All posts by Warayuwadee Amornpinyo, M.D.

Dermatologist's Blog written by Warayuwadee Amornpinyo, M.D.

โรคหูด..รักษาได้ อย่ามัวอายที่จะมาพบแพทย์

” บทความนี้หมอจะขอมาอัพเดทแนวทางการรักษาหูดด้วยวิธีต่าง ๆ จาก Guideline ล่าสุดที่เพิ่งตีพิมพ์ใน J Dtsch Dermatol Ges. 2019 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ และตอบคำถามที่คนไข้มักถามบ่อย ๆ ”

https://doi.org/10.1111/ddg.13878

โรคหูดเกิดจากอะไรและมีอาการอย่างไรบ้าง

เกิดจากการติดเชื้อ HPV หรือ Human Papilloma Virus ที่บริเวณผิวหนังหรือเยื่อบุนั้น ทำให้มีการแบ่งตัวเกิดรอยโรคที่ลักษณะเป็นตุ่มนูนขรุขระ หรือ อาจเป็นผื่นแบนราบก็ได้ (ชนิดนี้มักพบบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าและใบหน้า โดยเฉพาะหน้าผาก) โดยมากมักไม่มีอาการ อาจคันเล็กน้อย แต่รอยโรคที่บริเวณกดทับเช่นฝ่าเท้า อาจพบมีอาการเจ็บหรือเลือดออกได้ [Slide 1]

โรคหูดติดต่อได้ทางไหนบ้าง

ติดต่อทางการสัมผัสโดยตรงบริเวณรอยโรค, ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโอกาสติดเชื้อจะสูงขึ้นหากบริเวณผิวหรือเยื่อบุนั้นมีแผลหรือรอยถลอก

โรคหูดที่ผิวหนังสามารถรักษาด้วยวิธีใดบ้าง

หากภูมิคุ้มกันปกติ สามารถหายเองได้แต่ใช้ระยะเวลาหลายเดือน อาจนานเป็นปี เพียงแค่รักษาความสะอาดและดูแลร่างกายให้แข็งแรงเพื่อไม่ให้มีการลุกลามมากขึ้น และหากหายแล้วก็จะช่วยลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำได้ หากพบว่ามีรอยโรคหูดที่เป็นค่อนข้างมากและรุนแรง เป็นๆไม่หายๆ หรือรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเช็คภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม

ปัจจุบันมีแนวทางการรักษาหลายวิธีที่มีงานวิจัยรับรองว่าได้ผล ได้แก่

  1. ยาทา Topical treatment เช่น Salicylic, retinoids, 5FU, bleomycin, imiquimod, chemical peeling ด้วยกรดต่างๆ มักใช้ในรอยโรคขนาดเล็กและไม่ลึกมาก ยาบางชนิดมีขายตามท้องตลาด ใช้ทาวันละ 2-3 ครั้ง ควรระวังผลข้างเคียงของการระคายเคืองจากยาในบริเวณผิวหนังรอบหูด อาจใช้วาสลีนทารอบๆหูดเพื่อป้องกันภาวะนี้ได้
  2. การใช้เลเซอร์ และการจี้ด้วยไฟฟ้า มักมีแผลตกสะเก็ดตามมาประมาณ 1 สัปดาห์หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน วิธีนี้จะต้องมีเครื่องดูดควันเพื่อป้องกันไอระเหยของหูดจากการเผาไหม้ ซื้ออาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่สูดดมเข้าไปได้ แต่สามารถหายได้ในครั้งเดียว
  3. การจี้ด้วยความเย็นจากไนโตรเจนเหลว จี้ทุก 2-4 สัปดาห์ ได้ผลการรักษาค่อนข้างดี ระยะเวลาการรักษาขึ้นกับรอยโรค โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน ปัจจุบันมีชนิดปากกาสามารถทำเองที่บ้านได้
  4. การผ่าตัดหรือฝานออก วิธีนี้ค่อนข้างเจ็บ
  5. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เช่น การทา DCP (Diphencyprone), Tuberculin, PPD etc วิธีนี้ต้องมาทายาที่ รพ. สัปดาห์ละครั้งจนหายขาด
  6. ยากินที่เชื่อว่าออกฤทธิ์ immune enhancer เช่น Cimetidine, Zinc sulfate, Levomizole เป็นต้น
Slide 2
Slide 3

นอกจากนั้น ยังมีการศึกษาถึงผลการรักษาในแต่ละวิธี ว่าแตกต่างกันหรือไม่ โดยดูจาก clearance rate 

