Tag Archives: ฝ้า

Tranexamic acid กับการรักษาฝ้า‼️

กรดทรานเอกซามิก (Tranexamic acid) ชนิดรับประทาน ถูกขึ้นทะเบียนในประเทศไทยให้ใช้เป็นยารักษาภาวะเลือดไหลหยุดยากและเลือดออกรุนแรงมากผิดปกติ เนื่องจากมีฤทธิ์ในการทำให้เลือดหยุด

ต่อมามีข้อมูลพบว่า สามารถช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวได้ จึงมีการนำมาให้เสริมการรักษาฝ้าแบบ Off-label เนื่องจากส่งผลให้ฝ้าและรอยดำจางลงได้ด้วย

What is tranexamic acid
What is tranexamic acid

1. Tranexamic acid ทำให้ฝ้าจางลงได้อย่างไร

Tranexamic acid (TXA) เป็น potent plasmin inhibitor กลไกที่เชื่อว่าช่วยให้ฝ้าและรอยดำดีขึ้นได้ คือ

  1. ยับยั้งการหลั่งสารอักเสบที่จะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสี (Inhibit PGE2-stimulated human epidermal melanocytes)
  2. แย่งจับเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้การสร้างเม็ดสีลดลง
  3. ช่วยลดการสร้างและการขยายตัวของหลอดเลือดใต้ผิวซึ่งทำให้เกิดฝ้าตามมา (Antiangiogenic effect on vascular component of melasma) ซึ่งกลไลข้อนี้ช่วยให้ฝ้าเลือดดีขึ้นได้
Mechanism of tranexamic acid in melasma treatment​
Mechanism of tranexamic acid in melasma treatment

2. TXA ชนิดรับประทาน กับ การรักษาฝ้า

มีข้อมูลของการใช้ TXA ชนิดรับประทานในระยะเวลาสั้นไม่เกิน 3-4 เดือน เพื่อช่วยในการรักษาฝ้าและลดการเกิดรอยดำตามหลังการทำหัตถการ เช่น เลเซอร์ เป็นต้น
ซึ่งพบว่าสามารถช่วยให้ฝ้าจางลงชั่วคราวได้ดี แต่ยังถือว่าเป็น Off-label use เพราะยามีผลข้างเคียงที่สำคัญและรุนแรง คือ ทำให้เกิดลิ่มเลือดซึ่งสามารถอุดตันเส้นเลือดในอวัยวะต่าง ๆ ได้ เช่น สมอง ปอด หัวใจ เส้นเลือดที่ขา ที่ตา หรือที่ไต หากมีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ดังนั้น จึงแนะนำให้อยู่ในการดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น

3. Tranexamic acid ชนิดทา กับ การรักษาฝ้า

มีการศึกษาการลดลงของเม็ดสีผิว (MASI score) เมื่อเปรียบเทียบการทา TXA ในรูปแบบต่าง ๆ ที่พบว่าผลใกล้เคียงกับ 3-4% hydroquinone (ขึ้นกับงานวิจัย) เมื่อทาระยะเวลานาน 12 สัปดาห์ ดังนี้
✔️ 2% TXA formulation
✔️ 3% TXA solution และ cream
✔️ 5% TXA liposome, gel, solution
ดังนั้น การใช้ tranexamic acid ชนิดทาจึงอาจใช้เป็นอีกทางเลือกเพื่อเสริมการรักษาฝ้า แทนการใช้ hydroquinone ชนิดทา และรูปแบบทาอาจใช้ได้อย่างปลอดภัยกว่าในกรณีที่มีข้อห้ามของการใช้ยา tranexamic acid ชนิดกิน

Topical tranexamic acid​
Topical tranexamic acid

4. ใช้ Tranexamic acid ทาร่วมกับสกินแคร์อื่นที่ช่วยเรื่องฝ้าได้หรือไม่

ใช้ได้ค่ะ แนะนำว่าอาจลองมองหาส่วนประกอบเสริมการยับยั้งกลไกการเกิดฝ้า เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
เช่น
✔️ กลุ่มยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase inhibitors) เช่น kojic acid, arbutin, licorice, ascorbic acid, resorcinol, acetyl glycyl beta-alanine
✔️ กลุ่มยับยั้งการขนส่งเมลานินไปที่ผิวหนังชั้นบน (Melanin transfer inhibition) เช่น niacinamide 4%, soybean, acetyl glycyl beta-alanine
✔️ กลุ่มเร่งการผลัดเซลล์เม็ดสีส่วนเกินที่ผิวชั้นบน (Increased epidermal turnover) เช่น glycolic acid, salicylic acid

