9 ความลับของกำแพงผิว (Skin barrier)

Skin Barrier หรือที่เรียกว่า กำแพงผิว..สำคัญอย่างไร..เคยได้ยินคำนี้ไหม ⁉️

⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️

1️⃣🔰 Skin barrier เป็นเสมือนเกราะป้องกันผิวเราไว้ ไม่ให้ผิวถูกรุกรานจากสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก รวมทั้งปกป้องไม่ให้ความชุ่มชื้นภายในผิวต้องสูญเสียออกไป

ลองนึกภาพตามนะคะ ถ้า Skin barrier เปรียบเสมือนการก่อกำแพงอิฐขึ้นมาแล้วฉาบปูน
✔️ ก้อนอิฐ —> เปรียบกับ เซลล์ผิวหนังที่ถูกเคลือบไว้ด้วยสารให้ความชุ่มชื้นที่ผิวสร้างได้เอง เรียกว่า NMF (Natural Moisturizing Factor)
✔️ ปูนฉาบก้อนอิฐไว้ให้แข็งแรง —> เปรียบกับ น้ำมันที่เคลือบผิวอยู่ (Sebum)
✔️ ปูนที่ยึดก้อนอิฐไว้ด้วยกัน —> เปรียบกับ ไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว (Intercellular lipid)

จะเห็นว่ากำแพงผิวที่แข็งแรงนั้นต้องสมบูรณ์ทั้ง 3 อย่างข้างต้นนี้

2️⃣🔰 น้ำมันเคลือบผิว (Sebum)
จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ดังนั้นจึงเห็นว่าเป็นข้อได้เปรียบของคนผิวมัน (Oily skin) ผิวจะระคายเคืองน้อยกว่าและเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้น้อยกว่าคนผิวแห้ง (Dry skin)

3️⃣🔰 ไขมันที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว (Intercellular lipid)
เช่น Ceramide III, cholesterol, กรดไขมันอิสระ
จะช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากเซลล์ผิว

4️⃣🔰 Natural Moisturizing Factor (NMF)
เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ผิวเราสามารถสร้างได้เอง ช่วยดูดน้ำและความชื้นไว้ที่ผิว ทำให้ผิวอวบอิ่มเต่งตึง เช่น amino acid, lactic acid, urea

5️⃣🔰 หากกำแพง 3 ส่วนนี้ มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์ ผิวก็จะเกิดปัญหาตามมา ได้แก่

💢 ผิวแห้ง หยาบกร้าน
💢 ระคายเคืองได้ง่าย
💢 เกิดผิวหนังอักเสบเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ
💢 สีผิวไม่สม่ำเสมอ หมองคล้ำ รอยดำ
💢 ริ้วรอยก่อนวัย

🔔 ดังนั้น หากใครอยากมีผิวที่แข็งแรง เปล่งปลั่ง แลดูอ่อนกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะก่อสร้าง กำแพงผิว ของตัวเองให้แข็งแรง ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐาน..ที่สำคัญที่สุด 🔔

6️⃣🔰 อะไรบ้างที่สามารถทำให้กำแพงเกิดรูรั่ว

🛑 Sebum น้อยลง
🛑 ใช้สารผลัดเซลล์ผิวหรือเครื่องขัดล้างหน้าบ่อย
🛑 ล้างหน้าบ่อย
🛑 ต่อมไขมันทำงานลดลงจากอายุที่มากขึ้น
🛑 โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
🛑 การได้รับยาบางชนิด
🛑 การอยู่ในที่อากาศเย็นหรือห้องแอร์ตลอดเวลา

7️⃣🔰 การซ่อมกำแพง เรามีเครื่องมือก่อสร้าง.. ที่ทุกคนรู้จักและเรียกว่า “ มอยซ์เจอไรเซอร์ ” แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า มอยซ์เจอไรเซอร์นั้นแบ่งตามกลไกการออกฤทธิ์ 3 แบบด้วยกัน ได้แก่

⭐️ Occlusive กลุ่มนี้จะเคลือบผิวไว้ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ไม่ให้ระเหยออก
กลุ่มนี้จะเนื้อค่อนข้างเหนียวข้น เช่น petroleum, squalane, waxes, silicone, olive oil, jojoba oil
แนะนำในคนผิวแห้งมาก ๆ (dry skin) และมักใช้ผสมในครีมทากลางคืน เพราะให้ความรู้สึกหนาและเหนียว

⭐️ Humactant กลุ่มนี้จะช่วยดูดน้ำจากอากาศและจากชั้นผิวหนังแท้เข้ามาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวชั้นหนังกำพร้า เช่น Hyarulonic acid, glycerin, sorbitol, urea, and lactic acid
เนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา จึงนิยมผสมใน day cream

⭐️ Emollient กลุ่มนี้จะช่วยซึมลงไปเพิ่มความชุ่มชื้นในผิว เช่น Ceramide, shea butter, collagen, jojoba oil, or elastin

8️⃣🔰 การซ่อมกำแพงที่ถูกวิธี ควรซ่อมให้ถูกจุด และการบำรุงกำแพงที่ดี ควรบำรุงทั้ง 3 ส่วน โดย #เลือกชนิดของมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตน

ยกตัวอย่าง เช่น คนผิวมัน (Oily skin) แต่มีช่วงที่ผิวแห้งระคายเคือง ก็ควรเลือกมอยซ์เจอไรเซอร์กลุ่มที่เป็น Humectant เพื่อดูดความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว และไม่ควรเลือก Occlusive เพราะอาจอุดตันเกิดสิวได้ง่าย เป็นต้น

9️⃣🔰 หากเรารู้แล้วว่าเรามีผิวชนิดไหน เราจะมีวิธีการเลือกมอยซ์เจอไรเซอร์ตามชนิดผิวได้อย่างไร ❓

ผิวหนังมีความซับซ้อน หากเราศึกษาและเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของผิวหนังให้ดี จะช่วยให้เราเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้เหมาะสมมากขึ้น หมอเชื่อว่าแฟนคลับเพจ HELLO SKIN by หมอผิวหนัง ทุกคนจะค่อย ๆ มีพัฒนาการในการดูแลผิวของตัวเองให้สวยขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ

พรุ่งนี้หมอจะมา รีวิวสอนการเลือกมอยเจอไรเซอร์ชนิดต่างๆพร้อมกับยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ‼️

มีใครจะมารออ่านตอน 2 บ้างมั้ย ยกมือขึ้นจ้า 🙋🏻‍♀️✋🏻✋🏻✋🏻

▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️

บทความลิขสิทธิ์ Copyright © HELLO SKIN by หมอผิวหนัง All rights reserved.

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s