การรักษาด้วยการจี้เย็น Cryotherapy สามารถทำได้ทุกรายหรือไม่

ไม่สามารถทำได้ในผู้ป่วยที่มีข้อห้ามเรื่องการตอบสนองต่อความเย็นที่มากเกินไป หรือ ในผู้ป่วยที่ยังไม่แน่ใจในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหูดหรือโรคผิวหนังชนิดอื่นที่ต้องการการรักษาเฉพาะ เช่น มะเร็งหรือเนื้องอกผิวหนังอื่นๆ และนอกจากนั้นการใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้

Slide 5
Slide 6

มีวิธีป้องกันโรคหูดหรือไม่

รักษาร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสและมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหูด ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

ผมสวยสุขภาพดี..ใคร ๆ ก็มีได้

“คุณหมอมีเคล็ดลับแนะนำในการดูแลเส้นผมอย่างไรบ้างคะ.. หนูอยากผมสวยสุขภาพดีบ้าง”

เทคนิคสั้น ๆ ง่าย ๆ ใครก็ทำได้ตามนี้เลยค่ะ

👩🏻‍⚕️ การหวีผม
🔹อย่าหวีผมบ่อยเกินไป เพราะจะทำลายน้ำมันเคลือบผมตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการแตกปลายและผมชี้ฟู
🔹หลังอาบน้ำ ใช้หวีซี่ห่าง หรืออาจใช้นิ้วในการสางผม แทนการหวี

👩🏻‍⚕️ การตัดผม
🔹เล็มปลายผมทุก 4-6 สัปดาห์ โดยตำแหน่งที่เล็มคือ เหนือจากจุดที่ผมแยกจากกันมาประมาณ 1/4 นิ้ว

👩🏻‍⚕️ การสระผมและการหมักผม
🔹สระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว การสระผมทุกวันนั้นไม่จำเป็น อีกทั้งยังเป็นการทำลายไขมันธรรมชาติที่เคลือบเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสียได้ง่าย
🔹ไม่ควรสระผมด้วยน้ำร้อน แนะนำให้ใช้น้ำเย็นจะช่วยให้ cuticle ชั้นนอกของเส้นผมเรียงตัวดี ผลคือ ผมเงางามยิ่งขึ้น หรืออาจใช้น้ำเย็นเป็นน้ำสุดท้ายเพื่อ cool down ให้ cuticle เรียงตัวเพื่อความเงางามของเส้นผม
🔹ไม่เกาหนังศีรษะ แนะนำให้นวดเบาๆแทน
🔹ไม่ใช้ยาสระผมในปริมาณมากเกินไปเพราะจะทำลายเส้นผมได้
🔹การหมักบำรุงผมนั้นดีต่อเส้นผมมากๆ เพราะจะทำให้ผมนุ่มสลวย แข็งแรงและยังชุ่มชื้นขึ้น แนะนำสัปดาห์ละครั้ง
🔹แนะนำให้ใช้ครีมนวดผม ช่วยให้ผมเงางาม ไม่พันกัน ลดการชี้ฟู มีสุขภาพดี และครีมนวดที่เป็น protein-rich conditioner ช่วยลดผมแตกปลายได้ และทำให้ผมหนานุ่มขึ้น

👩🏻‍⚕️ การดัดย้อมทำสียืดผม
🔹หลีกเลี่ยงการยืดผมถาวร
🔹หลีกเลี่ยงการดัดหรือย้อมสี บ่อยเกินเดือนละ 1 ครั้ง ควรมีช่วงเว้นจากการทำสีให้ผมได้พักบ้าง

👩🏻‍⚕️ การมัดรวบผม
🔹หลีกเลี่ยงการรัดผมรวบตึงเกินไปเพราะจะทำลายรากผมและก่อให้เกิดผมบางจากการดึงรั้งได้
🔹ใช้วิธีการรวบผมเบาๆ หรือเปลี่ยนทรงผมไปมา หรือใช้ที่คาดผมแทนเก๋ๆ

👩🏻‍⚕️ อาหารเสริม
🔹ไบโอติน สังกะสีและวิตามินซีช่วยส่งเสริมให้ผมและเล็บแข็งแรงขึ้น

👩🏻‍⚕️ หมอนหนุนนอน
🔹การใช้หมอนหนุนนอนที่ทำจากผ้าไหม ช่วยลดการเสียดสีกับเส้นผม ทำให้ลดการแตกหักของเส้นผม เป็นผลให้เส้นผมมีสุขภาพดี ยาวและเงางามยิ่งขึ้นนะคะ

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.