Anti melasma skincare​
Anti melasma skincare

มีข้อมูลการใช้ 3% TXA + 1% kojic acid + 5% niacinamide พบว่า ช่วยให้สิ่งเหล่านี้ดีขึ้นเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ใน 2 สัปดาห์
• รอยดำหลังการอักเสบ (PIH)
• ฝ้า (Melasma)
• สภาพผิวและความสม่ำเสมอของสีผิว (Skin texture & tone homogeneity)
และค่อย ๆ ดีขึ้นไปอีกจนถึง 12 สัปดาห์ ร่วมกับ ตรวจด้วย Mexameter® พบว่า melanin index ลดลงชัดเจน

PRACTICAL POINT

ปัจจุบันเริ่มมีสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Tranexamic acid มากขึ้นเรื่อย ๆ และหากเพิ่มเติมส่วนผสมอื่นที่ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวได้หลายกลไกก็จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษาฝ้าที่ดีขึ้น
เช็คลิสต์ที่เสริมกัน ได้แก่
สกินแคร์กลุ่มยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส
สกินแคร์กลุ่มยับยั้งการขนถ่ายเม็ดสีผิว
สกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิว
มอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงกำแพงผิว
ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด

ตัวอย่างเช่น Melan Trans3X concentrate หรือ Melan Trans3X gel cream
ซึ่งมีส่วนผสมหลายอย่างที่ออกฤทธิ์ยับยั้งได้หลายกลไกการเกิดฝ้าข้างต้น [อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมท้ายบทความ]

BOTTOM LINE

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาฝ้าให้หายขาดได้อย่างถาวร การใช้ยารับประทานหรือสกินแคร์ Tranexamic acid เพียงเพื่อช่วยให้ฝ้าจางลงชั่วคราวเท่านั้น ยังต้องอาศัยการรักษาวิธีอื่นร่วมด้วย หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น ฮอร์โมน ยาบางชนิด และจำเป็นต้องกันแดดอย่างเคร่งครัดไปตลอด เพื่อช่วยลดโอกาสการกลับมาเข้มขึ้นของฝ้าซ้ำได้อีก

ถ้าหากยังไม่ได้ผล แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังพิจารณาเพิ่มเติมการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ยารับประทาน หัตถการต่าง ๆ และเลเซอร์ เป็นต้น

ด้วยความปรารถนาดี


References

Clin Cosmet Investig Dermatol. 2021;14:1165-1171.
J Clin Aesthet Dermatol. 2019 Aug;12(8):E73-E74.
Exp Dermatol. 2019;28(6):704-708.
J Drugs Dermatol. 2019;18(5):454-459.
Cutis. 2018 February;101(2):E7-E8
Acta Derm Venereol. 2017 Jul 6;97(7):776-781.


[Disclaimer] สนับสนุนความรู้โดย Mesoesthetic

Melan Trans3X concentrate
สูตรเข้มข้นเหมาะสำหรับผิวที่มีปัญหาฝ้า รอยดำจากการอักเสบ รอยดำจากการเสียดสีซอกพับรักแร้ขาหนีบ
ส่วนประกอบหลัก
▫️1.8% Tranexamic acid ออกฤทธิ์ยับยั้งในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว
▫️5% Enzymacid complex ได้แก่ lactic, mandelic, salicylic acid, biotechnological enzyme ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ สีผิวแลดูสม่ำเสมอขึ้น
▫️2% Tyr control complex ได้แก่ kojic acid, biotechnologic plankton extract, tyr control peptide และ Acetyl glycyl beta-alanine* ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและยับยั้งกระบวนการขนถ่ายเม็ดสีผิว
▫️5% Niacinamide ช่วยยับยั้งการขนถ่ายเม็ดสีผิว

Melan Trans3X gel cream
สูตรนี้อ่อนโยนและระคายเคืองน้อยกว่า
เหมาะสำหรับผิวแพ้ระคายเคืองง่าย
ส่วนประกอบหลัก
▫️1.5% Tranexamic acid
▫️1.5% Hydroxyacid complex ได้แก่ lactic, salicylic acid
▫️2% Tyr control complex ได้แก่ kojic acid, biotechnologic plankton extract, tyr control peptide และ Acetyl glycyl beta-alanine*
▫️3% Niacinamide

