาจมองข้ามไป

หากมีแผลเรื้อรังไม่ทราบสาเหตุ​ รักษาไม่หายสักที​ แนะนำปรึกษา​ Board​ Certified​ Dermatologist นะคะ​

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
เรียบเรียงบทความโดย แพทย์หญิงวรายุวดี อมรภิญโญ อายุรแพทย์โรคผิวหนัง

โรคหูด..รักษาได้ อย่ามัวอายที่จะมาพบแพทย์

” บทความนี้หมอจะขอมาอัพเดทแนวทางการรักษาหูดด้วยวิธีต่าง ๆ จาก Guideline ล่าสุดที่เพิ่งตีพิมพ์ใน J Dtsch Dermatol Ges. 2019 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ และตอบคำถามที่คนไข้มักถามบ่อย ๆ ”

https://doi.org/10.1111/ddg.13878

โรคหูดเกิดจากอะไรและมีอาการอย่างไรบ้าง

เกิดจากการติดเชื้อ HPV หรือ Human Papilloma Virus ที่บริเวณผิวหนังหรือเยื่อบุนั้น ทำให้มีการแบ่งตัวเกิดรอยโรคที่ลักษณะเป็นตุ่มนูนขรุขระ หรือ อาจเป็นผื่นแบนราบก็ได้ (ชนิดนี้มักพบบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าและใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก) โดยมากมักไม่มีอาการ อาจคันเล็กน้อย แต่รอยโรคที่บริเวณกดทับเช่นฝ่าเท้า อาจพบมีอาการเจ็บหรือเลือดออกได้ [Slide 1]

โรคหูดติดต่อได้ทางไหนบ้าง

ติดต่อทางการสัมผัสโดยตรงบริเวณรอยโรค, ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโอกาสติดเชื้อจะสูงขึ้นหากบริเวณผิวหรือเยื่อบุนั้นมีแผลหรือรอยถลอก

โรคหูดที่ผิวหนังสามารถรักษาด้วยวิธีใดบ้าง

หากภูมิคุ้มกันปกติ สามารถหายเองได้แต่ใช้ระยะเวลาหลายเดือน อาจนานเป็นปี เพียงแค่รักษาความสะอาดและดูแลร่างกายให้แข็งแรงเพื่อไม่ให้มีการลุกลามมากขึ้น และหากหายแล้วก็จะช่วยลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำได้ หากพบว่ามีรอยโรคหูดที่เป็นค่อนข้างมากและรุนแรง เป็นๆไม่หายๆ หรือรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเช็คภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม

ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาหลายวิธีที่มีงานวิจัยรับรองว่าได้ผล ได้แก่

  1. ยาทา Topical treatment เช่น Salicylic, retinoids, 5FU, bleomycin, imiquimod, chemical peeling ด้วยกรดต่างๆ มักใช้ในรอยโรคขนาดเล็กและไม่ลึกมาก ยาบางชนิดมีขายตามท้องตลาด ใช้ทาวันละ 2-3 ครั้ง ควรระวังผลข้างเคียงของการระคายเคืองจากยาในบริเวณผิวหนังรอบหูด อาจใช้วาสลีนทารอบๆหูดเพื่อป้องกันภาวะนี้ได้
  2. การใช้เลเซอร์ และการจี้ด้วยไฟฟ้า มักมีแผลตกสะเก็ดตามมาประมาณ 1 สัปดาห์หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน วิธีนี้จะต้องมีเครื่องดูดควันเพื่อป้องกันไอระเหยของหูดจากการเผาไหม้ ซื้ออาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่สูดดมเข้าไปได้ แต่สามารถหายได้ในครั้งเดียว
  3. การจี้ด้วยความเย็นจากไนโตรเจนเหลว จี้ทุก 2-4 สัปดาห์ ได้ผลการรักษาค่อนข้างดี ระยะเวลาการรักษาขึ้นกับรอยโรค โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน ปัจจุบันมีชนิดปากกาสามารถทำเองที่บ้านได้
  4. การผ่าตัดหรือฝานออก วิธีนี้ค่อนข้างเจ็บ
  5. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เช่น การทา DCP (Diphencyprone), Tuberculin, PPD etc วิธีนี้ต้องมาทายาที่ รพ. สัปดาห์ละครั้งจนหายขาด
  6. ยากินที่เชื่อว่าออกฤทธิ์ immune enhancer เช่น Cimetidine, Zinc sulfate, Levomizole เป็นต้น
Slide 2
Slide 3

นอกจากนั้น ยังมีการศึกษาถึงผลการรักษาในแต่ละวิธี ว่าแตกต่างกันหรือไม่ โดยดูจาก clearance rate 

การรักษาด้วยการจี้เย็น Cryotherapy สามารถทำได้ทุกรายหรือไม่

ไม่สามารถทำได้ในผู้ป่วยที่มีข้อห้ามเรื่องการตอบสนองต่อความเย็นที่มากเกินไป หรือ ในผู้ป่วยที่ยังไม่แน่ใจในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหูดหรือโรคผิวหนังชนิดอื่นที่ต้องการการรักษาเฉพาะ เช่น มะเร็งหรือเนื้องอกผิวหนังอื่นๆ และนอกจากนั้นการใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้

Slide 5
Slide 6

มีวิธีป้องกันโรคหูดหรือไม่

รักษาร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสและมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหูด ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.