หมายเหตุ

*Acetyl glycyl beta-alanine คือ สารตัวหนึ่งที่ออกฤทธิ์ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวได้หลายกลไก เช่น ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส, ยับยั้งการขนถ่ายเม็ดสีผิว มีข้อมูลการใช้ความเข้มข้น 2% นาน 56 วัน ช่วยแก้ปัญหาจุดด่างดำจากการอักเสบผิวได้

**ผลลัพธ์การตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ขึ้นกับสภาพผิวแต่ละบุคคล

***ข้อมูลเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mesoestetic-th.com/promotion2-melantran3x/?ref=4433

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Licochalcone A คู่หูคู่ซี้ของ ไทอามิดอล ‼️

เชื่อว่ายุคนี้หากใครได้อ่านเรื่อง สกินแคร์ที่ช่วยเรื่องฝ้าและรอยดำ ก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของไทอามิดอล ซึ่งเป็นตัวเต็งของ ingredient ที่ช่วยยับยั้งในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว และในขณะเดียวกันอาจจะได้ยินชื่อของสารอีกตัวที่มักใช้ร่วมกับ Thiamidol เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น นั่นก็คือ ลิโคชาลโคนเอ (Licochalcone A) ลองมาทำความรู้จักกันในบทความนี้

Licochalcone A คู่หู Thiamidol คู่ซี้ของคนเป็นฝ้า

Licochalcone A เป็นสารสำคัญที่พบใน Glycyrrhiza inflata ซึ่งเป็น Chinese Licorice Root extract (รากชะเอมเทศ)

กลไกออกฤทธิ์ของ Licochalcone A ได้แก่

  • ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory effects)

ยับยั้งการสร้างและหลั่งสารก่อการอักเสบหลายชนิด เช่น PGE2, LTB4, IL-6, TNFa

  • ต้านเชื้อจุลชีพ (Anti-microbial effects)

โดยข้อมูลหลอดทดลองพบว่า สามารถยับยั้งกลุ่มแกรมบวกและแกรมลบได้ เช่น Staphylococcus aureus, Escherichia coli, Pseudomonas aeruginosa, Bacillus subtilis รวมถึง C.acne, H.pylori

  • ยับยั้งเชื้ออื่น ๆ

เช่น เชื้อมาลาเรีย P. falciparum, เชื้อราชนิด dermatophyte, C.albicans และเชื้อไวรัสบางชนิด

  • ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ (Antitumorigenic effects)
  • ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant effects)
กลไกออกฤทธิ์ของ Licochalcone A​
กลไกออกฤทธิ์ของ Licochalcone A

ในสมัยก่อนคนจีนจึงนิยมใช้เป็น ยาแผนโบราณในการรักษาโรค (Traditional Medicine) เช่น แผลในกระเพาะหรือลำไส้, ผิวหนังอักเสบ หรือ โรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบในร่างกาย เพราะสืบเนื่องจากคุณสมบัติข้างต้น

ปัจจุบันมีการนำ Licochalcone A มาผสมสกินแคร์ในรูปแบบของการทา

หลากหลายมากขึ้น และมีข้อมูลพบว่าช่วยให้ภาวะเหล่านี้ดีขึ้นได้

• ผื่นที่เกี่ยวกับการอักเสบ ได้แก่ ผื่นสะเก็ดเงิน, ผื่นคัน, ผื่นเซบเดิร์ม
• ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง Atopic dermatitis เพราะลดการอักเสบและยัง repair skin barrier ได้
• ผื่นโรเซเชีย, ผิว sensitive skin เพราะมีฤทธิ์ anti irritation ร่วมด้วย
• สิว เพราะลดการอักเสบและยับยั้ง C.acne ร่วมด้วย
• ฝ้าและรอยดำจากการอักเสบ

ในแง่การเกิดฝ้า

นอกจากกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นแล้ว ยังพบว่า ผิวในชั้นลึกลงไปมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ได้แก่

กระบวนการเกิดฝ้า​ Melasma
กระบวนการเกิดฝ้า

• เส้นใยอิลาสตินยืดหยุ่นลดลง เกิด solar elastosis คล้ายกับที่พบในผิวที่เกิดความเสื่อมจากการถูกแสงแดด (photoaging disorder)
• Basement membrane zone (BMZ) ที่กั้นระหว่างชั้นหนังแท้กับหนังกำพร้ามีรอยรั่ว ไม่แข็งแรง จึงเกิดฝ้าลึกตามมา
• เส้นเลือดใต้ผิวหนังถูกกระตุ้นให้มีการเพิ่มจำนวน & ขนาด และหลั่งสาร Endothelin ซึ่งกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้นตามมา
• มีการเพิ่มปริมาณของ mast cells หลั่ง histamine เพิ่ม และกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้นตามมา
• เซลล์ไขมัน Sebocyte มีการหลั่งสารที่ทำให้เซลล์เม็ดสีทำงานมากขึ้น

ดังนั้น หากมองหาสกินแคร์เพื่อดูแลผิวที่เป็นฝ้าหรือผิวหมองคล้ำก็ควรต้องมองหาสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการข้างต้น และถ้าหากยับยั้งได้หลายกลไกก็มีแนวโน้มที่จะเห็นผลการรักษาได้ดีกว่า

ยกตัวอย่างการจับคู่สกินแคร์

ชิ้นที่ 1: สกินแคร์ที่มีส่วนผสมหลักของ Licochalcone A + Thiamidol + Hyaluronic acid
ร่วมกับ
ชิ้นที่ 2: ครีมกันแดด
ก็ช่วยได้หลายกลไก ดังนี้

Sunscreen ช่วยลด photoaging และลดการสร้างเม็ดสี
Licochalcone A ช่วยทำให้ฝ้าและรอยดำจากการอักเสบดีขึ้น จากหลายกลไล
• ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสี โดยมีข้อมูลสามารถทาในระยะยาวได้อย่างปลอดภัย
• ลดการหลั่ง Endothelin จึงทำให้การสร้างเม็ดสีในฝ้าน้อยลง
• ช่วยลดการอักเสบ จึงเกิดรอยดำตามมาน้อยลง
Thiamidol เป็น potent tyrosinase inhibitors อ่านเพิ่มเติมในบทความก่อนนี้
Hyaluronic acid ช่วยเสริม skin barrier แข็งแรง

กลไก Licochalcone A รักษาฝ้า​
กลไก Licochalcone A รักษาฝ้า

มีข้อมูลพบว่า เมื่อใช้สกินแคร์ซึ่งมีส่วนผสมหลักของ Licochalcone A + Thiamidol + Hyaluronic acid พบว่าฝ้าจางชัดเจน และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง 6 เดือน พบว่าฝ้าสามารถจางลงไปเรื่อย ๆ และสามารถป้องกันการกลับเป็นซ้ำของฝ้าหลังหยุดใช้ได้อย่างน้อย 3 เดือน
ดังนั้น จึงแนะนำให้ทาเป็นประจำสม่ำเสมอร่วมกับการทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธี เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาฝ้าค่ะ

Bottom line

สกินแคร์ นอกจากจะเป็นเป็นตัวเสริมการรักษาฝ้าด้วยยาแล้ว ยังสามารถใช้เพื่อ maintenance หลังการรักษาจบแล้ว เพื่อลดโอกาสการกลับมาเข้มขึ้นของฝ้าอีก แต่ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้ 100% เพราะปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดรักษาฝ้าให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาเพื่อให้ฝ้าจางลงได้ การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีควรต้องควบคู่ไปกับการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างถูกวิธี และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ฮอร์โมน ยาบางชนิด เป็นต้น

ปัจจัยกระตุ้นฝ้า​
ปัจจัยกระตุ้นฝ้า

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และทำให้ทุกท่านที่ได้จะรู้จัก ลิโคชาลโคนเอ (Licochalcone A) มากขึ้นในหลายแง่มุมนะคะ


References:

J Toxicol Environ Health A. 2020 Nov 16;83(21-22):673-686.
Curr Med Chem. 2020;27(12):1997-2011.
Clin Cosmet Investig Dermatol. 2019 Feb 19;12:151-161.
Pharm Biol. 2017 Dec;55(1):5-18.
J Eur Acad Dermatol Venereol. 2016 Feb;30 Suppl 1:21-7.
Acta Pharm Sin B. 2015 Jul;5(4):310-5.
Arch Dermatol Res. 2006 Jun;298(1):23-30.
Life Sci. 2002 Aug 9;71(12):1449-63.


[Disclaimer] สนับสนุนความรู้โดย
Eucerin Spotless Booster Serum

ส่วนประกอบหลัก :
Thiamidol เป็น The powerful Human Tyrosinase Inhibitor {อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.facebook.com/476743752739537/posts/1259180884495816/?d=n}
Hyarulonic acid small molecule ช่วยนำพาสาร Thiamidol ซึมลงสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น
Licochalcone A ช่วยลดการอักเสบ ลดการหลั่ง endothelin จาก endothelial cell เสริมการทำงาน ช่วยลดเรื่องการเกิดฝ้าและรอยดำหลังการอักเสบได้ดียิ่งขึ้น

เทคโนโลยี Micro Targeted : เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และจัดการฝ้า จุดด่างดำได้ดีกว่าเดิม ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น 2 สัปดาห์

Eucerin Spotless Booster Serum

อ่านบทความย้อนหลังที่
https://helloskinderm.com
รวมลิ้งค์ https://opl.to/drwarayuwadee
บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

10 คำถามเรื่อง Thiamidol & ฝ้าและการสร้างเม็ดสีผิว ‼️

หากพูดถึงเรื่องเดอโมคอสเมติกส์ที่ช่วยเรื่องฝ้าหรือรอยดำจากสิว หลายคนคงรู้จักไทอามิดอลกันมาพอสมควร วันนี้เลยรวบรวม Q&A มา 10 ข้อที่น่าสนใจ

Q1 : เป็นฝ้ามียาทาอะไรใช้รักษาได้บ้าง❓

A : 1st line ของยาทารักษาฝ้า คือ Hydroquinone ซึ่งถือเป็น gold standard แต่ถ้าหากใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างมากและเกิดฝ้าถาวร (Ochronosis) ได้ ปัจจุบันจึงถือว่า Hydroquinone เป็นยาที่ต้องควบคุมการสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อาจมีบางประเทศที่กฏหมายอนุญาตให้ผสมในเครื่องสำอางได้ไม่เกิน 2%
ส่วนยาทาอื่น ๆ ที่ใช้ในการรักษาฝ้า เช่น topical retinoid, azelaic acid, topical methimazole เป็นต้น

Q2 : หากไม่อยากใช้กลุ่มยา มีกลุ่ม Dermocosmetics หรือสกินแคร์ตัวอื่นอีกไหมที่ช่วยเรื่องฝ้าได้ ❓

A : มีค่ะ อาจลองมองหาส่วนประกอบเหล่านี้
✔️ กลุ่มยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส เช่น arbutin 3%/deoxyarbutin, tranexamic acid 2-5%, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol, thiamidol
✔️ กลุ่มยับยั้งการขนส่งเมลานินไปที่ผิวหนังชั้นบน (Melanin transfer inhibition) เช่น niacinamide 4%, soybean
✔️ กลุ่มเร่งการผลัดเซลล์เม็ดสีส่วนเกินที่ผิวชั้นบน (Increased epidermal turnover) เช่น glycolic acid, salicylic acid
นอกจากนั้นต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมด้วยเสมอเพื่อป้องกันการกลับมาเข้มขึ้นของฝ้า

Q3 : แล้ว Thiamidol ล่ะคืออะไร ❓

A : Thiamidol หรือ Isobutylamido thiazolyl resorcinol เป็นสารนวัตกรรมตัวใหม่ ที่ออกฤทธิ์ในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว โดยไปยับยั้งที่ Tyrosinase enzyme นับว่าเป็นสารทางเลือกอันดับต้น ๆ ของคนที่กำลังมองหาสกินแคร์ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องฝ้า, รอยดำสิว หรือคนที่อยากบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น สารนี้มีงานวิจัยรองรับตีพิมพ์ใน Journal of Investigative Dermatology 2018 ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นการทำวิจัยใน Human tyrosinase ก็ถือว่าเทียบเท่าได้กับการทดลองทาผิวมนุษย์ในชีวิตจริง

Q4 : เมื่อเทียบประสิทธิภาพของไทอามิดอล กับสกินแคร์ที่ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ตัวอื่นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ❓

A : ปัจจุบันมีสกินแคร์กลุ่ม Tyrosinase inhibitor ที่ไม่ใช่ยาอยู่หลายตัว เมื่อเทียบผลการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ของ Thiamidol กับสารอื่น ๆ ก็พบว่าไทอามิดอล
💯 ดีกว่า Butylresorcinol 10 เท่า
💯 ดีกว่า Kojic 1,000 เท่า
💯 ดีกว่า Arbutin 10,000 เท่า
จะเห็นว่าไทอามิดอลค่อนข้างจะเป็น Potent Tyrosinase Inhibitor ที่ออกฤทธิ์ในกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวได้ค่อนข้างดี

Q5 : Thiamidol ใช้กับผิวคนไทยได้ไหม ❓

A : ได้ค่ะ มีงานวิจัยในผิวคนไทยพบว่า Thiamidol สามารถใช้ได้ผลในการรักษา ดังนี้
💯 ฝ้าที่รุนแรงน้อยถึงปานกลาง (mild to moderate melasma)
💯 กระ (freckles)
💯 กระแดด (solar lentigines)
โดยพบว่า ได้ผลดีกว่า “4% Arbutin + 2% Hydroquinone” ในเวลา 8-12 สัปดาห์

Q6 : อยากผิวขาวขึ้น Thiamidol ช่วยได้ไหม ❓

A : Thiamidol มีงานวิจัยรับรองว่า lightening index ลดลง ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงผิวขาวใสขึ้นใน 2-4 สัปดาห์ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าสีผิวของมนุษย์ถูกยีนกำหนดมาแล้ว ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม lightening และกันแดดอย่างดีก็อาจทำให้ผิวขาวขึ้นได้เพียง 1-2 ระดับเท่านั้นเมื่อเทียบกับพื้นสีผิวของแต่ละคน สามารถดูได้ที่หน้าท้อง หน้าอก ก้น หรือบริเวณที่ไม่ค่อยถูกแดดค่ะ

Q7 : ไม่อยากคล้ำหลังเที่ยวทะเล สามารถทา Thiamidol ป้องกันได้ไหม ❓

A : มีข้อมูลพบว่าสามารถช่วยป้องกัน UVB induced hyperpigmentation ได้ พูดง่าย ๆ คือ ถ้าหากทาผิวทุกวัน 1-2 สัปดาห์ก่อนไปออกแดดจัด เช่น ก่อนไปเที่ยวทะเล จะช่วยป้องกันการเกิดผิวคล้ำหลังโดนแดด ได้ดีกว่าการไม่ทา (Downregulation of tyrosinase activity in melanocyte)

Q8 : ใช้ Thiamidol นาน ๆ จะเกิดฝ้าถาวรไหม ❓

A : ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานของผลข้างเคียงเรื่อง ฝ้าถาวร (Ochronosis) ซึ่งมักพบจากการใช้ hydroquinone แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากไทอามิดอลเป็นนวัตกรรมใหม่ คงต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป มีข้อมูลอัพเดทเรื่องการใช้ Thiamidol ทาเพื่อลดฝ้าที่ความรุนแรงมาก นานต่อเนื่อง 6 เดือน ก็พบว่าไม่มีผลข้างเคียง อีกทั้งฝ้ารุนแรงสามารถจางลงชัดเจนและหลังหยุดใช้ 3 เดือนก็ยังไม่กลับมาเข้มขึ้นเท่าเดิม

Q9 : คนท้องมีฝ้า ใช้ Thiamidol ได้ไหม ❓

A : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงในคนท้อง และเนื่องจากไทอามิดอลจัดเป็นกลุ่มเดอโมคอสเมติก ซึ่งความปลอดภัยค่อนข้างสูงและผลข้างเคียงน้อย เพราะไม่มีการดูดซึมของสารเข้าสู่กระแสเลือด ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้พิจารณา

Q10 : Thiamidol มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ใดบ้าง ❓

A : Thiamidol (PATENTED) คิดค้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ สถาบัน Beiersdorf Germany สารนี้เป็นส่วนผสมหลักอยู่ในผลิตภัณฑ์ของยูเซอรีนหลายรุ่น ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวล่าสุด คือ “Spotless Booster Serum” เป็นตัวที่อัพเกรดเทคโนโลยีต่อยอดจากรุ่นเดิม [ขวดหลอดคู่ Double Booster Serum] โดยใช้เทคนิค Micro targeted Technology เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น มี Hyaluron โมเลกุลขนาดเล็กกว่า 40 เท่า เป็นตัวพาสาร Thiamidol ลงสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น

Bottom Line

การใช้ยาทาภายนอก ถือเป็นการรักษาหลักของการรักษาฝ้า
เดอร์โมคอสเมติกส์เป็นอีกทางเลือก ในคนที่ไม่อยากใช้ยา ซึ่งค่อนข้างปลอดภัย ออกฤทธิ์ได้ถึงผิวชั้นลึกได้ดีกว่าคอสเมติกส์ ผลข้างเคียงน้อย แต่ผลการรักษาอาจไม่ดีเท่ายา
• ถ้าหากยังได้ผล แนะนำปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังพิจารณาเพิ่มเติมการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ยารับประทาน หัตถการต่าง ๆ และเลเซอร์
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดรักษาฝ้าให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาเพื่อให้ฝ้าจางลงได้ การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีควรต้องควบคู่ไปกับการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างถูกวิธี และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ฮอร์โมน ยาบางชนิด ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นอีก

มีใครเคยลองใช้ไทอามิดอลแล้วบ้างไหมคะ เป็นอย่างไรบ้างชวนมาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ ?


References

  1. Inhibition of Human Tyrosinase Requires Molecular Motifs Distinctively Different from Mushroom Tyrosinase Journal of Investigative Dermatology 2018; 138: 1601-1608.
  2. An updated review of tyrosinase inhibitors. Int J Mol Sci 2009; 26(10): 2440-75.
  3. Mechanism of depigmentation by hydroquinone. J Invest Dermatol 1974; 62: 436-49.
  4. Effective Tyrosinase Inhibition by Thiamidol Results in Significant Improvement of Mild to Moderate Melasma Journal of Investigative Dermatology 2019 doi:10.1016/j.jid.2019.02.013
  5. Thiamidol containing treatment regimens in facial hyperpigmentation: An international multi-centre approach consisting of a double-blind, controlled, split-face study and of an open-label, real-world study. International Journal of Cosmetic Science. 2020; 42: 377–387. doi: 10.1111/ics.12626
  6. Isobutylamido thiazolyl resorcinol for prevention of UVB-induced hyperpigmentation. J Cosmet Dermatol. 2020; 00: 1–6.
  7. 7. 24 weeks long-term efficacy and tolerability of a skin care regimen with Thiamidol in patients with moderate to severe facial hyperpigmentation Roongenkamo et al. EADV2020.

Product mentioned
Eucerin Spotless Brightening Booster Serum

(พัฒนาจาก Double Booster Serum รุ่นก่อน)
ส่วนประกอบหลัก :
✔️ Thiamidol เป็น The Powerful Human Tyrosinase Inhibitor
✔️ Hyarulonic acid small molecule ช่วยนำพาสาร Thiamidol ซึมลงสู่ผิวชั้นลึกได้ดีขึ้น
✔️ Licochalcone A ช่วยลดการอักเสบ ลดการหลั่ง endothelin จาก endothelial cell เสริมการทำงาน ช่วยลดเรื่องการเกิด hyperpigmentation
เทคโนโลยี Micro Targeted : เพื่อเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และจัดการฝ้า จุดด่างดำได้ดีกว่าเดิม ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น 2 สัปดาห์
เนื้อสัมผัส : บางเบา ซึมง่ายขึ้น
บรรจุภัณฑ์ : สะดวกต่อการใช้งาน หัวปั๊มกดง่ายขึ้น

Disclaimer : Sponsored Content by Eucerin

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Melasma : Topical Treatment

สรุป 5 ยาทารักษาฝ้า

ยาทาภายนอก ถือเป็นการรักษาหลักของการรักษาฝ้า
ถ้าหากยังได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร จึงพิจารณาเพิ่มเติมการรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วยได้

ยกตัวอย่างยาทา ได้แก่

1. Hydroquinone

ช่วยยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน มีผลลดการสร้างและเพิ่มการสลายเมลาโนโซม
ความเข้มข้นที่ใช้รักษาฝ้า คือ 2-5%
หากทาครีมกันแดดร่วมด้วย จะเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาฝ้าได้ดีขึ้น
💢 ระวังการเกิด confetti-liked hypopigmented macule (รอยจุดขาว) หรือ exogenous ochronosis (รอยจุดน้ำตาลอมเทา อาจนูนวาวเป็นตุ่มคล้ายไข่คาเวียร์) มักพบบ่อยในคนสีผิวเข้ม ใช้ความเข้มข้นสูง และใช้แบบ HQ alcoholic solution
💢 ควรระมัดระวังการใช้ เป็นยาควบคุมการสั่งจ่ายโดยแพทย์

2. Retinoids

ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยผลัดเซลล์ผิวร่วมด้วย
ยาที่มีข้อมูลช่วยเรื่องฝ้า เช่น 0.1 Adapalene gel, 0.05-0.1% Tretinoin cream
💢 ระวังผลข้างเคียง ผิวแห้ง แดง แสบ คัน บริเวณที่ทา

3. Azelaic acid

ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ลดการอักเสบ
เป็นยาที่สามารถใช้รักษาได้ทั้งสิวและฝ้า
ความเข้มข้นที่ใช้ คือ 20% cream
💢 ระวังการระคายเคือง แสบ บริเวณที่ทา มักมีอาการช่วงแรกของการเริ่มใช้ และจะค่อยดีขึ้น

4. HQ + TCs + Retinoids (Triple combination)

เป็นยาสูตรผสม 3 อย่าง ต้นแบบคือ Kligman’s formula (5% HQ + 0.1% Tretinoin + 0.1% Dexamethasone)
กลุ่มนี้มีข้อมูลว่า การใช้ทา 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หลังการรักษาฝ้าจางลงแล้ว จะช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้อย่างน้อย 6 เดือน

5. Topical Methimazole 5%

เชื่อว่ายับยั้งเอนไซม์สร้างเม็ดสีได้ อย่างไรก็ตามยังมีข้อมูลไม่มาก ต้องรอติดตามต่อไป

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️
References
J Cosmet Dermatol. 2020; 19: 167-172.
Indian J Dermatol Venereol Leprol. 2013; 79: 701-2.
J Eur Acad Dermatol Venereol. 2012; 26: 611-18.
J Cosmet Dermatol. 2005; 4: 55-59.
Cutis 2003; 72: 67-72.
J Dermatol 2002; 29: 539-40.
ฝ้าและการรักษา melasma อ.วาสนภ

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

วิธีการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว เพื่อผิวขาวใส

ขออธิบายสั้น ๆ ถึงกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวก่อน เพราะหากเราเข้าใจจุดนี้ เราจะสามารถมองหาสิ่งที่เรียกว่า Lightening agents ได้เก่งขึ้น (ดูรูปประกอบ)

มนุษย์เรามีเมลาโนไซต์อยู่ที่บริเวณหนังแท้ชั้นล่างสุด โดยจะแทรกตัวอยู่ระหว่างเคอราติโนไซต์ การสร้างเม็ดสีจะเกิดขึ้นภายในโรงงานที่เรียกว่า เมลาโนโซม (ซึ่งอยู่ในเมลาโนไซต์) โดยมีเอนไซม์ tyrosinase เข้ามาเกี่ยวข้อง หลังจากนั้นเมลานินที่สร้างได้ จะถูกเคลื่อนที่ส่งออกจากเมลาโนโซม ไปให้เคอราติโนไซต์ตัวข้างเคียง และส่งต่อไปยังผิวหนังชั้นบน ซึ่งทำให้เกิดสีผิวตามมา โดยบางคนมีผิวออกแดงคล้ำ บางคนสีออกขาว ขึ้นกับชนิดของเม็ดสีที่ถูกสร้างขึ้น และเมลานินก็ยังมีข้อดีคือ ช่วยป้องกันอันตรายของผิวหนังจากรังสียูวีได้ ในขณะเดียวกัน การได้รับรังสียูวีก็เป็นอีกตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่มากขึ้นได้ นอกจากนั้นความแข็งแรงของ skin barrier ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดการเกิดฝ้าลึกจากการมีเมลานินหล่นลงมาในผิวหนังชั้นล่างได้

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า หากเราต้องการยับยั้งกระบวนการนี้ สามารถทำได้โดย

  1. ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase (Tyrosinase inhibition) ด้วยสารที่ออกฤทธิ์กลุ่ม Tyrosinase inhibitors

a. Hydroquinone เป็น gold standard ในการรักษาฝ้าและรอยดำที่เห็นผลซึ่งใช้ 2-4% HQ แต่เนื่องจากมีผลข้างเคียงที่ตามมาค่อนข้างมาก ปัจจุบันจึงถือเป็นยาที่ต้องควบคุมการสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อาจมีบางประเทศที่กฏหมายอนุญาตให้ผสมในเครื่องสำอางได้ไม่เกิน 2%

b. ยาทาอื่น ๆ เช่น ยาทากลุ่มวิตามินเอ, azelaic acid

c. กลุ่มที่ไม่ใช่ยา เช่น arbutin/deoxyarbutin, licorice, kojic acid, ascorbic acid, resorcinol

  1. ยับยั้งการขนส่งเมลานิน (Melanin transfer inhibition)
  2. เร่งการผลัดเซลล์เม็ดสีส่วนเกินที่ผิวชั้นบน (Increased epidermal turnover) โดยวิธีการ Physical หรือ Chemical exfoliation ตรงนี้สามารถกลับไปอ่านในโพสก่อนนี้ได้
  3. ป้องกันแดด (UV protection)
  4. เสริมสร้าง skin barrier ให้แข็งแรง ด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์


บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.